หนังสือที่ให้กำลังใจเคล้ารสชาติอาหารที่เพียงแค่อ่านก็หิวขึ้นมาทันที แถมยังได้กลิ่นอ่อนๆของอาหารญี่ปุ่นมาคลอเคลียในใจอีกด้วย อ่านแล้วหิวไปสั่งอาหารญี่ปุ่นมากินดีกว่า
เรื่องราวนี้เสริฟพร้อมกับอาหารที่เขาบรรยายแล้วทำให้น้ำลายสอและคิดถึงญี่ปุ่นขึ้นมาทันที ว่า เราอยากไปที่ร้านนี้ ไปเจอคุณฟูมิและอิจิโกะเพื่อทำอาหารให้เรากิน
“เรื่องราวในเล่มนี้ทำให้เรา
นึกถึงซีรีย์ญี่ปุ่นหลายเรื่อง
ที่เกี่ยวกับอาหารซึ่งเคล้าความอบอุ่น
ปนให้กำลังใจ และทำให้ทุกคนมั่นใจว่า
อาหารคือยาที่เยียวยาจิตใจที่ดี”
รูปภาพนี้ พยายามหารูปภาพร้านค้าที่ใกล้เคียงกับที่บรรยายในหนังสือ
ไม่ว่าคนป่วย คนปกติ หรือคนที่หมดหวัง ก็คงมีความรู้สึกที่อยากกินอาหารอร่อยสักร้านหนึ่ง เรามั่นใจว่า ทุกคนจะมีความหวังขึ้นมาอีกครั้งที่อยากจะดำเนินชีวิตต่อไป
“ความจริงของชีวิตย่อมมีอาหารมาเกี่ยวข้อง”
เปรียบดั่ง
“อาหารที่สำคัญคือทำด้วยใจ
ทั้งสองให้ความหวังพร้อมอาหาร
ทำอาหารเพื่อตอบรับทุกคนในทุกจาน
เมื่อทุกท่านทานจะพบวามจริงใจ”
รูปภาพนี้ เมนูแรกคือข้าวห่อไข่
(ปรุงด้วยรสมือของการเอาใจใส่เป็นพิเศษบวกกับใส่ใจในการปรุงอาหาร)
อิจิโกะและฟูมิ แม่สามีและลูกสะใภ้ สามัคคีปรองดองเปิดร้านอาหารฮาจิเมะ เป็นร้านอาหารที่ดูเล็ก แต่จริงๆเมื่อเข้าไปข้างในแล้วกลับเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ โดยร้านอาหารนี้ ช่วงกลางวันขายอาหารชุด กลางคืนจะกลายเป็นอิซากายะ แต่ละวันจะมีเมนูอาหารที่ยืนพื้นและเมนูอาหารเวียน แต่ทุกเมนูนั้นเป็นเมนูที่เกิดมาจากน้ำมือและน้ำใจที่ใส่ใจเข้าไปทำทุกมื้อเพื่อให้กำลังใจทุกคน
รูปภาพนี้ เมนูสองคือหมูผัดขิง
(ปรุงด้วยใส่กำลังใจเข้าไปให้คนทานมีกำลังใจสู้ต่อไป
และกลับมาทานอาหารมื้อพิเศษนี้อีก)
อิจิโกะกับฟูมิเสนอเมนูในหนังสือไว้หลักๆถึง 5 เมนู แต่ก็จะมีการเสนอเมนูหลากหลายในหลังเล่มเพื่อให้เราทดลองทำอาหารด้วยใจ และเมื่อใครได้ลิ้มรสก็จะพบว่า อาหารนั้นเป็นส่วนหนึ่งสำคัญในการเยียวยาจิตใจได้ โดยเฉพาะ เรื่องราวที่ลูกพยายามจะทำร้านของตัวเอง และลูกมากินอาหารที่ร้านนี้ และได้ใช้อาหารเยียวยาความกังวลและความไม่เข้าใจของตัวเองต่อพ่อ จนกระทั่งตัวของลูกเข้าใจพ่อมากขึ้น และพยายามทำให้พ่อเห็นว่าลูกทำได้ ซึ่งพ่อก็บอกว่า พ่อจะลองให้ลูกลองทำดู ถ้าลูกทำสำเร็จ โดยพ่อเป็นกำลังใจอยู่ข้างๆ
รูปภาพนี้ เมนูสามคือปลาหมึกทอดกรอบ
(ปรุงด้วยความรักในความเข้าใจซึ่งกันและกัน ทำให้อาหารมื้อนี้ดูพิเศษ)
เมื่อวันเวลาผ่านไปที่ร้านฮาจิเมะก็ยังเปิดอยู่ต่อไป และทำหน้าที่ในการทำอาหารต่อไปให้คนทุกคนที่มาทานแล้วรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ให้กำลังใจ และเข้าใจกัน โดยผ่านอาหารให้ทุกคนทานด้วยใจที่ตั้งใจต่อไป
ถึงแม้ว่าในอนาคต ร้านนี้อาจจะไม่อยู่แล้ว หรืออาจจะถูกปิดไปตามกาลเวลา แต่รสชาติอาหารและความทรงจำที่ดีและการยิ้มแย้มเเจ่มใสของป้าทั้งสองยังอยู่ในใจของคนที่เข้าไปกันทุกคน
หนังสือเล่มนี้ไม่ได้สนุกอย่างที่คิดไว้แต่ก็เหมาะกับคนที่เริ่มต้นหากำลังใจให้ตัวเองค่ะ สำหรับเราคือ เรารู้สึกเฉยๆ ไม่ว้าวเท่าไหร่ค่ะ เพราะเราว่า เรื่องราวในหนังสือไม่ต่างจากทุกเล่มที่ผ่านมา
รูปภาพนี้ สรุปความรู้สึกหลังอ่านหนังสือเล่มนี้
“อาหารที่สำคัญคืออาหาร
ที่เป็นกำลังสำคัญต่อใจของคนทาน
แล้วทำให้เรามีความสุขที่ได้ทาน
และมีกำลังใจที่ดำเนินชีวิตต่อไป”
Look A Breathe
(LAB)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in