ณ ที่แห่งหนึ่ง ที่ๆเป็นสถานที่แห่งการเยียวยาจิตใจ เป็นสถานที่แห่งการลดทอนอำนาจในใจ และเพิ่มอำนาจแห่งจิตใจที่จะสู้อย่างมีความหวังของการมีชีวิตอยู่ สถานที่นั้นคือ
“สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ดาวาค้นจนเจอ”
เรา: น้องย้อต ดูนี่สิ (ส่งหนังสือพิมพ์ให้)
ย้อตตี้: ว้าว หาดาวาเจอแล้วหรอครับ ดาวานี้ไอดอลย้อตเลย
เรา: ใช่ๆ พี่ดีใจด้วย พี่คิดว่า น้องย้อตน่าไปเยี่ยมดาวานะ
ย้อตตี้: ได้ครับ งั้นเดี๋ยวพอผมออกจากการจำศีลในถ้ำแล้ว ผมจะไปเยี่ยมครับ ขอบคุณที่มาบอกข่าวครับ
เรา: ไม่เป็นไร แล้วสภาหมีรอคำตอบเราอยู่หลายอย่าง
ย้อตตี้: ผมจะมีคำตอบให้สภาหมีแน่ครับ เพราะว่า หลังจาก ผมไปจำศีล ได้อะไรหลายอย่างมาเลยครับ ผมจะทำ บัญญัติ 5 ประการครับ
น้องย้อตของเราโตเป็นผู้ใหญ่ที่เหมาะกับเป็นผู้นำที่ดีมาก หลังจากนำผิด นำถูกไปหลายครั้ง จนเดี๋ยวนี้ก็กลายเป็นผู้นำที่ดูเป็นผู้เป็นหมีสุดแล้ว แถมช่วงหลังดูห่วงใยประชาหมีอย่างแท้จริง หลังจากหลุดจากการอยากเป็นนโปเลียนมาได้ อะไรก็ดีขึ้น แต่อำนาจนี้หอมหวาน ไม่รู้ว่าจะหลงผิดอีกหรือเปล่านะ
“ในบรรดาอำนาจที่น่ากลัวที่สุด คือ
อำนาจแห่งการยอมแพ้และไม่ทำอะไรเลย”
ดาวาเป็นหมาจรจัดที่ไม่ได้เกิดมาเป็นผู้นำเลย แต่เกิดจากการที่เขาฝึกฝนในการเป็นผู้นำ เขามีความตั้งใจ มีความตั้งมั่น และมีจุดมุ่งหมายว่า เขาจะเป็นผู้นำแห่งการเห่าหอน
เสียงเห่าหอนของดาวาดังไปไกล ปลุกทั้งหมาให้ตื่นตัวและปลุกทั้งคนให้ตื่นรู้ รวมทั้งปลุกสัตว์ทุกตัวให้เข้าใจถึงความพยายาม ความอดทน และความข่มใจในการฝึกฝนทุกวิถี เพื่อสิ่งนี้
ชีวิตดาวา ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ดาวาเป็นหมาที่ยอมรับฟัง หมาที่ยอมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และนำทุกอย่างเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้กับหนทางของตัวเอง จนตัวเองประสบความสำเร็จ ดาวาเป็นหมาสุขุม ที่ไม่ใช่เป็นผู้นำเหมือนหมาที่บ้าอำนาจทั่วไป และดาวารู้ว่า อำนาจเหล่านี้ไม่มีทางอยู่กับเขาไปนาน
“หากเมื่อไหร่ที่เขาหมดอำนาจแล้ว
เขาจะตายอย่างหมาข้างถนน
ที่แม้กระทั่งหมาด้วยกันก็เหยียบย่ำ
คนก็ทำร้าย ชีวิตของอำนาจก็แค่นั้น”
วันหนึ่ง ดาวาป่วยจนเกือบตาย ดาวาออกเดินทางไปตามหาดินแดนที่ศักดิ์สิทธิ์ ระหว่างทางที่เขาเดินทางไป เป็นหนทางที่ลำบาก ดาวาเกือบตายอยู่หลายครั้ง แต่ดาวาใช้แรงฮึดในการพาตัวเองไปยังสถานที่นั้น
ดาวา ได้พบกับนักบวชที่บำเพ็ญเพียรอย่างดี และเขาฟังเสียงสวดมนต์แผ่เมตตา จนในไม่ช้า ดาวาก็หาย และเมื่อเดินทางกลับมายังที่ๆตนเคยเรืองอำนาจ ก็พบว่า ผ่านไปหลายปีแล้ว หมาทุกตัวที่เขารู้จักเสียชีวิตไปหมดแล้ว เหลือแต่หมารุ่นใหม่ ผู้นำตัวใหม่ ที่ดาวามองอยางเอ็นดู
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่อ่านกี่ทีก็ซึ้งกินใจ นี่เป็นเล่มแรกที่เราอ่านของนักเขียนชาวภูฐานและเรารู้สึกไม่ผิดหวัง เพราะเธอสามารถที่จะนำเรื่องราวพื้นบ้าน ปัญหาหมาจรจัด อำนาจ และศาสนามาผสมกันอย่างลงตัว จนทำให้เรื่องราวในเล่มนี้กล่าวได้อย่างสนุกแบบหาที่ติไม่ได้เลย
“หมาหนึ่งตัวพบเจอหนทางสว่าง
หนทางนั้นนำสุขใจมาให้
สุขแห่งความพอเพียงใด
สุขแห่งใจของความเพียงพอได้
ชีวิตดาวาเต็มด้วยความทุกข์
เมื่อกลัวสุขจากอำนาจหายแห่งหนไหน
เมื่อดาวาได้เดินทางไปแดนไกล
จึงพบไว้ว่าอำนาจไม่จีรัง”
“หมีทุกตัว สมาพันธุ์แห่งหมีทั้งหลายจงฟัง
ในขณะนี้ มนุษย์กำลังรุกล้ำธรรมชาติของพวกเรา
รุกล้ำที่อยู่ของพวกเรา รุกล้ำอาหารการกินของพวกเรา ผมซึ่งเป็นตัวแทนของหมีทั้งหลาย
จะเดินทางไปเจรจากับมนุษย์อย่างสันติ
ถึงการแบ่งปันกันและกัน เพื่อพวกเรายังไม่สูญพันธ์ไป
พวกเจ้าเห็นกันว่าอย่างไร”
หมีย้อตตี้
กระผมพบว่า หมีควายไม่เห็นด้วยสุด เพราะให้เหตุผลว่า พวกพรานชอบล่าหมีควาย หมีขาวบอกว่าชาวมนุษย์ไม่ต้องการสันติ หมีกริซลี่ก็หาทางที่จะคิดว่า หากหาสันติไม่ได้ ก็ควรมีแผนสำรอง ทำให้กระผมเข้าใจในปัญหาของน้องพี่หมีทั้งหลาย แต่กระผมจะเดินทางไป เพื่อคุยกับมนุษย์ที่ยังพอมีปัญญาอยู่บ้าง กระผมเลือกแล้ว ที่จะไม่คุยกับมนุษย์ที่สักแต่ใช้ปากพูด แต่ไม่ใช้ใจสื่อสาร
“อำนาจวาสนาคือสิ่งที่หมดไปได้
แต่อำนาจที่พึ่งพาผ่านธรรมชาติเป็นอำนาจจีรัง”
Look a Breathe
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in