“เอาจริงหรือนี่ เขียนแบบนี้นะ
เอางั้นแน่ๆซะ ชีวิตไม่ละความเพียร
เพียรเขียนเพียรแกงคน ชีวิตตนอดจะขบขัน
เรียนรู้ไปเร็วพลัน พบว่างั้นก็เงิบน่าดู”
เราขอบอกว่า พออ่านเล่มนี้จนจบแล้วคิดว่า เคโงะจะเขียนแบบนี้เลยหรอ ไม่คิดว่า พ่อคุณจะเขียนเรื่องราวขบขัน จิกกัดตัวเอง จิกกัดผู้อื่นที่เขียนนิยายฆาตกรรมคลาสสิกได้เจ็บแสบขนาดนี้ จิกกัดนักอ่าน และไม่เพียงที่จะจิกกัดเรื่องราวทริกต่างๆของคดีฆาตกรรม เมื่อเราอ่านและก็ขำแถมลืมตัวอุทานขึ้นมาตลอดว่า
“เอางั้นจริงๆหรือ กล้ามาก ที่จะเขียนเรื่องราวแบบนี้”
เรื่องราวเป็นเรื่องราวของตัวประกอบที่เป็นตำรวจที่ทำเป็นต้องชมนักสืบเทงกะอิจิว่าเขาเก่งและตัวเองทำเป็นโง่ไม่รู้เรื่อง ทำหน้าที่กินห่อหมกกับใบยอ คือ ห่อหมกเออออกับอีตานักสืบนี้ และใบยอว่าพ่อเก่งเหลือเกิน ซึ่งคือจริงๆ ตรูก็รู้ว่า ฆาตกรคือใคร ไม่ต้องรออีนักสืบมาบอกหรอก แล้วอีนักสืบนี้ก็ไม่ได้อยากทำหน้าที่แบบนี้เท่าไหร่ ในหลายครั้ง แต่ก็ต้องทำเพราะไม่งั้น โดนแน่ โดนของปาจากผู้อ่านใส่บ้านนักเขียนแน่นอน และคงโดนคำของไหมแก้วในแม่เบี้ยว่า “ไปตายซะ”
และไม่เพียงเท่านั้น พ่อนักสืบคนเก่งเรานี้ก็เล่นเดาใจฆาตกรผิดไปหลายต่อหลายครั้งต้องปลอมตัวตามคำสั่งนักเขียน ที่ไม่ๆๆๆๆ ตัวอีนักสืบคนนี้ไม่อยากเป็นหรอก ทำไมผมต้องมาปลอมตัวเป็นผู้หญิง เอาใจผู้อ่านด้วย คิดสิคิด ผมเป็นผู้ชายและยอดนักสืบ (เน้นย้ำว่า ยอดนักสืบ) ทำไม ต้องทำผมเป็นตัวตลกไร้ความคิดด้วยล่ะ
ผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมทั้งหลายไม่ว่าจะปลอมตัวเป็นผู้หญิง แต่ตัวประกอบอย่างตำรวจก็ดูออกว่า ปลอมไม่เนียน แต่อีตานักสืบต้องรับบทต้องทำเป็นอธิบายให้ฆาตกรดีใจว่า พ่อปลอมเนียนมาก
คดีเรือชนฆาตกรตาย เพราะจริงๆในฉากอยากเขียนให้ถูกเรือชนตาย เพราะดูเข้ากับเนื้อหามากกว่า แต่มีสปอนเซอร์รถมา ก็เลยต้องเอาใจและเปลี่ยนจากรถเป็นเรือ
คดีขอความช่วยเหลือโดยมีตัวอักษรภาษาอังกฤษ ทำเป็นบอกว่า จะบอกชื่อฆาตกร และถึงแม้ตัวประกอบจะบอกว่าอุบัติเหตุ ซึ่งเจ้าอีตานักสืบบอกว่า ผมไม่เถียง เพราะเขาเขียนขอความช่วยเหลือว่า ช่วยตามหมอที มีเงิบ
คดีคอขาด เพราะต้องตัดตามคำสั่งของนักเขียนที่ดันคิดว่า ตัวมันลอย เลยต้องตัดหัวให้ตัวไม่ลอย ไปเอาความคิดนี้มาจากไหน และไม่เพียงเท่านั้น คนทำก็อยากตัดเพราะทำงานไปรษณีย์และต้องตัดสแตมป์ตลอด เกี่ยวอะไรด้วยค่ะ เคโงะ
คดีทำบ้านกล ทำไม ตัวประกอบคิดว่า เสียเงินทำบ้านกลแพงกว่าเสียเงินจ้างฆ่าคนซะอีก ทำไปเพื่อ ไร้สาระ แค่ตามใจคนอ่านก็เท่านั้น ให้ตื่นเต้น ว่า อืมนะ จะมีอะไร และจะได้มีคนจ้างอีนักสืบพร้อมตัวประกอบมาทำฉลาดและทำมึนในเรื่องตามลำดับ
เรื่องราวก็ดำเนินมาถึงตอนจบว่า จริงๆแล้ว เราอยากไปตบหัวคนเขียนชะมัดว่า เขียนหนังสือเล่มนี้มาเพื่อสร้างความขบขัน แล้วทำไมๆ ถึงไม่บอกแต่แรกว่า จะปล่อยมุก จะได้เตรียมกระดาษมาปิดปากเวลาหัวเราะเสียงดัง
เราตัดสินใจเอาหนังสือสองเล่มนี้ทั้งคำสาปยอดนักสืบและกฎยอดนักสืบที่เป็นหนังสือสองเล่มต่อเนื่องกันมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อให้เพื่อนๆลองคิดตามถึงความผิดพลาดหลายอย่างที่กลบไม่มิด และมันก็จะส่งกลิ่นเศร้าๆของดอกซ่อนกลิ่นในส่วนลึกความทรงจำของเราตลอดไป เพียงแค่เราเรียนรู้ แก้ไข ดอกซ่อนกลิ่นนี้จะเปลี่ยนเป็นดอกมะลิก็ย่อมได้
ชีวิตของคนเรามีการซ่อนความขบขันในชีวิตอยู่หลากหลายฉันใด ดอกซ่อนกลิ่นก็ซ่อนกลิ่นหอมฉันนั้น เราว่า นักเขียนคงเอาเรื่องราวช่องโหว่ของตัวเองและของนักอ่านที่คอมเมนต์มาบอกและสร้างเรื่องให้ขบขัน โดยยอมรับความผิดพลาดของตัวเองล่ะ แต่ทำให้มันสนุกแบบตลก เบาสมอง
“ไม่มีชีวิตใดของคนสมบูรณ์แบบ
มีเพียงแค่เราต้องหาช่องโหว่
หรือความผิดพลาดให้เจอก่อน
แล้วเรารีบอุดช่องโหว่และเเก้ไขความผิดพลาดนั้น”
Look a Breathe
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in