ADVERTISEMENT
"ทุกคนเคยหมดหวัง สิ้นหวัง ไร้เรี่ยวแรงที่จะดำเนินชีวิตไหม มันเหมือนกับว่า โลกกำลังแตกสลาย ไม่มีอะไรให้หวังอีกแล้ว"ถ้าเคย น่าจะลองเปิดใจอ่านหนังสือเล่มนี้ดู
ในปัจจุบันนี้ หลายๆคนก็ประสบปัญหาเดียวกัน ขาดทุน บริษัทปิด เศรษฐกิจตกต่ำ ตกงาน ชีวิตหมดหวังไร้หนทางและก็คิดเสมอว่า เมื่อไหร่ ปัญหาโควิดจะหมดไปจากชีวิตสักที แต่เมื่ออ่านเรื่องนี้จบ จะต้องหันกลับไปคิดดูใหม่ ว่า เราจะพลิกวิกฤตนี้ให้เป็นโอกาสได้อย่างไร ก่อนอื่น เราต้องปลอบประโลมใจตัวเองให้ลุกขึ้นมาสู้ใหม่อีกครั้ง ทำตามความฝันเรา เมื่อใจเราสู้ กายเราก็พร้อมสู้ไปกับใจที่เข้มแข็ง
วิธีจะทำชีวิตเราให้มีหนทางและควรเริ่มทำอย่างไรดี ตามมาดูกันเลยดีกว่า
เรื่องเริ่มต้นเมื่อ ตัวเอกของเรื่องชื่อ เซตะ หรือ ยามะจัง มีอาการตาพร่องสี ตกงาน ต้องไปเป็นอาจารย์พิเศษในช่วงเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ช่วงหลังได้เงินมาไม่พอจ่ายค่าน้ำไฟ ถูกตัดน้ำไฟไปหมด ปรากฏว่า ในช่วงกำลังลำบาก มีคนมาให้ความช่วยเหลือ คือ คุณนางาซาว่า ซึ่งทำงานสำนักงานนักเขียนบทเล็กๆที่ให้โอกาสช่วยเหลือ หลังจากนั้นเริ่มทำงานมาโดยอยู่เบื้องหลังคุณนางาซาว่า
(ทุกคนเคยไหม บางทีเราก็เป็นเงาให้คนอื่นเสมอ ไม่เคยเป็นเงาในตัวของเราเองสักที)
หลังจากนั้นก็ได้มาเจอบาร์แห่งหนึ่งที่ชินจูกุชื่อร้าน คารินกะที่นั้น เขาเจอยูเมะจัง กับการละเล่นแปลกๆ อย่างเช่น พนันแมว กับแผนผังครอบครัวเกี่ยวกับแมว มันคืออะไร เล่นไปทำไม มีเพื่ออะไร
(ความลับกำลังค่อยๆคลี่คลาย)
หลังจากนั้นยามะจังเริ่มติดต่อพูดคุยกับยูเมะจัง ถึงเรื่องแผนผังแมว ทำให้รู้ว่า ชีวิตของยูเมะจังก็ขาดแหว่งเหมือนกันคือ ตาเหล่ อยู่กับยายติดเหล้าจนไปอยู่สถานสงเคราะห์ และเริ่มต้นที่มาของครอบครัวแมว ในแผนผังแมว ว่า แมวเหล่านั้น มาจากไหน
(ในเรื่อง แมวไม่ได้เป็นเส้นเรื่องหลัก แต่เป็นเส้นเรื่องรองที่ทำให้ทั้งคู่ใกล้ชิดกัน)
"ในความคิดเห็นส่วนตัวของเรา แมวหรือ Neko (ねこ) มักจะมีนักเขียนญี่ปุ่น นำมาเขียนเสมอ เพราะนิสัยแมวเหมือนกับนิสัยคนในรูปแบบหลายอย่าง โดยเฉพาะใจของแมวเหมือนกับใจของคนที่ใกล้กันเกินไปก็รู้สึกเบื่อหน่าย ไกลกันก็คิดถึง แมวจึงเป็นสัญลักษณ์หรือลูกเล่นหลายอย่างที่นักเขียนทั้งญี่ปุ่นนิยมเขียนถึง" แต่เรื่องนี้กลับหมายถึง "ดวงตาของแมวที่เป็นแสงส่องนำทาง"
หลังจากเริ่มที่จะมีความสนิทกันแล้ว ทั้งสองคนได้ตัดสินทำบทกวีของสองเราขึ้นมาเองที่เกี่ยวข้องกับแมว ชื่อ แมวแห่งชินจูกุ (ที่มาของหนังสือ ในภาษาอังกฤษ ว่า Shinjuku Cat)
เมื่อทั้งสองคุยกันเรื่องเขียนบทความ คุณนางาซาวะที่ช่วยเหลือยามะจังก็หางานมาให้ยามะจังได้ แต่นี้ล่ะเป็นจุดการตัดสินใจครั้งสำคัญของยามะจังที่ตัดสินใจทิ้งงานที่กำลังรุ่งทุกอย่าง ออกจากงาน เพราะอะไร ก็ลองไปอ่านกันได้ (บางทีความโหดร้ายไม่ได้เกิดจากการกระทำของคนต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเท่านั้น แต่เกิดจากคำพูดที่คนมีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยเช่นกัน)
หลังจากนั้น มีเกิดเหตุการณ์ขึ้น เมื่อมุราอิ เอริก็ได้จ้วงแทงคุณซาซากิ แล้วมุราอิ เอริคือใคร ทำแบบนี้ทำไม ทำไปเพื่ออะไร มาตามต่อกันในหนังสือ สุดท้ายแล้วในชีวิต ยามะจังก็ประสบความสำเร็จในความฝันของตัวเอง
(ถึงแม้ใช้เวลา แต่ชีวิตคือการก้าวบันได เมื่อก้าวทีละขั้นจะสำเร็จแบบมั่นคงกว่าก้าวข้ามหลายขั้น)
แล้วเรื่องก็ดำเนินมาถึงตอนจบของเรื่องที่ใช่ เรื่องนี้ควรจบแบบนี้จริงๆ จบแบบให้อยู่ในใจของกันและกัน บางทีความรักไม่ใช่การครอบครอง ไม่ใช่การอยู่ด้วยกัน แต่มันคือ ความเห็นอกเห็นใจกัน
เราประทับใจเรื่องนี้อยู่หลายอย่าง คือ คำพูดที่แสดงถึงว่า เมื่อเรายังมีลมหายใจอยู่ เมื่อนั้นเรายังสามารถหาคุณค่าความเป็นมนุษย์ได้ดีอยู่
ยกตัวอย่างเช่น
"ทำงานไม่ถูกที่ไม่ถูกทาง"
"เวลาที่ไม่ได้รับเลือกคือเวลาที่ได้รับเลือก"
"หลงทางแล้ว หลงทางเล่า แต่ผมยังเดินเรื่อยมา จึงเข้าใจความรู้สึกของแมวอื่นๆที่กำลังหลงทาง"
หลงทางอะไรก็หลงทางได้
แต่หลงใจนี้คงนานจะพานพบ
หาทางออกเมื่อเดินมาประสบ
คงพานพบทางออกใจนี้เอง
สุดท้ายแล้วก็เหลือแค่ใจนี้
ที่คิดมีคิดได้สมประสงค์
คิดยากไหมยามนี้ตามทุกวง
ถึงคิดพลันก็สงสารใจตัวเอง
-- Look a Breathe --
สามารถติดตามชมเรื่องราวของ Look a Breathe ที่ลิงค์https://www.facebook.com/pg/ReadABookAndTravelEasily/posts/
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in