สวัสดีค่ะ วันนี้เรากลับมาแบ่งปันเล่าเรื่อง
"4 เล่มสุดท้ายของซีรีย์ เจ้าอู๊ดชิตตะกะทำเป็นรู้" โดยแบ่งออกเป็นต่างๆ ดังนี้
1.) ที่อยู่ที่ยืนของเจ้าอู๊ดชิตตะกะทำเป็นรู้
2.) ลึกสุดใจเจ้าอู๊ดชิตตะกะทำเป็นรู้
3.) จุดพลิกผันของเจ้าอู๊ดชิตตะกะทำเป็นรู้
4.) ความรักของเจ้าอู๊ดชิตตะกะทำเป็นรู้
สุดยอดความน่ารัก ความขบขัน และกำลังใจที่มอบให้กับทุกคนค่ะ"
ที่อยู่ที่ยืนของเจ้าอู๊ดชิตตะกะทำเป็นรู้
เรื่องนี้มาพบกับเจ้าหมูๆทั้งหลายที่พาไปเรียนรู้จิตใจของเรา เรามีเคล็ดมาบอกนะ เวลาอ่านซีรีย์เรื่องนี้ เพียงแค่ปล่อยความรู้สึกทุกอย่างออกไป ทำใจว่างๆ จิตใจปลอดโปร่ง แล้วเราก็จะพบตัวเองในทุกเล่ม
"บางทีเราติดกับอุดมคติหรือความริษยามากไป คิดเปรียบเทียบตัวเรากับคนอื่นตลอดเวลา
ไม่ว่า
- เขาดีกว่าเรา
- เขารวยกว่าเรา
- เขาชีวิตดีกว่าเรา
- เขาเก่งกว่าเรา
และไม่เพียงเท่านั้นไม่พอ
เราชอบกังวลกับสายตาคนอื่นว่า
- คนอื่นเขาชอบเราไหมนะ
- คนอื่นเขารู้สึกยังไงกับเรา
- กลัวว่าเขาจะมองเราไม่ดี
และติดตรงที่ชอบหลอกตัวเอง
- คิดว่าตัวเองเหนือคนอื่น
- คิดว่าตัวเองเสมอคนอื่น
- คิดว่าตัวเองต่ำกว่าคนอื่น
ดังนั้น พอเราได้ลองทบทวนมุมมองชีวิตของเราอย่างดีแล้ว เราจะเริ่มมองเห็นเหตุของปัญหาและสามารถแก้ไขปัญหาในชีวิตได้เป็นอย่างดี"
ยกตัวอย่างเช่น
วันนี้เราเข้าทำงานครั้งแรก อยากทำให้คนประทับใจ เรายิ้มแย้มเป็นมิตร
ผ่านไปหลายเดือน
วันนั้นเราอารมณ์ไม่ดี ไม่ได้ยิ้มเหมือนเดิม
เรากลับมากังวลว่า
ทำไงดีนะ คนรอบข้างไม่ชอบเราแน่
กังวลอยู่หลายวัน จนเครียดมาก จนไม่รู้จะทำไงดี นับวันยิ่งเข้ากับตัวเองยากและคนอื่นยากมากขึ้น
ในใจคิดแต่ทำไงดี
สุดท้ายเราก็มองเห็นปัญหาของเหตุว่า เกิดจากความกังวลและกลัวการเปลี่ยนแปลง
เราหายเครียด กลับมายิ้มแย้มแจ่มใส เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น
สรุปว่า คนทุกคนลืมเรื่องเราไม่ยิ้มไปนานแล้ว
การเรียนรู้จากตัวอย่างนี้
"จะพบว่า ร้อยละ 99% เป็นเรื่องที่เราคิดขึ้นมาเองทั้งนั้น เรากังวลว่า เขาจะคิดยังไงกับเรา เรากลัวว่าคนเหล่านั้นจะเปลี่ยนไป ทำให้เราไม่สามารถก้าวออกมาจากเรื่องราวแบบนี้ได้สักที แต่ถ้าเมื่อไหร่ เราสามารถแยกแยะความคิดในอดีต ปัจจุบัน อนาคตออก ความคิดเป็นระบบ เราสามารถอยู่กับตัวเองแบบมองโลกตามความเป็นจริงได้เป็นอย่างดี"
ลึกสุดใจเจ้าอู๊ดชิตตะกะทำเป็นรู้
ในหลายต่อหลายครั้งที่จิตใจเรายึดติดกับความเป็นตัวตนของตัวเองมากเกินไป
และไม่พอเท่านั้นก็ยึดติดกับตัวตนของคนอื่นมากเกินไปเช่นกัน
สิ่งที่ทำให้ยึดติดเหล่านั้น คือ จิตใจเราที่มีความต้องการไม่มีที่สุด เราอยากดี อยากเด่น เป็นต้น
หรือจิตใจนั้นต้องการขวนขวายหาความสุขอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ดังนั้น หากเราเปลี่ยนมุมมองต่อชีวิต ด้วยการแก้ไขเชือกที่พันตัวเองอย่างยุ่งเหยิงทีละน้อยอย่างเข้าใจด้วยความผ่อนคลาย เชือกที่พันตัวเราก็จะหลุดออกมาเอง"
ยกตัวอย่างเช่น
ถ้าวันนี้เราแยกตัวเราออกมาเป็นส่วนๆได้ ไม่ว่าจะเป็นมือ นิ้วมือ แขน ขา หัวใจ ตับ ไต ลำไส้ สมอง ตา จมูก ปากและอื่นๆอีกมากมาย
เราอยากรู้ว่า ตัวตนเราอยู่ที่ไหน ไม่เห็นมีตัวเราเลย มีแต่แค่ทุกส่วนมาประกอบกันเป็นเราไม่ใช่เหรอ และใจนึกคิดนั้นอยู่ที่ใด ก็เมื่อเอาทุกอย่างออกมาแล้ว ยังไม่เห็นจิตใจเลย
ดังนั้น
"ตัวตนกับจิตใจอยู่ไหนใครรู้ได้ช่วยตอบที"
การเรียนรู้จากตัวอย่างนี้
"มันคือความว่างเปล่า ตัวตนเราก็ไม่มี ตัวตนเขาจะมีได้ยังไง ใจนึกคิดก็ไม่รู้อยู่ไหน เพราะในความเป็นจริงแล้วความคิดทุกอย่างเมื่อกระทบเข้ามาผ่านตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จะดีหรือจะร้าย ถ้าเรารู้เท่าทันก็ดับไป ไม่ว่าจะเป็นความโลภอยากได้ ความโกรธที่เขาไม่เหมือนเดิมหรือความหลงตัวตนเขาตัวตนเรา"
จุดพลิกผันของเจ้าอู๊ดชิตตะกะทำเป็นรู้
เมล็ดพันธุ์แห่งความทุกข์เกิดจากที่ใด เกิดจากที่ใจหรือที่กาย หากรู้มั่นถึงเหตุนั้นแล้ว การแก้ไขปัญหาที่เกิดจากเห็นเหตุย่อมแก้ไขได้ไฉน ผลลัพธ์ที่ออกมาย่อมจะดีขึ้นฉันนั้น
ถ้าเราเริ่มต้นมองย้อนกลับไปเมื่อ 3,800 ล้านปีก่อน เราเห็นที่มาของความทุกข์ว่า อยู่ที่ความนึกคิดของเรานี่เองความไม่ไตร่ตรอง ความเข้าใจผิด เป็นต้น
ความสุขจะเกิดขึ้นได้แล้วเดี๋ยวมันก็ทุกข์อีก เปรียบเหมือนการมองภาพที่มันซ้อนทับกัน ทั้งในยิ้มแย้มและอมทุกข์เพราะคือภาพเดียวกัน เช่นเดียวกับคนเราที่วนเวียนกับแบบนี้ เดี๋ยวทุกข์ เดี๋ยวสุข ตลอดไป
ยกตัวอย่างเช่น
วันนี้เราเห็นดอกไม้สวย กลิ่นหอม ดมแล้วมีความสุขใจ
ผ่านไป 5 นาที
เราเดินกลับไปที่เดิม เห็นดอกไม้สวย ดมแล้วเหม็นกลายเป็นทุกข์ใจ
ผ่านไปอีก 10 นาที
เราเดินผ่านที่เดิมอีกครั้ง รู้สึกเครียดมาก ไม่อยากเดินผ่าน เห็นดอกไม้สวย กลิ่นหอม ลอยมา ก็สุขใจอีก
ผ่านไปผ่านมายังไม่ถึงครึ่งชั่วโมง จิตใจก็เปลี่ยนทุกข์ สุข เพียงเกิดจากจมูกกระทบกับกลิ่นของดอกไม้เท่านั้นเอง
การเรียนรู้จากตัวอย่างนี้
"เราเพียงอยู่กับปัจจุบัน ใจก็สุขแล้ว เราอย่าไปยึดติดกับสิ่งในอดีตและอนาคต เมื่อเราอยู่กับปัจจุบัน เราก็สุข ทุกอย่างอยู่ที่กายกระทบใจ เมื่อใจเรารู้แล้ว เราก็รู้ อย่าไปยึดติด ก็หายทุกข์แล้ว"
ความรักของเจ้าอู๊ดชิตตะกะทำเป็นรู้
ทุกคนเคยเจ็บปวดเพราะรักคนอื่นไหม มันเป็นทุกข์นะ ไม่ว่ารักข้างเดียว กลัวการเปลี่ยนแปลง เป็นต้น
และทุกคนเคยคิดไหมว่า ทำไมความคิดเหล่านี้ทำให้เราเหนื่อยแค่ไหน
เพราะอะไรก็ไม่รู้นะ พอสิ้นหวังจะเริ่มมองเห็นตัวเอง
เมื่อสิ้นหวังก็ไม่อยากทำอะไร ไม่มีที่จะไป ปล่อยเนื้อปล่อยตัวโทรมๆ
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ สิ่งที่เกินจำเป็นก็หายไปหมดเกลี้ยง
เมื่อเหลือบมอง สิ่งที่เหลืออยู่ นั้นคือ "ตัวเอง" ที่เปลือยเปล่า
พอเริ่มเข้าใจ "ตัวเอง" อย่างที่เป็นจริงๆ ความมั่นใจเล็กๆน่ารักๆ ที่ทำให้รู้สึกดีก็เกิดขึ้น
อย่าลืมว่า "ฟ้าหลังฝนย่อมมีดวงอาทิตย์สาดแสงลงมางดงาม"
การเรียนรู้จากตัวอย่างนี้
"เราควรหันกลับมารู้จักตัวเอง กลับมาเข้าใจว่า ความรักเรียกให้เขามารักเราเป็นไปไม่ได้ บังคับกันก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้น เราควรรู้จักคุณค่าของตัวเราเองว่า เรารักตัวเอง เรารู้จักตัวเอง และเราสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเราเอง เราต้องรู้สึกขอบคุณตัวเราเองนะ ที่ไม่ไปแทรกแซงหรือแย่งผู้ชายคนนั้นมาจากเพื่อนของเรา เพราะเรารู้ว่า เราดีพอสำหรับตัวเองได้"
ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวที่เราได้จากหนีงสือเหล่านี้
"เจ้าอู๊ดน้อยนามชิตตะกะนี้
รู้จักดีกับท่านบุตตะนี่
เจ้าอู๊ดดีทำเป็นรู้ตลอดเวลา
เจ้าบุตตะสอนเจ้าอู๊ดให้เข้าใจ
จิตใจของคนฝึกฝนได้
เพียงไม่ตามเชื่อปล่อยใจ
ทำใจได้ก็คลายทุกข์
พบสุขอยู่ใกล้นี้เอง
กายไม่ทุกข์เมื่อเราเข้าใจนี้
กายไม่มีจริงๆนะจะสอนสั่ง
มองเลิกมั่งจะเห็นไม่มีกาย
สุดท้ายร้ายกลายเป็นดีนะเพื่อนเอย"
-- Look a Breathe --
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in