เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
REVIEWกีอัลลาร์
【novel】陰陽師 (onmyouji) | yumemakura baku
  • 陰陽師 (onmyouji)
    author: yumemakura baku


    *spoiler alert*

    ไปซื้อนิยายต้นฉบับมาอ่านหลังจากดูหนังมา 2 เวอร์ชั่นแล้วเกิดความสงสัยว่าในนิยายมันเป็นยังไงทำไมเนื้อเรื่องในหนังช่างไม่เหมือนกัน แต่ยังคงมิตรภาพลูกผู้ชายไว้ได้อย่างคงเส้นคงวา 5555


    onmyouji เวอร์ชั่นนิยายเล่มแรกเป็นเรื่องสั้นขนาดยาว 6 เรื่องที่ผสมผสานระหว่างปรัชญา+เรื่องสยองขวัญสไตล์ญี่ปุ่น+ความโบรมานซ์กรุบกริบ แต่ละเรื่องจะเริ่มจากการที่เซย์เมย์กับฮิโรมาสะมานั่งดื่มเหล้าด้วยกันแล้วดีเบทกันในประเด็นอะไรสักอย่าง จากนั้นฮิโรมาสะก็จะเล่าเรื่องลึกลับที่เกิดขึ้นในนครหลวงเฮอันหรือไม่ก็เรื่องที่ได้รับไหว้วานมาจากคนอื่นให้เซย์เมย์ฟัง จบด้วยการที่ทั้งสองออกไปปราบภูตผีที่สร้างความเดือดร้อนให้ชาวเมืองด้วยกัน

    ในส่วนของการปราบภูตผีมันจะไม่ได้ต่อสู้กันเว่อร์วังอลังการอะไร ออกแนวเรียบๆ เนิบๆ แฝงความสยองขวัญเหมือนรวมเรื่องผีของแลฟคาดิโอ เฮิร์น ความสนุกของเรื่องนี้เลยอยู่ที่ขั้นตอนการสืบหาตัวจริงของภูตผีที่ปรากฏตัวออกมาว่าเป็นใคร มีจุดประสงค์อะไร จะจัดการมันที่ต้นตอได้ยังไง (ซึ่งภูตส่วนใหญ่ที่เจอก็จะมีความแค้นอะไรบางอย่างกับใครสักคนที่เป็นเหยื่อ) แล้วภูตผีที่เจอในตอนนั้นๆ เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เซย์เมย์กับฮิโรมาสะคุยกันในตอนแรกยังไง


    สำหรับตอนที่เราชอบที่สุดในเล่มแรกคือตอน 鬼のみちゆき เป็นเรื่องของภูตหญิงสาวในรถเทียมวัวที่เคลื่อนไปตามทางสู่พระราชวังทั้งที่ไม่มีวัวลากรถ คนรู้จักของฮิโรมาสะพบเห็นภูตตนนี้และถูกทำร้ายจนนอนจับไข้ และในช่วงเดียวกันนี้เอง ฮิโรมาสะก็ได้รับกลอนแทนใจจากหญิงสาวในวังคนหนึ่ง เลยเอาทั้ง 2 เรื่องนี้มาปรึกษาเซย์เมย์

    เซย์เมย์ก็ถอดรหัสจากกลอน ไปๆ มาๆ เลยพบว่า 2 เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกัน กลอนที่ว่าที่จริงแล้วตั้งใจจะส่งให้จักรพรรดิ พอสืบต่อก็เจอว่าตัวจริงของภูตเป็นหญิงสาวที่จักรพรรดิเคยสัญญาว่าจะไปรับแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไป สาวก็รอมา 15 ปีจนตรอมใจตาย กลายเป็นภูตนั่งในรถเทียมวัวเพื่อเดินทางไปหาจักรพรรดิเป็นครั้งสุดท้าย

    ที่ชอบตอนนี้เพราะมันมี clue ต่างๆ ชัดเจนดี มีความเป็นนิยายสืบสวนเบาๆ ให้ฟีลประมาณเชอร์ล็อกกับจอห์นเวอร์ชั่นเฮอัน อย่างตอนที่ฮิโรมาสะเล่าว่ามีผู้หญิงเอากลอนมาให้ก็เล่ารายละเอียดว่าตอนนั้นตัวเองกำลังจะเอาปรัชญาปารมิตาสูตรที่จักรพรรดิเป็นผู้คัดลอกไปที่เก็บไว้ที่วัด ซึ่งก็มาเฉลยตอนท้ายว่าจุดนี้เองที่ทำให้ภูตเข้าใจผิดคิดว่าฮิโรมาสะคือจักรพรรดิ หรือเรื่องคนรู้จักของฮิโรมาสะที่ถูกทำร้าย ก็เล่าว่าเป็นพวกเสือผู้หญิง ตอนที่โดนทำร้ายคือกำลังนั่งรถเทียมวัวไปหาสาวคนรัก 2 คนในคืนเดียว เป็น clue ในการถอดรหัสกลอนที่ฮิโรมาสะได้รับ และยังบอกเป็นนัยๆ ว่าต้นเหตุของเรื่องนี้มันเกิดมาจากการที่จักรพรรดิไปมีผู้หญิงไว้นอกวังนั่นเอง


    นอกจากเนื้อเรื่องแล้ว จุดที่เราคิดว่าโดดเด่นมากๆ ของเรื่องนี้ก็คือคาแรกเตอร์ของเซย์เมย์ นิยายเล่มแรกเล่าประวัติของเซย์เมย์ไว้นิดหน่อยตอนต้นเรื่องว่าเป็นศิษย์ใคร โด่งดังยังไง แต่เราจะไม่รู้เลยว่าเซย์เมย์มาเจอกับฮิโรมาสะได้ยังไง ทำไมสนิทกันมากขนาดนี้ แล้วทำไมคนอื่นต้องเกรงใจ แบบเป็นขุนนางระดับกลางๆ แต่ไม่เห็นทำงานทำการ จักรพรรดิส่งคนมาตามก็แกล้งทำเป็นไม่อยู่บ้านได้ด้วยเหรอ 5555 คือเป็นคาแรกเตอร์ที่ลึกลับน่าค้นหา และในแต่ละตอนมันก็จะมีจุดที่ทำให้เรารู้จักเซย์เมย์มากขึ้นทีละนิด มันเลยเป็นความสนุกอีกอย่างที่กระตุ้นให้อยากอ่านต่อเรื่อยๆ


    ในภาพรวมไม่ว่าจะเป็นคาแรกเตอร์หรือฉากต่างๆ จะมีความใกล้เคียงกับหนังเวอร์ชั่นญี่ปุ่นมากกว่า โดยเฉพาะคาแรกเตอร์ของเซย์เมย์ที่เรียกได้ว่าหลุดออกมาจากในนิยายจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา วิธีการพูด อากัปกิริยาต่างๆ คือมันไซเซนเซย์แสดงได้ละเอียดตามที่บรรยายในนิยายเป๊ะ

    แต่ในส่วนของเนื้อเรื่อง หนังทั้ง 2 เวอร์ชั่นไม่ได้ทำตามนิยายเลย คือจะเป็นการเอาฉากต่างๆ และเอเลเมนท์บางส่วนในนิยายมาเรียงแล้วผูกเรื่องใหม่ เช่น ตัวละครหญิงสาวที่เป็นอมตะเพราะกินเนื้อเงือกในนิยายจะเป็นผู้หญิงคนแรกของเซย์เมย์ ในหนังเวอร์ชั่นญี่ปุ่นเป็นคนรักของเจ้าชายซาวาระเมื่อ 150 ปีก่อน ส่วนในหนังเวอร์ชั่นจีนจะเป็นสนมของจักรพรรดิที่ไปตกหลุมรักอาจารย์ของเซย์เมย์ ซึ่งพอได้อ่านต้นฉบับแล้วก็พบว่าหนังทั้ง 2 เวอร์ชั่นเอาเอเลเมนท์เดิมมาผูกเรื่องใหม่ได้สนุกไปคนละแบบ


    *ต่อไปเป็นการอ่านด้วยฟิลเตอร์สาววาย*

    แน่นอนว่าความสนุกอีกอย่างของเรื่องนี้ก็คือความสัมพันธ์ระหว่างเซย์เมย์กับฮิโรมาสะ ซึ่งในนิยายไม่บอกเลยว่า 2 คนนี้เจอกันได้ยังไง ผ่านอะไรมาด้วยกันบ้าง แต่คำพูดและการกระทำมันบ่งบอกชัดเจนเขาสนิทกันมากกก เซย์เมย์คือไม่คบใคร คบฮิโรมาสะเป็นเพื่อนคนเดียว ส่วนฮิโรมาสะที่ดูเป็นคนกว้างขวางรู้จักคนไปทั่วก็กลับให้ความสำคัญกับเซย์เมย์มากๆ ทั้งที่นิสัยต่างกันสุดขั้ว มองมุมหนึ่งก็คือมิตรภาพลูกผู้ชายตามขนบญี่ปุ่นเป๊ะๆ แต่ถ้าใส่ฟิลเตอร์สาววายเข้าไปก็คือคำพูดและการกระทำตั่งต่างในนิยายมันชัดเจนและชวนจิ้นยิ่งกว่าในหนังซะอีก 5555

    และก็อย่างที่เห็นในหนังว่าเซย์เมย์จะใส่ชุดขาว ฮิโรมาสะจะใส่ชุดดำ (เป็นส่วนใหญ่) ในนิยายก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน คือเซย์เมย์ใส่คาริกินุสีขาวตลอดเวลาไม่ว่าจะฤดูไหน ส่วนฮิโรมาสะเวลาไปปราบภูตผีจะชอบใส่ชุดโซคุไทเต็มยศสีดำไป ในนิยายจะบรรยายต่ออีกว่าเซย์เมย์จะมีความล่องลอยเหมือนเมฆในยามค่ำคืน ส่วนฮิโรมาสะจะเป็นสาย realism สุดๆ เป็นอะไรที่ตรงกันข้ามแต่ประสานเป็นหนึ่งเดียวกันได้ตามแนวคิดทวินิยมหยินหยาง (ไม่ใช่เพลงของ Getsunova แต่อย่างใด) ซึ่งในเรื่องก็มีบอกไว้ว่าความแตกต่างที่เหมือนกันนี่เองที่เป็นรากฐานของอาคม

    คาแรกเตอร์ของเซย์เมย์จะเป็นแบบจิ้งจอกขี้แกล้งเหมือนในหนังเวอร์ชั่นญี่ปุ่นเป๊ะ ส่วนคาแรกเตอร์ของฮิโรมาสะในนิยายก็จะคล้ายๆ กับหนังเวอร์ชั่นญี่ปุ่นเช่นกัน คือเป็นขุนนางฝ่ายบู๊อายุ 30 ปลายๆ เป็นคนทื่อๆ ตรงไปตรงมา ไม่ค่อยเข้าใจอะไรที่เป็นนามธรรม ดูมีความเป็นเด็ก แต่จุดที่ชวนก๊าวกว่าคือฮิโรมาสะในนิยายขี้งอนมาก 5555 คำพูดติดปากเวลาโดนเซย์เมย์แกล้งคือ "เชอะ" และบางทีนางก็แกล้งงอนกลับให้อีกฝ่ายมาง้อด้วย


    ฉากที่ชอบมากๆ อยู่ในตอน 鬼のみちゆき อีกแล้ว คือฮิโรมาสะเดินถือตะกร้าใส่เห็ดมาหาเซย์เมย์ที่บ้าน ตั้งใจจะเอาเห็ดมาเป็นกับแกล้มเหล้า ซึ่งปกติเวลามาบ้านเซย์เมย์เนี่ย ตัวเจ้าของบ้านจะไม่ออกมารับแต่จะให้ชิคิกามิมาแทน ปรากฏว่าวันนั้นเซย์เมย์ออกมารับฮิโรมาสะที่หน้าประตูบ้านเอง ฮิโรมาสะเลยสงสัยว่านี่ใช่ตัวจริงรึเปล่า แต่พอเซย์เมย์บอกว่าใช่ก็เลิกสงสัย เซย์เมย์เลยแซวว่า

    "ทั้งที่สงสัยถึงขนาดนั้น แต่พอคนที่มีใบหน้าของเซย์เมย์บอกว่าตนคือเซย์เมย์ เจ้าก็เชื่อรึ"

    (ก็เค้าเป็นคนซื่อๆ เชื่อใจเพื่อนรักไงโธ่เอ๊ยย 5555)

    พอเดินเข้ามาถึงในบ้าน ฮิโรมาสะก็โดนอำอีกเพราะมีเซย์เมย์อีกคนนั่งอยู่ตรงระเบียงที่นั่งประจำ สุดท้ายมาเฉลยว่าเซย์เมย์ที่นั่งอยู่ตรงนั้นเป็นชิคิกามิ ฮิโรมาสะเลยแกล้งทำเป็นโกรธว่าเอาแต่อำกันอยู่ได้ เนี่ยเอาเห็ดมาว่าจะย่างกินด้วยกัน ไม่กินแล้วดีกว่า

    เซย์เมย์พอเห็นอีกฝ่ายโกรธก็ง้อด้วยการบอกว่า จะไถ่โทษด้วยการไปย่างเห็ดให้ด้วยตัวเอง

    ซึ่งประโยคนี้มันสืบเนื่องมาจากตอนก่อนๆ ที่ฮิโรมาสะเคยถามเซย์เมย์ว่าใครเป็นคนย่างปลาให้ แล้วเซย์เมย์ก็ตอบยาวเหยียดตามสไตล์คนแปลกว่าไฟเป็นคนย่าง คนที่คอยดูไฟย่างปลาจะเป็นคนจริงๆ หรือชิคิกามิก็ไม่เห็นจะต่างกัน สุดท้ายฮิโรมาสะเลยต้องบอกว่า อยากรู้แค่ว่าไอ้คนที่ดูไฟย่างปลานั่นน่ะ เป็นคนจริงๆ หรือเป็นชิคิกามิ ตอบมาแค่นี้พอ เซย์เมย์เลยยอมตอบว่าเป็นชิคิกามิ

    เพราะฉะนั้นการที่เซย์เมย์ (ผู้ไม่เห็นความแตกต่างระหว่างคนกับชิคิกามิ) บอกว่าจะไปดูไฟย่างเห็ดด้วยตัวเองเป็นการไถ่โทษ ก็เหมือนจะสื่อว่าเซย์เมย์พยายามทำความเข้าใจมุมมองของฮิโรมาสะที่คิดว่าคนจริงๆ ย่างเห็ดกับชิคิกามิย่างเห็ดมันไม่เหมือนกันสักหน่อย

    พอเห็นเซย์เมย์จะไปย่างเห็ดเอง ฮิโรมาสะก็รีบบอกว่าที่จริงตัวเองไม่ได้โกรธหรอก แค่อยากทำให้เซย์เมย์ลำบากบ้างก็เท่านั้น ให้ชิคิกามิย่างให้เหมือนเดิมก็ได้ แต่เซย์เมย์ก็ยืนยันว่าจะไปย่างเองอยู่ดี 5555


    ที่เล่ามาเป็นแค่ส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งในเล่มแรก จริงๆ แล้วมันมีบทอะไรประมาณนี้อยู่เยอะมาก คือต่อปากต่อคำงอนง้อกันจุ๊กจิ๊กแบบนี้ตลอดเวลา มีช่องว่างระหว่างบรรทัดให้ไปจินตนาการต่อเองมหาศาล อ่านไปก็อยากเอาหัวโขกกำแพงทุกครั้งที่คู่นี้คุยกัน ฮิโรมาสะจะชอบซอกแซกถามนู่นนี่นั่น บ้านนี้มีคนอยู่กี่คนกันแน่ บ้านออกใหญ่อยู่คนเดียวไม่เหงาเหรอ (ก็มาอยู่กับเค้าสิคะ!) ไม่มีคนที่คิดถึงบ้างเหรอ (มีฮิโรมาสะอยู่ด้วยจะไปเหงาอะไร 5555) เซย์เมย์ก็จะชอบพูดแบบ ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่ให้ไปด้วย แต่ถ้าเป็นฮิโรมาสะก็ไม่เป็นไร กับคนอื่นก็ไม่พูดแบบนี้หรอกนะ แต่นี่เป็นฮิโรมาสะเลยพูด

    อีกอันที่ประทับใจก็ตอนที่เซย์เมย์อำว่าตัวเองอยู่ในร่างภูต ฮิโรมาสะตกใจจนเกือบจะชักดาบออกมาฟัน แต่สุดท้ายก็บอกเซย์เมย์ว่า

    "ข้าชอบเซย์เมย์ ต่อให้เจ้าจะเป็นภูต ฮิโรมาสะผู้นี้ก็จะอยู่ข้างเซย์เมย์"

    ก็อืม เอ่อ อ่าค่ะ บอกรักกันตรงๆ แบบนี้เลย (≧ω≦) ส่วนเซย์เมย์ก็ไม่ปล่อยให้เขาบอกรักอยู่ฝ่ายเดียวนะ มีบทที่เซย์เมย์บอกว่าชอบฮิโรมาสะเหมือนกัน (ชอบในความเป็นคนทื่อๆ ตีความกลอนไม่ออก 5555)

    คือจริงๆ มันเป็นความสัมพันธ์แบบเพื่อนที่สนิทกันมากนั่นแหละถึงพูดคำว่าชอบออกมาตรงๆ แบบนี้ได้ แต่ก็อย่างที่มีคนเคยวิเคราะห์ไว้ว่าผู้ชายเวลามีปัญหาอะไรจะไม่อยากให้แฟนมารับรู้แต่จะเอาไปบอกเพื่อน ส่วนผู้หญิงมักจะมองว่าแฟนคือคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขคอยแก้ปัญหาไปด้วยกัน สิ่งที่ผู้ชายมองว่าเป็นมิตรภาพ พอมองในมุมสาววายมันเลยกลายเป็นความสัมพันธ์แบบคู่แท้ไปซะงั้น


    สรุป

    เขียนมาซะยาว ขอสรุปสั้นๆ ว่ามันเป็นนิยายแนวภูตผีที่สนุกเลยละ มองข้ามจุดชวนจิ้นไปก็ยังสนุกอยู่ดี ถึงจะมีกลอน มีภาษาโบราณบ้าง แต่โดยส่วนตัวคิดว่าไม่ได้อ่านยากมากสำหรับคนที่อ่านนิยายญี่ปุ่นอยู่แล้ว (แต่ถ้าให้แปลก็น่าจะยากอยู่) ถ้าอินความเฮอัน ชอบอนเมียวจิเวอร์ชั่นหนัง ชอบท่านปู่ของมาซาฮิโระจาก shounen onmyouji ก็น่าจะชอบนิยายเรื่องนี้ด้วยค่ะ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in