เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
REVIEWกีอัลลาร์
【novel】DOGSBODY ดาวสุนัข | diana wynne jones
  • DOGSBODY ดาวสุนัข
    author: diana wynne jones
    translator: วรรธนา วงษ์ฉัตร


    ซิริอุส ดาวสุนัข ถูกตัดสินว่าใช้อาวุธชื่อโซอี้กับดาวฤกษ์ดวงหนึ่งจนถึงแก่ความตาย ส่วนโซอี้ร่วงจากดาวซิริอุส เขาถูกศาลแห่งดาราจักรตัดสินให้ลงมาอยู่ในร่างของลูกสุนัขเพิ่งเกิดบนโลกมนุษย์ และต้องตามหาโซอี้ให้พบจึงจะสามารถกลับไปเป็นดาวฤกษ์ได้

    ซิริอุสในร่างลูกสุนัขพันธุ์ทางถูกจับถ่วงน้ำพร้อมกับพี่น้องทันทีที่เกิดมาในบ้านของคุณนายพาร์ทริดจ์ แต่เคราะห์ดีได้เด็กหญิงชาวไอริชชื่อแคธลีนช่วยไว้ แคธลีนพาเขากลับไปเลี้ยงในบ้านดัฟฟิลด์ที่รับอุปการะเธอเป็นการชั่วคราว และตั้งชื่อให้ซิริอุสว่าลีโอ

    ซิริอุสต้องค่อยๆ รื้อฟื้นความทรงจำสมัยเป็นดาวฤกษ์ และตามรอยเบาะแสต่างๆ เพื่อหาโซอี้ให้พบ เขาได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนสัตว์สี่ขา รวมถึงดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก จนเข้าใกล้โซอี้มากขึ้นเรื่อยๆ แต่แล้วศัตรูตัวจริงที่ใส่ร้ายเขาในคดีฆาตกรรมดาวฤกษ์ก็ปรากฏตัวออกมา!


    สมัยเด็กเรามีการ์ตูนอยู่ 2 ประเภทที่ดูไม่ค่อยรู้เรื่อง หนึ่งในนั้นคือการ์ตูนที่มีสัตว์เป็นตัวเดินเรื่อง (อาจจะเพราะไม่ค่อยชอบสัตว์) เราเลยพยายามหลีกเลี่ยงหนังหรือนิยายแนวนี้มาตลอด ตอนซื้อเล่มนี้มาก็ไม่ได้อ่านเรื่องย่อ ไม่รู้ด้วยว่าคนเขียนเป็นใคร (เพิ่งมารู้ว่าเป็นคนเขียน howl's moving castle ตอนหยิบมาอ่านแล้วเห็นปกหลัง) แต่พอเริ่มอ่านแล้วถึงกับวางไม่ลง พออ่านจนจบก็พบว่ามันเป็นวรรณกรรมเยาวชนที่ยอดเยี่ยมมาก!

    นีล เกแมน ผู้เขียนคำนำบอกว่านิยายเล่มนี้ไม่ได้อ่านง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไป ซึ่งเราเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง dogsbody เป็นเรื่องราวการผจญภัยแนวแฟนตาซีของดาวฤกษ์ในร่างสุนัขที่สนุกตื่นเต้นตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีช่วงไหนของเรื่องที่อืดอาดน่าเบื่อ อ่านแล้วจินตนาการออกมาเป็นภาพในหนังได้แบบแทบจะฉากต่อฉาก

    จุดที่เราชอบเป็นพิเศษคือการเขียนให้ดวงดาวมีชีวิตจิตใจ (เราชอบดาราศาสตร์) ความสัมพันธ์ระหว่างดาวต่างๆ based on ข้อเท็จจริงทางดาราศาสตร์ผสมกับจินตนาการของผู้เขียนซึ่งเรารู้สึกว่ามันน่ารักมากๆ เช่นความสัมพันธ์ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ที่ดวงอาทิตย์ออกแนวหวงโลก ไม่ชอบให้ใครมาชมว่าโลกสวยเพราะกลัวจะถูกขโมยโลกไป ส่วนโลกก็เอือมความคลั่งรักของดวงอาทิตย์เล็กๆ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรให้ดวงอาทิตย์ขัดใจแบบออกหน้าออกตา

    นอกจากนี้ผู้เขียนยังถ่ายทอดเรื่องราวผ่านมุมมองของสุนัขออกมาได้สมจริงจนอย่างน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นสีสันที่ปรากฏผ่านดวงตาของสุนัข สัญชาตญาณที่ส่งผลต่อพฤติกรรมของมัน หรือแม้แต่อารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนเจอสถานการณ์ต่างๆ คนเลี้ยงสัตว์น่าจะอินไปกับความน่ารักของสัตว์เลี้ยงต่างๆ ในเรื่องได้ไม่ยาก อ่านแล้วอาจจะฉุกคิดขึ้นมาก็ได้ว่าตอนเราเล่นกับมัน อาบน้ำให้มัน หรือให้อาหารมัน พวกมันรู้สึกแบบที่บรรยายในนิยายเรื่องนี้รึเปล่านะ


    *spoiler alert*

    แต่ภายใต้การผจญภัยสนุกสนานนั้นก็มีประเด็นเบื้องหลังที่หนักหน่วงพอสมควร อย่างแรกคือนิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นบนแบคกราวด์ทางการเมืองที่ตึงเครียดระหว่างอังกฤษกับไอร์แลนด์เหนือ นิยายตีพิมพ์ปี 1975 เป็นช่วงที่กลุ่ม IRA กำลังก่อวินาศกรรมรุนแรงหลายครั้งทั้งในอังกฤษและไอร์แลนด์เหนือ แม้จะไม่ได้มีการกล่าวถึงโดยตรงในนิยาย แต่ผู้เขียนก็สื่อสารความขัดแย้งนี้ออกมาผ่านการที่แคธลินถูกเพื่อนชาวอังกฤษเหยียดเชื้อชาติ และเรื่องเล่าที่ว่าพ่อของเธอถูกจองจำจากการก่อความไม่สงบ

    ความขัดแย้งระหว่างอังกฤษกับไอร์แลนด์เหนือบนโลกมนุษย์ล้อไปกับความขัดแย้งระหว่างซิริอุสกับคอมพาเนียนของเขาบนดาราจักร (ซิริอุสเป็นระบบดาวคู่ ดาวหลักคือ sirius A มี companion star ที่โคจรคู่กันคือ sirius B) มีการต่อสู้รุนแรงถึงขั้นนำไปสู่การใส่ร้ายซิริอุสจนเขาต้องจากบ้านมาอยู่ในร่างสุนัข ไม่ต่างจากเด็กหญิงแคธลีนที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งของสองเชื้อชาติจนต้องจากบ้านมาอยู่กับครอบครัวดัฟฟิลด์ที่ไม่ได้ใจดีกับเธอนัก


    นอกจากนี้เรายังคิดว่านิยายเรื่องนี้แฝงแนวคิดเกี่ยวกับโครงสร้างอำนาจไว้ได้อย่างแยบยล ชื่อเรื่อง dogsbody เป็นสแลงหมายถึงคนที่ทำงานจิปาถะรับใช้คนอื่นไปวันๆ หรือแรงงานทาส สัตว์เลี้ยงทั้งหลายในเรื่องล้วนเป็น dogsbody พวกมันถูกขังไว้ในบ้าน ถูกควบคุมวิถีชีวิต หลายตัวต้องทำงานให้เจ้านายไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง (เช่นเบส แม่ของซิริอุสเป็นแม่พันธุ์ที่ถูกคุณนายพาร์ทริดจ์คาดหวังว่าต้องมีลูกเป็นลาบราดอร์พันธุ์แท้เพื่อนำไปขาย) แต่ขณะเดียวกันเจ้านายของซิริอุสอย่างแคธลีนก็ไม่ได้เป็นอิสระ เธอถูกคุณนายดัฟฟิลด์เกลียดชังและใช้ให้ทำงานหนัก แต่คุณนายดัฟฟิลด์ก็ไม่ได้เป็นคนที่มีอำนาจที่สุดในบ้าน เพราะเมื่อไรที่คุณดัฟฟิลด์พูด ทุกคนในบ้านก็ต้องฟังเขา

    โครงสร้างอำนาจในบ้านสะท้อนโครงสร้างอำนาจระดับสังคมไปจนถึงระดับจักรวาลในนิยายเรื่องนี้ เราจะเห็นได้ว่าคนที่มีสถานะสูงกว่ามักจะออกคำสั่งโดยไม่ฟังเสียงคนที่มีสถานะต่ำกว่า เว้นแต่จะแลกมาด้วยเงื่อนไขบางอย่างที่ไม่เป็นธรรม เช่นคุณนายดัฟฟิลด์ยอมให้แคธลีนเลี้ยงซิริอุสเพราะเธอสัญญาว่าจะทำงานบ้านทุกอย่างให้

    ซิริอุสเองก็เคยเป็นดาวฤกษ์ที่มีอำนาจมหาศาลในรูปแบบของอาวุธชื่อโซอี้ และเขาก็มักบันดาลโทสะใช้มันกับผู้อื่นเสมอ เราคิดว่าซิริอุสรู้ดีว่าหากอำนาจตกไปอยู่ในมือของคนที่ใช้มันอย่างไม่ถูกต้องจะก่อให้เกิดผลเสีย (เพราะเขาบอกเองว่าต้องรีบตามหาโซอี้ให้พบก่อนที่มันจะตกไปอยู่ในมือของคนผิด) เพียงแต่เขาไม่เคยนึกว่าตัวเองเป็นคนผิดคนนั้น

    ซิริอุสได้เรียนรู้เกี่ยวกับอำนาจในทางที่ถูกที่ควรจากการที่ต้องมาเกิดเป็นสุนัขซึ่งอยู่ในลำดับขั้นต่ำสุดในโครงสร้างอำนาจของจักรวาล เขาต้องประสบความยากลำบากจากการที่ไม่มีมนุษย์คนไหนยอมฟังเขา หรือแม้แต่จะเชื่อว่าเขารู้ภาษา มีเพียงคนที่มีจิตใจดีงามอย่างแคธลีนและคุณนายสมิธเท่านั้นที่เชื่อว่าสุนัขผู้ต่ำต้อยฟังภาษามนุษย์ออกและพูดคุยกับมันไม่ต่างจากมนุษย์คนหนึ่ง


    อำนาจไม่ใช่สิ่งชั่วร้ายโดยตัวของมันเอง แม้บางครั้งมันจะนำมาซึ่งความอยุติธรรมและการกดขี่ แต่เราได้เห็นแล้วว่าเมื่อแคธลีนถือโซอี้ เธอใช้มันเพื่อปกป้องสิ่งที่อ่อนแอกว่าอย่างซิริอุสในร่างสุนัข ถ้าเราทุกคนเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ใช้อำนาจด้วยจิตใจอันดีงาม โลกนี้คงสวยงามขึ้นอีกมาก
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in