ชื่อเรื่อง: ไล่ตงจิ้น ลูกขอทานผู้ไม่ยอมแพ้ต่อชะตาชีวิต
ผู้เขียน: ไล่ ตง จิ้น
ผู้แปล: วิลาวัลย์ สกุลบริรักษ์
สำนักพิมพ์: นานมีบุ๊คส์
คำโปรยหลังปกเล่ม
นี่คือตัวอย่างของคนที่ "ไม่ยอมแพ้ต่อชะตาชีวิต" ที่คนไทยทุกคนควรศึกษา
เขาต่อสู้กับชีวิตจนได้เป็น "บุคคลดีเด่นของไต้หวัน" เพราะใจที่ "ไม่ยอมแพ้" เพียงคำเดียว
ในประกาศเกียรติคุณแผ่นบางๆ เทียบไม่ได้กับอาหารที่เขาขอทานมาได้สักมื้อ
เกียรติยศเทียบอะไรไม่ได้กับการหาที่ซุกหัวนอน ที่พอจะใช้กันแดดบังฝนให้คนทั้งครอบครัว
ทำไมต้องอ่าน?
แม้ว่าหนังสือเล่มนี้จะถูกตีพิมพ์มามากกว่าสิบปี และได้รับการพิมพ์ซ้ำเป็นเล่มหลายครั้งแล้วก็ตาม แต่ทุกวันนี้ก็ยังคงเป็นหนังสือแนะนำที่ขายดีที่สุดตลอดกาลของไต้หวัน โดยบุคคลชื่อเดียวกันกับหนังสือ 'ไล่ตงจิ้น' ได้เขียนเล่าเรื่องราวอัตชีวประวัติของเขา ตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นเพียงเด็กชายขอทานตัวผอมกะหร่อง มีพ่อตาบอด แม่เป็นคนปัญญาอ่อนไม่สมประกอบ พี่สาวคนโตกับน้องๆที่ต้องคอยดูแลอีกหลายชีวิต ครอบครัวยากไร้ของเขาต้องออกเดินทางเร่รอนขอทานไปเรื่อย ค่ำไหนนอนนั้น ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง อดมื้อกินมื้อ เคยแม้กระทั่งพากันไปอาศัยหลับนอนที่ตลาดสด ศาลเจ้าร้าง ใต้เวทีของโรงงิ้ว หรือแม้กระทั่งในเล้าหมู!
ชีวิตของไล่ตงจิ้นนั้น อาจเรียกได้ว่าไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างแท้จริง ซ้ำยังเหมือนกำลังเดินย้ำเท้าเปล่าๆอยู่บนก้อนกรวดที่ทั้งแข็ง และแหลมคมก็ไม่ปาน ตลอดชีวิตหลายสิบปีที่ผ่านมา เขาโดนชี้หน้าเหยียดหยามดูถูกว่าต่ำต้อย ไม่มีใครอยากคบเป็นเพื่อน แม้ว่าจะอัตคัดขัดสน และยากลำบากเพียงไร จนเคยคิดว่าอยากจะยอมแพ้แล้วหนีไป แต่เมื่อหันกลับไปมองครอบครัวที่ตัวเองต้องดูแลก็ตัดใจทำไม่ลง ครอบครัวที่น่าสงสารนี้จึงต้องคอยประคับประคองกันไว้อย่างสุดกำลัง เพื่อปากท้องหลายสิบชีวิต พี่สาวคนโตถึงกับเสียสละความสุขทั้งชีวิตของเธอ ยอมถูกขายเข้าซ่อง เพื่อเอาเงินมาจุนเจือครอบครัว และส่งให้เขาได้เรียนหนังสือเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ แม้ว่าจะช้ากว่าเพื่อนๆไปประมาณสามปีก็ตาม เมื่อมีโอกาสได้รับการศึกษาเขาก็ตั้งใจเรียนมาก ทุกครั้งที่เลิกเรียนระหว่างที่กำลังช่วยพ่อขอทานเมื่อมีเวลาก็จะหยิบการบ้านมาทำ และอ่านทบทวนบทเรียนในหนังสืออย่างตั้งอกตั้งใจเพราะกลัวว่าจะไม่มีเวลาจึงได้พยายามใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุด
ด้วยเพราะเขาไม่ได้มีต้นทุนที่ดีเหมือนคนอื่น จึงต้องพยายามมากขึ้นเป็นเท่าตัว ท่ามกลางรสชาติชีวิตที่แสนขมปร่า ไล่ตงจิ้นกลับไม่เอาเรื่องราวรันทดลำบากนี้มากดตัวเองให้ตกต่ำลงเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เขาไม่แม้แต่จะเห็นแก่ตัวเองอย่างเดียวแต่กลับนึกถึงและช่วยเหลือคนอื่นก่อนเสมอ จนสามารถประสบความสำเร็จและมีวันที่ดีได้อย่างทุกวันนี้ เรื่องราวของเขาจึงเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นหลังและใครอีกหลายๆคนที่กำลังท้อแท้นั้นได้พยายามต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคความทุกข์ยากนี้ไปอย่างผ่าเผย
Talk: เรื่องนี้เป็นเรื่องเราเคยอ่านนานมากแล้ว แต่เพิ่งย้อนกลับมาอ่านใหม่อีกครั้ง ไม่ว่าเราจะหยิบออกมาอ่านตอนอายุเท่าไหร่ก็ยังคงเป็นหนังสือที่ให้ข้อคิดดีๆมากมายในการใช้ชีวิตค่ะ ใครที่กำลังเป็นท้อกับชีวิตในตอนนี้ก็สามารถไปหามาอ่านได้นะคะ รับรองว่าคุณจะรู้สึกถึงพลังบวกและกำลังใจที่จะช่วยเป็นแรงผลักดันให้คุณจากหนังสือเล่มนี้ได้เลยล่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in