เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรื่องเล่าเมื่อเราไปเมืองสิงค์ ( in 2015)SnapDiary
Chapter08-เซนโตซ่า พาเพลิน

  • ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาจากเสียงเคาะประตู 

    เมื่อเปิดออกไปก็เจอน้องร่วมทริปยืนรออยู่  ใจหายแว้ปเลย นึกว่าตัวเองตื่นสาย แต่ที่ไหนได้ น้องเขามาเคาะก่อนเวลานัด  ขอเอาแบตเตอรี่ที่ฝากชาร์ตไว้ไปใส่กล้อง เพื่อออกถ่ายรูปตึกโคโลเนี่ยนสไตล์ซึ่งอยู่ใกล้ๆแถวนี้

    หลังจากส่งแบตให้น้อง ผมพยายามบังคับตัวเองไม่ให้กลับเข้าไปที่เตียง เพราะตั้งใจจะตามน้องลงไปถ่ายรูปตึกสีสวยที่ตั้งเรียงรายในบรรยากาศยามเช้าเช่นกัน

    เพราะโปรแกรมถ่ายรูปแสงเช้ากับตึกโคโลเนี่ยนสไตล์ที่ว่านี้  ถูกเซ็ทไว้เป็นอันดับต้นๆ เมื่อเรามาถึงที่นี่ แต่ก็ต้องยอมแพ้ความงัวเงียของตัวเอง แล้วพุ่งสู่เตียงงีบต่ออีกรอบ  ปล่อยให้น้องรูมเมทที่ส่งเสียงกรนคำรามเมื่อคืนนี้ อาบน้ำก่อน

    ผมลงมาที่ล็อบบี้เป็นคนสุดท้าย   แต่ก็คุ้มค่า เพราะได้งีบอีกครึ่งชั่วโมง ได้เรี่ยวแรงกลับมามากโข

    เมื่อผมพร้อมทุกคนก็พร้อม(เออดิ รอพี่คนเดี่ยวนี่แหละน้องคนหนึ่งบ่น...แฮร่ ) เราออกเดินจากโรงแรมไปยังร้านอาหารเช้าที่อยู่ละแวกเดียวกัน ร้านนี้เราเล็งๆ กันไว้ตั้งแต่ช่วงค่ำวาน น้องในทริปให้ความเห็นว่า….เราน่าจะลองร้านนี้ เพราะมันเป็นร้านสไตล์คล้ายๆกับร้านแรกที่เรากินกันเมื่อเที่ยงวันที่มาถึง


    คือ ว่าง่ายๆ อยากลองเปรียบเที่ยบทั้งราคา และรสชาติในอาหารประเภทเดียวกัน  


    เมื่อมาถึงร้าน ผมใช้สูตรเดิม  คือชี้เอาจากหม้อและถาดอาหารที่ถูกทำสำเร็จไว้แล้วปล่อยให้น้องร่วม  ทริปเลือกจากรูปในเมนู

    เมื่ออาหารมาเสิร์ฟ รสชาตินั้นไม่ห่างจากร้านแรกที่เราได้ชิม  แต่ราคานั้นแพงกว่าอยู่หน่อยนึง….ถือว่าอยู่ในเรทที่รับได้


    เมื่อท้องอิ่ม ทุกคนก็พร้อมออกเดินทาง พวกเราออกจากร้านอาหารเช้า เดินไปถ่ายรูปไป หยุดๆ เดินๆ แบบไม่เร่งรีบ เพื่อไปขึ้นรถเมล์ที่ป้าย


    โปรแกรมที่ตั้งไว้วันนี้ เราจะข้ามไปเกาะเซนโตซ่าก่อนช่วงเที่ยง แล้วเราจะใช้เวลาช่วงบ่ายที่นั่น เพื่อเดินชมชายหาด ไปถ่ายรูปที่ ยูนิเวอร์แซล ดูโน่น นี่ นั่น ตามรีวิว แล้วกลับมาพักเหนื่อยที่ห้าง วิโว่ (VivoCity)ทานข้าวเย็นกันที่ห้างแล้วจะ ไปต่อ ที่ห้าง Anchorpoint เพื่อไปซื้อของฝาก( น้องในทริปอ่านเจอในรีวิว ว่าถ้าเราจะซื้อ กระเป๋า Charles &Keith ต้องไปที่ห้างนี้เท่านั้น –ข้อมูลปี2015)

    โปรแกรมสุดท้ายเราจะไปจบลงที่ย่านลิตเติ้ลอินเดีย(น้องคนหนึ่งอยากไปซื้อน้ำหอมที่ห้าง มุสตาฟา-Mustafa)

    แต่ก่อนอื่น...ในเช้านี้ เมื่อเราถึงสถานีรถไฟเราจะหันหัวไปลงที่สถานีไชน่าทาวน์ก่อน เพื่อไปร้านซีวิว    ( SEAWHEEL TRAVEL PTE LTD )เพื่อซื้อแพ็กเกจตั๋วเข้า ยูนิเวอร์แซล (ในรีวิวบอกว่า ซื้อที่นี่จะถูกสุดๆ) โดยที่ทุกคนตกลงว่าถ้าเราได้ตั๋วราคาไม่งาม เราจะไม่เสียค่าผ่านประตูเข้าไป จะดูแค่บริเวณข้างนอกถ่ายรูปกับลูกโลกสัญลักษณ์แห่งการมาถึง ยูนิเวอร์แซลสิงคโปร์ก็พอ   

     

    ซึ่งบางคนที่อ่าน อาจจะเถียงว่าเอ้ย มึงไปถึงที่โน่นแล้ว เสียตังค์ต่ออีกนิดเพื่อเข้าไปเล่นเครื่องเล่นดิ มีตั้งหลายอย่างนะเว้ย...คุ้มสุดๆ ก็ขอตอบแทนกรุ๊ปเราว่า….ไม่อ่ะ เรามาเพื่อถ่ายรูปฮะ แล้วก็จะเก็บเงินไว้ซื้อของฝากกลับบ้านจ้า….

    เมื่อรถเมล์สาย 30 มาถึง เราก็ไปตามเสต็ปเดิม ขึ้นรถเมล์ไปลงสถานีรถไฟ Dakota ขึ้นรถไฟจาก Dakota ไปลงที่สถานีไชน่าทาวน์ เดินผ่านแยก 1 แยก มุ่งหน้าสู่ตึก People ‘s Park Center เพื่อไปร้าน “ซีวิว”

    เมื่อมาถึงที่ร้านก็เป็นเหมือนในรีวิว คือ พนักงานพูดไทยได้ แนะนำแพ็กเกจตั๋วเข้าชม โน่น นี่ นั่นหากเข้าชม อันนี้พร้อมกับอันโน้น อันนั้นจะได้ฟรี ซึ่งรวมๆ แล้ว ก็เป็นหลักพันกว่าบาทขึ้นไปอ่ะ

    โอ้ว...โห พันกว่าบาท เราคงมาผิดช่วงตั๋วโปรโมชั่นคงหมดไปแล้ว....

    ในที่สุดทุกคนก็ตกลงกันว่า….ไม่เข้าดีกว่า  ไม่เอาอ่ะ ตังค์เอามาน้อย ไปถ่ายรูปเฉยๆก็ได้..

    อ่ะเครผมตอบตกลง แต่เพื่อไม่ให้การมาถึงย่านนี้ ไร้ค่าเสียเวลาเปล่า เลยชวนน้องๆเดินดูของในห้างแถวๆ นี้ (บรรยากาศเหมือนตึกพันทิปเลย) แล้วก็ลงไปเดินด้อมๆ มองๆไชน่าทาวน์  นิดหน่อย แล้วเดี๋ยวค่อยกลับมาเก็บเดินแบบจริงจังวันพรุ่งนี้ก่อนกลับบ้านกัน

    น้องๆ ตอบตกลง

    เมื่อเราเดินผ่านย่านไชน่าทาวน์พอหอมปากหอมคอแล้ว เราก็มุดลงไปสถานรถไฟ มุ่งหน้าสู่ สถานีสุดสาย ที่ HarbourFront  โกทูห้างวิโว่ (ที่ไชน่าทาวน์อากาศร้อนมาก ผมนี่หลบแดดเข้าแต่ร้านหมูแผ่นเล็งร้านที่ราคาโอเคไว้พรุ่งนี้ค่อยมาซื้อ)

    เมื่อเรามาถึงห้างวิโว่ซึ่งตั้งอยู่ติดท่าเรือ วิวนั้นดี บรรยากาศนั้นได้ เราเลยนั่งพักผ่อนชมวิวริมทะลตรงจุดชมวิวของห้างนิดหน่อยพอให้หายเหนื่อย  ยังไม่เดินตามฝูงชนไปด้านบนของห้างที่ซึ่งเป็นสถานีSentosa Express นั้งรถไฟข้ามไปยังเกาะเซนโตซ่า 



    ผมที่เริ่มมึนๆเมาแดดตั้งแต่ไชน่าทาวน์ อยากได้กาแฟแก้ง่วงเสียหน่อย  มองหาแบรนด์ท้องถิ่นหรือ ยี่ห้อกาแฟที่ไม่คุ้นตา แต่ว่าไม่เจอ (เจอแต่ร้านนางเงือก) เลยไปจบที่กาแฟในศูนย์อาหารตรงสถานีที่จะต่อรถไฟ ข้ามไปเกาะเซนโตซ่า รสชาตินั้นดี เข้มถึงใจเลยทีเดียว

    พวกเราขึ้นรถไฟฟ้าโมโนเรล(Sentosa Express)ข้ามไปสู่เกาะเซนโตซ่า(ค่าบริการ 4 SGD ใช้บัตร  EZ-Link แตะโลด ปิ๊งเดียว วิ่งไปมาได้ทั้งเกาะ จนกว่าจะกลับออกมา  ) ระหว่างรถไฟข้ามทะเล มองออกไปนอกหน้าต่างวิวสวย บรรยากาศดี  เพลินตาสบายใจ จนรู้สึกว่าเวลาผ่านไปไม่นาน

    รถไฟก็เข้าสู่สถานี Waterfront Station พวกเราลงที่นี่เป็นอันดับแรกเพื่อ  ไปสถานที่ยอดฮิต Universal กรุ๊ปเราลงเดินดูโน่น นี่ นั่นและใช้เวลาถ่ายรูปกับลูกโลก อยู่นานเป็นชั่วโมง (เวลาส่วนมากจะหมดไปกับการรอจังหวะให้คำว่า Universal หมุนมาตรงกับที่เรายืนอยู่  และการหลบคน ให้เหลือคนอื่นในเฟรมน้อยที่สุดและสุดท้าย ทุกคนในกรุ๊ป อยากได้ช็อต กระโดด ลอยตัวกลางอากาศท่ามกลางลูกโลก ซึ่งกว่าจะได้ภาพที่พอใจครบทุกคนเล่นเอาเหงื่อไหลไคลย้อยกันเลยทีเดียว)

    เมื่อเราเดินดูที่ USS จนทั่วแล้ว เราก็เดินมาตามทางเดิน(FestiveWalk)ผ่านร้านรวงต่างๆ มาพอประมาณได้เหงื่อกันนิดหน่อย ก็จะเจอกับ เมอร์ไลออนตัวใหญ่ที่สุด (ถ้าใครไม่ลงเที่ยว USS ให้นั่งผ่านสถานีแรก มาลงที่ สถานี Imbiah Station เด้อจะเจอกับเมอร์ไลออนตัวเบ่อเริ่มทันทีเลย)


    ก่อนมาเจอเจ้า เมอร์ไลออนที่นี่ ส่วนตัวผมนั้น คิดเองคนเดียวจากที่ดูรูปในรีวิวมาก่อนว่า  เจ้าตัวหนังสือ คำว่า SENTOSA ” มันเหมือนกับห้างเซ็นโตซ่าที่บ้านผมเลย (ห้างสรรสินค้าท้องถิ่นที่ขอนแก่น)

    ปรากฎว่าพอเจอของจริงมันไม่เหมือนเป๊ะซะทีเดียว ที่นี่สวยกว่า ตัวหนังสือตกแต่งสีสันสวยงาม  ตั้งอยู่หน้าเจ้าเมอร์ไลออน ไว้ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป

    นี่ เหมือนที่เซนโตซ่าบ้านเราเลยเว้ยยย ผมร้องบอกน้องร่วมทริป

    น้องหัวเราะ แล้วชวนกันถ่ายรูปคู่กับป้ายSENTOSA ”

    เมอร์ไลออน ตัวใหญ่ที่สุดตั้งตระหง่านสูงเอาการเลย  สีหน้าตัวนี้ดูดุกว่าตัวที่อยู่ริมอ่าวมารีน่า ตามข้อมูลบอกว่า ตัวนี้เป็นตัวที่ใหญ่ที่สุดปากพ่นแสงเลเซ่อได้ (...อู้….) และคนสามารถขึ้นไปชมวิวข้างบน (ตรงปาก)มันได้ (โอ้ว..ววว) เสียค่าขึ้น (ผู้ใหญ่ 8 SGD เด็ก 5 SGD) และแน่นอนว่า….กรุ๊ปเรายืนดู และถ่ายรูปไม่ขึ้นไปให้เสียตังค์หรอก

     แต่…..

    จู่ๆ ก็มีพนักงานคนหนึ่งมาชวนน้องในทริปให้ถ่ายรูปคู่กับเมอร์ไลอ้อน  ลักษณะการแนะนำแพ็กเกจคล้ายๆที่ผมไปเที่ยวสวนน้ำแห่งหนึ่งที่บ้านเรา  ตอนนั้นมีพนักงานมาแนะนำให้ถ่ายรูป คู่กับแมวน้ำที่เพิ่งทำการแสดงโชว์เสร็จ  เราก็ทำตามเค้าแบบงงๆ เสร็จแล้ว…รอสักหน่อย น้องเขาจะกลับมาพร้อม รูปเราคู่กับแมวน้ำมีกราฟิกข้อความสวยงามยืนยันว่าเราได้มาเที่ยวสถานที่แห่งนี้แล้ว  ใส่ซองพลาสติกสวยงามในราคา200บาท เราจะจ่ายไปแบบ มึนๆ

    ตอนกลับมาบ้านเปิดรูปดูนั่นแหละ เราถึง คิดได้ว่ากูจ่ายไปได้ไงวะ รูปละตั้ง200(แถมแมวน้ำหันไปที่กล้องอื่นด้วย)

    อันนี้ก็เช่นกัน ทุกอย่างเกิดขึ้นกับน้องเค้าเร็วมากรู้ตัวอีกที ก็จ่ายเงินไปราว  450 บาทแลกกับรูปน้องเค้ายืนคู่กับเมอร์ไลออนแล้ว….

    เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปเร็วขนาดนี้ ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากให้กำลังใจน้องเค้าอาการเดียวกันกับผม ที่ซื้อไอศกรีมกระทิที่ร้านริมอ่าวมารีน่าในราคา 6.5 SGD (165บาท) เช่นกัน

    เมื่อกรุ๊ปเราต่างปลอบอกปลอบใจกันพองามแล้วก็ถึงเวลาเดินทางต่อไปที่ Siloso Beach ตามข้อมูลบอกว่ามันเป็นหาดเทียมสร้างโดยมนุษย์ ผมไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ เพราะส่วนตัวแล้วจะเฉยๆกับทะเลมากกว่าภูเขา แต่ในภาพรีวิวบอกว่า มันมีสะพานไม้ข้ามไปเกาะกลางทะเลได้ ตรงกลางเกาะนั้นมีส่วนที่เป็นหมู่ไม้ และภูเขาเลยตั้งใจว่าจะเดินข้ามสะพานไปถ่ายรูปตรงนั้นเสียหน่อย

    เมื่อเราออกมาจากจุดที่เมอร์ไลออนตั้งอยู่ก็มองหาป้ายเพื่อขึ้นรถ

    ภายในเกาะมีทั้งรถราง และรถเมล์บริการไปส่งนักท่องเที่ยวตามจุดต่างๆรอบเกาะ กรุ๊ปเราเลือกขึ้นรถเมล์ ลงป้ายที่เป็นที่ตั้งของหาด Siloso (หารถรางไม่เจอ)

    เราเดินไปตามป้ายซักระยะก็พบกับหาดSiloso  

    เมื่อสายตาพบกับหาด...ทันใดนั้นผมก็ร้อง.....แฮร่!!! ออกมาทันที

    สารภาพตามตรงเลยนะ (นี่เป็นความเห็นส่วนตัวเด้อ) คือมันเป็นทะเลที่แห้งในความรู้สึกและร้อนมาก ไม่มีลมทะเลพัดผ่านมาเลย   ต่างจากภาพถ่ายรีวิวมากๆ

    ผมหันไปบ่นกับน้องร่วมทริป "แอร๊….บึงหนองโครตบ้านเราสวยกว่าอ่ะ" (บึงหนองโครตคือ บึงสาธารณะ ตั้งอยู่ ต. บ้านเป็น จ.ขอนแก่น จ้า)

    น้องหันมาตอบ โห พี่ เที่ยบซะที่นี่เสียเลย มันสวยอยู่นะพี่ ป่ะเราข้ามสะพานไปที่เกาะกัน น้องชวน

    อาจเพราะอากาศร้อน แลัวภาพมันไม่เป็นไปตามหวังมั้งผมเลยออกตัวว่า…”ขอรออยู่ที่นี่ได้มั้ย เดินไม่ไหวอ่ะ ขอพักก่อน …”

    เมื่อน้องในทริปเห็นพี่ใหญ่ออกอาการเสียหลักแบบนี้ ไม่รู้ว่าเกรงใจหรือยังไงทุกคนเลยตัดสินใจไม่ข้ามไป แล้วพากันถอดรองเท้าลงถ่ายรูปริมชายหาด(เทียม)กัน

    ปล่อยให้ผมนั่งเหมอลอยคิดถึงบึงหนองโครตจนอาการเหนื่อยเซ็งจางหายไป

    ผมลงไปถ่ายรูปกับน้องๆ จนกระทั่งใครคนหนึ่งเอ๋ยขึ้น

    หิวแล้วพี่ ป่ะเรากลับห้าว วิโว่กันเถอะ

    เราทั้งหมดขึ้นจากชายหาดเข้าห้องน้ำที่มีบริการล้างเนื้อล้างตัว ผมที่ลงไปแตะหาดน้อยสุดเลยใช้เวลาในห้องน้ำไม่นาน เมื่อออกมากะว่า..จะแวะดูร้านขายของที่ระลึกที่อยู่ใกล้ๆนิดหน่อย น้องในทริปตามออกมาดูด้วย กรุ๊ปเราเลยดูกันจนเพลินเตลิดเข้าไปร่วมเล่นเกมรับของที่ระลึกตามซุ้มต่างๆจนครบ

    กระทั่งใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา “เราไม่หิวกันแล้วหรอ”สิ้นประโยคนี้เท่านั้นแหละ ทุกคนพร้อมใจกันเดินออกมาจากซุ้ม ไปที่ป้ายรถเมล์  ไม่นานรถเมล์คันเดิมก็วิ่งมาหากรุ๊ปเรา (ผมพยายามหาวิธีขึ้นรถราง แต่หาป้ายไม่เจอ เลยต้องยอมขึ้นรถเมล์)

    ระหว่างนั่งรถเมล์ ก็คิดโน่น นี่ นั่นแต่ที่หลักๆ คิดว่า..ทริปหน้า หากมีโอกาศได้แวะมาอีกจะต้องหางบและวันว่าง มายาวกว่านี้ จะได้ไม่เที่ยวแบบเร่ง รีบๆ เช่นนี้เด้อ

    ทะเลกะบ่งามจ้อย.. โอ้ยยยย.....


    คิดเรื่อยเปื่อยจนรถเมล์จอดป้ายสถานี Beach Station เพื่อส่งเรากลับสู่ห้างวิโว่

    เราทั้งหมดลงรถด้วยความเหนื่อย….

    เราจะกลับไปเติมพลังที่ศูนย์อาหารในห้างวิโว่แล้วค่อยว่ากันต่อถึง จุดหมายต่อไป


                                                                                        >>>>>>>to be continued>>>>>>>>>>>>>>

    ปล. ไปเที่ยวตั้งแต่ปลายปี 2015 จนป่านนี้ ต้นปี 2019 ยังเขียนไม่เสร็จเลย ตามประสาคนเขียนช้า แต่เขียนเรื่อยๆอยู่นะครับ

    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเด้อ....

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in