เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรื่องเล่าเมื่อเราไปเมืองสิงค์ ( in 2015)SnapDiary
Chapter 12/ปลิงดูดเงิน
  • กรุ๊ปเรานั่งรถเมล์มาลงที่ป้ายเดิม 

    พอลงจากรถ  เราต่างคนต่างเดินแบบชิวๆ ไม่เร่งรีบ อาจเพราะเราจะอยู่ที่ตรงนี้เป็นคืนสุดท้ายทุกคนเลยจะซึมซับ บรรยากาศให้ได้เยอะที่สุด อะไรประมาณนั้นมั้งนะ  ส่วนผมซึ่งตอนนี้  แม้ท้องจะเริ่มร้องบอกว่า…”หิวแล้วเด้อ แต่ก็ไม่รีบร้อน เดินเอื่อยๆตามน้องๆไป   

    ผมมองเข้าไปที่ปั๊มมันยังไม่ปิด เลยถ่ายภาพเฟรมสุดท้ายเก็บไว้ เป็นที่ระลึก

    กรุ๊ปเราเดินมาซักหน่อย ก็พบว่า....ร้านอาหารเจ้าเดิมที่เราใช้บริการเมื่อวันแรกปิดแล้ว เมื่อพลาดเป้าหมายที่ตั้งใจจะฝากท้อง ผมเลยหันไปปรึกษาน้องๆว่า เอาไงดี ร้านปิดแล้วน้องคนหนึ่งตอบกลับมาว่า….ที่นี่มีแบบสตรีทฟู้ด ริมทาง แบบบ้านเรามั้ยพี่“ไม่น่าจะมีนะ ผมตอบออกไป อีกคนถามกลับมา พี่รู้ได้ไง อ่านรีวิวหรอผมตอบกลับไปว่า เปล่า เมื่อคืนออกมาเดินดูรอบๆ จนทั่วแล้ว….ไม่มีหรอก แถวนี้มีแต่ผับ ร้านเหล้าไรงี้

    น้องอีกคนแซวกลับมา แหน่ะ แอบไปเกลังมาละซี้ผมหัวเราะส่ายหน้า เปล่า มีคนกรนอ่ะ เลยออกมาเดินเล่น

    ทั้งหมดเลยหัวเราะออกมา

    พอเราคุยกันถึงเรื่องนี้ผมเลยนึกออกมาว่า เออ…เมื่อคืนตอนออกมาเดินเล่นเห็นร้านอาหารร้านนึง เป็นร้านแนวให้คนกลางคืนมาฝากท้องก่อนนอน อารมณ์ประมาณร้านข้าวต้มที่มีมิกเซ่อร์ขายอะไรแบบนี้เลยปรึกษาน้องๆว่าไปดีมั้ย อยู่ห่างจากที่ตรงนี้ สองล็อกถนน

    น้องๆ ตอบตกลง   
    (บรรยากาศหน้าร้าน)

    เมื่อมาถึงร้านมีคนใช้บริการอยู่ สามสี่โต๊ะ ทุกโต๊ะเป็นนักดื่มที่มากันเป็นคู่ บรรยากาศในร้านเลยดูไม่วุ่นวายมากนักสำหรับผมแล้วพอเข้ามาในร้านมันผิดจากภาพเมื่อคืนที่คิดไว้ตอนมองเข้ามาในระยะไกลนิดหน่อย ความจริงแล้วที่นี่ เน้นขายอาหารซีฟู้ด แบบสดๆ จำพวกกุ้ง ปู ปลาหมึก ตัวเป็นๆที่ขังไว้ในตู้กระจก ให้นักดื่มเลือกชี้แล้วนำไปทำอาหารเดี๋ยวนั้นเลย

    พอมองไปที่ป้ายราคามันถูกกระดาษปิดทับไว้  ซึ่งผมเดาว่า ราคาคงจะหนักเลยทีเดียว ผมเริ่มชักจะไม่แน่ใจแล้วล่ะว่าที่แนะนำน้องๆมาร้านนี้ มันจะโอเคหรือเปล่า  เมื่อหันไปถามน้องๆ ว่าเอาไงดี เปลี่ยนร้านไหม  น้องๆตอบกลับมาว่า….”ไม่เป็นไร หิวแล้วขี้เกียจหาร้านอื่น อ่ะพี่

    ลุยเลยพี่ คืนสุดท้ายแล้วแพงหน่อยก็ไม่เป็นไร อีกคนสำทับ

    เมื่อได้คำตอบแบบนี้พวกเราเลยนั่งโต๊ะนอกร้าน(ริมฟุตพาท)ไม่นั่งในร้านตามคำแนะนำ ของพนักงาน ซึ่งจริงๆแล้วพวกเราอยากหลบกลิ่นคาวเค็มของอาหารสดในตู้กระจก

    พนักงานพยายามแนะนำอาหารซีฟู้ดที่อยู่ในตู้กระจก แต่พวกเราพากันส่ายหัว แล้วหันมาเลือกอาหารจากภาพในเมนูโดยเราตกลงกันว่าจะสั่งคนละอย่าง มา4 คนก็ได้กับข้าว 4อย่างน่าจะพอดีอิ่ม กรุ๊ปเราดูเมนูอาหาร ประกอบกับราคาที่เขียนไว้ข้างๆ อยู่นานหลายนาทีกว่าจะตกลงเลือกได้   

    ส่วนตัวผมเลือกอาหารที่เป็นผัก เซฟตัวเองที่สุด ไม่อยากให้ท้องแปรปรวนวันเดินทางกลับ

    เมื่ออาหารมาเสิรฟหน้าตาดูน่ากินทุกอย่างเลย ผมซึ่งพยายามบอกน้องพนักงานว่า มีข้าวสวยเป็นโถใหญ่ๆมั้ยจนแล้วจนรอด การสื่อสารภาษาของผมก็ไม่สำเร็จ เราได้ข้าวสวยมาคนละจาน ครบคนเราก็ลงมือ

    ลุย!!!!

    รสชาตินั้น อร่อยแบบกลางๆอาจเพราะสิ่งที่เรากำลังกินไม่ใช่ซิกเนอเจอร์ของร้านนี้มั้ง มันเลยไม่อร่อยที่สุด น้องคนหนึ่งพุดขึ้นมาบนโต๊ะ เวลาผ่านไปไม่นาน เราสั่งข้าวสวยมาอีกสองจานในขณะที่ผมกำลังโช้ยข้าวในจานที่2 อย่างเมามัน นอ้งรูมเมทผมก็หันไปพุดกับน้องผู้หญิงร่วมทริป

    เอ้า!!! พี่กินปลิงทะเลด้วยหรอ น้องผู้หญิงซึ่งกำลังคาบอะไรซักอย่างซึ่งตอนนั้นผมมองว่ามันเป็นเห็ดหอม

    เปล่านะ พี่กลัวปลิง ไม่กินหรอก น้องผู้หญิงตอบน้องรูมเมทผม

    น้องรูมเมทเลยตอบกลับมาว่า…” สิ่งที่พี่กำลังเข้าปากอ่ะ ปลิงทะเล เท่านั้นแหละ.. ผมซึ่งไม่กินปลิงทะเลเหมือนกัน ร้องในใจ (เก็บอาการ)ชิทหาย…กูแดกเยอะสุดด้วยจานนี้ แงนึกว่าเห็ดหอมอ่ะ

    น้องผู้หญิงที่คาบปลิงทะเลรีบบ้วนสิ่งนั้น ลงพื้นโต๊ะเลยแล้วหันไปบอกว่า แล้วทำไมไม่บอก น้องรูมเมทผมตอบกลับมาแบบยิ้มๆว่า เอ้า นึกว่าพี่กิน

    หลังจากนั้นบรรยากาศบนโต๊ะก็เริ่มอึมครึม ความนอยส์ กำลังบังเกิด ผมซึ่ง..ออกอาการแป้วๆแหยงๆในใจอยู่แล้ว เลยเลือกที่จะเก็บอาการ ไม่อยากให้บรรยากาศมันแย่ไปกว่านี้  น้องอีกคนที่ไม่เกี่ยวในเหตุการณ์เลย ชวนทุกคบนโต๊ะคุยเรื่องอื่น

    ความอึมครึมที่ว่า...อยู่ได้ไม่นานก็หายไป เพราะความอึ้ง!!!ในราคาอาหารมาแทนที่เมื่อเราสั่งเช็คบิล (แต่ความทรงจำอยู่นาน ตอนเขียนยัง แหยงๆอยู่เลย ฮื้อ ผมกลัวปลิ้งงงงงง)

    ราคาอาหารคาบนี้สองพันแปดร้อยกว่าบาท (อาหารสี่อย่าง ข้าว หกถ้วย น้ำเปล่าสอง น้ำแข็งสี่แก้ว) ซึ่งเราสันนิธานในเวลาต่อมาว่าราคาที่ติดไว้ นั้นคือราคาต่อขีดหรือต่อกรัมของอาหารทะเลเป็นแน่แท้ ….แง พลาดแล้วเรา

    โอ้ย….ชิทหาย แดกปลิงด้วย แพงด้วย ฮื้อผมร้องออกมาเป็นภาษาบ้านเราบนโต๊ะ เอาฮากลบเกลื่อนแล้วก็จ่ายค่าอาหารไป เดินออกมาจากร้านแบบตัวเบาหวิว แล้วหวิวดับเบิ้ลในปากที่กินสิ่งที่ไม่ชอบเข้าไป

    ปล.ต้องขออภัยคนที่ชอบกินปลิงทะเลด้วยนะครับนี่เป็นความรู้สึกส่วนบุคคลฮะ

    กรุ๊ปเราเดินออกจากร้านแบบอ้อยอิ่ง  ทิงนองนอยส์ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาซักประโยคเลย... อาจเพราะเราทั้งสี่อิ่มจนพูดไม่ออก  หรือเพราะเราทั้งหมดกำลังเสียดายค่าอาหาร หรืออาจเพราะใครบางคนกำลังนอยส์ไม่หาย ส่วนผมที่เงียบนั้น เพราะกำลังคำนวนรายจ่ายวันต่อไปว่ามันจะพอมั้ย และโกรษตัวเองว่าทำไมพลาดเรื่องราคาอาหาร 

    เราทุกคนเดินทางไปกับความเงียบจนถึงโรงแรม   

    (บรรยากาศระหว่างเดินกลับโรงแรม)


    เมื่อถึงโรงแรมเราตกลงกันว่า เราต้องประชุมกันนิดนึง ถึงโปรแกรมการเดินทางวันสุดท้าย  ก่อนแยกย้ายไปพักผ่อน ผมบอกน้องไปตรงๆว่าตั้งใจว่าจะคุยเรื่องนี้ที่บนโต๊ะร้านอาหาร แต่ว่า...บรรยากาศมันมิค่อยดีเลยเดินออกมาก่อนเผื่ออะไรๆ จะดีขึ้น (ซึ่งก็จริง) 

    น้องๆตอบตกลง

    ในเวลาต่อมา….เราประชุมถึงวิธีการเดินทางไปที่ต่างๆในวันพรุ่งนี้ ซึ่งโปรแกรมเปลี่ยนนิดหน่อยตามสภาพเวลาที่เอื้ออำนวย แต่ไม่มาก พร้อมกับถามความต้องการของแต่ละคนว่าอยากไปไหนบ้าง เผื่อจะได้แชร์เวลาการเดินทางไปเก็บสถานที่ที่อยากไป (เก็บ ตามความหมายของกรุ๊ปเราคือการเดินทางไปถึงที่นั่นเด้อ)  

    เมื่อน้องทุกคนบอกความต้องการออกมาเราก็มานั่งแชร์เส้นทางกันใหม่ หาความเป็นไปได้ ทั้งเส้นทาง และเวลา  แต่ก็ต้องมาฮากับความต้องการของผม   เมื่อน้องคนหนึ่งถามมาว่า พี่ล่ะ อยากไปไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า

    ก่อนที่น้องๆจะฮาผมตอบไปว่า “พี่อยากกินกระยาโท้ส “ น้องๆ ร้องโอ้ย....ออกมาแทบทุกคน แล้วบอกว่าพรุ่งนี้ไปกินที่ไชน่าทวาน์ก็ได้  เรื่องแค่นี้เอง

    เฮ้...สบายใจละ ได้กินก่อนกลับบ้านแน่ๆ ผมสัมทับออกไป    
     
    เราคุยกันต่อประมาณอีกครึ่งชั่วโมงก็แยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน
    ก่อนน้องๆออกจากห้อง ผมสร้างข้อตกลงใหม่สำหรับกรุ๊ปเราว่า…”ต่อไปนี้ถ้าใครเห็นส่วนผสมอะไรที่แปลกๆ ในอาหาร ต้องเตือนกันก่อนนะเว้ย.ยยย น้องๆ ตอบตกลง
    เย้สบายใจละ หลังจากนี้จะได้ไม่ต้องกินปลิงทะเลอีกต่อไป 
    (อาคารสีชมพู ยามค่ำ )
    (ภาพจากกล้องมือถือตัวเอง )
     
     

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in