"ทองพูน" เด็กหญิงคนหนึ่งเรียกชื่อเด็กชายตัวเล็กขี้ก้าง ที่มักชอบโดนรังแกอยู่เรื่อยๆ
"ว่ายังไงหรอ" เด็กชายตอบกลับด้วยน้ำเสียงสดใส
"วันนี้ เธอเอาดินสอกับสีมาไหม" เด็กหญิงกล่าวอย่างขวยเขิน
เด็กชาย นิ่งอยู่สักพัก เด็กหญิงมีท่าทีอะอักกะอ่วนอย่างเห็นได้ชัด
"อื้ม มีสิเธอไม่ได้เอามาหรอ" เด็กชายตอบกลับหลังจากนิ่งไปสักพัก
"ถ้ายังไง เรามาทำด้วยกันก็ได้นะ"
"จ้า" เด็กหญิงกล่าว
น้อยครั้งนักที่เด็กชายจะยิ้มมีความสุขกับเรื่องราวต่างๆในชีวิต เด็กชายมีเรื่องให้มีรอยยิ้มได้ไม่มากนัก อาจจะเพราะเด็กชายเองก็เป็นแค่มนุษย์ ล่องหน ประจำห้องป.1 ก แม้ว่ามันจะไม่จริงนักแต่เด็กชายก็เป็นคนที่เข้าสักคมยาก ไม่รู้เพราะเป็นเด็กชอบตั้งคำถามและไม่ชอบถูกแกล้งด้วยล่ะมั๊งที่ทำให้เด็กชายเลือกที่จะหลีกเลี่ยง ปัญหาด้วยการพบปะและพูดคุยกับเพื่อนๆ ซึ่งปกติแล้วเด็กในวันนี้ไม่เป็นกัน นอกเสียจากว่า เด็กชายคนนั้นจะเป็นพวกสังคมเด็กไม่ต้องการล่ะมั๊งนะ
แต่นั่นก็ไม่ค่อยจะเป็นปัญหานัก สำหรัับเด็กชายที่โตมากับบ้านที่อยู่ไกลเกินกว่าที่จะไปมาหาสู่ใครนอกจากตื่นเช้ามาโรงเรียนและกลับมาในตอนเย็น นั่นเป็นเพียงแค่การเดินทางที่ทำให้เด็กชายคนหนึ่งเข้ามาพบปะสังคม เด็กชายเพียงต้องการแค่มีผู้คนอยู่ประมาณหนึ่งเพียงให้เขารู้ว่า เขายังไม่เหงาและอยู่ตัวคนเดียวก็เพียงพอแล้ว
ในวิชาที่เด็กชายสนใจ ก็มีวิชาวาดภาพเป็นอันดับแรก เด็กชายชอบวาดภาพ แม้ว่าเด็กชายเองจะวาดอะไรไม่ค่อยเก่งนัก แต่เด็กชายก็รักที่จะวาดมัน อาจจะเป็นเพราะการวาดมันทำให้เวลาของเด็กชายเหมือนถูกหยุดอยู่ที่ตรงนั้น นานแสนนานเท่านาน มากกว่าการอ่านหนังสือ แก้ว กล้า กับหมาดำ ก็เป็นได้
เด็กชายและเด็กหญิง ปลีกตัวจากกลุ่มเพื่อนมาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง
ทั้งสองคนต่างขวยเขินซึ่งกันและกัน เด็กชายเองที่ขวยเขินก็คงเพราะ ตกปากรับชวนเพื่อนหญิง ให้มาวาดด้วยกัน ซึ่งโดยปกติแล้วเด็กชายมักจะอยู่เงียบๆคนเดียวที่มุมไหนมุมหนึ่งของห้องในขณะที่เพื่อนๆกำลังรวมกลุ่มกันทำงานและปรึกษาการบ้านกัน
เด็กชายและเด็กสาว สบตากันแล้วยิ้มทักกันด้วยความขวยเขินก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาลงมือ สร้างผลงานวาดภาพที่แต่ละคนจะต้องส่งในวันนี้
โจทย์งานวันนี้ครูปฏิมา ครูสาวผู้แสนใจดี ได้ให้ทุกคนวาดภาพธรรมชาติ โดยไม่ได้กำหนดอะไรมากมาย ทุกคนจึงมีอิสระในการวาดภาพของตนเองอย่างเต็มที่ และเต็มความสามารถ สำหรับผมแล้วผมเองก็ใช่ว่าจะวาดภาพสวยอะไรนักหนา แต่มันก็รู้สึกว่า เออทำแล้วสบายใจนะ
เมื่อรู้ว่าตัวเองยังคงไม่มีความสามารถในการที่จะทำภาพให้ออกมาสวย เราคงจะต้องทำอย่างอื่นเพื่อมาทดแทนการวาดที่ยังแพ้คนอื่นๆอยู่ดี นั่นก็คือ "การลงสี"
ถึงแม้ว่าการลงสีมันจะยากแต่ว่า มันก็สามารถที่จะทำให้เราได้คะแนนคืนมาจากลายเส้นที่ป่วยได้นะครับ เชื่อว่าหลายคนก็ชอบใช้วิธีนี้ในการเอาตัวรอดในรายวิชาศิลปะแน่นอน ผมเองก็เป็นคนกลุ่มนั้นครับ แต่มันเองก็น่าแปลกนะ ที่ภาพวาดของเด็กทุกคนแม่งเหมือนกันอย่างประหลาด ที่มันจะต้องมี บ้านหลังเล็กๆ หนึ่งหลัง เบื้องหลังเป็นภูเขา และมีแม่น้ำไหลผ่านมาตรงกลาง อะไรทำนองนี้อยู่บ่อยๆ แหม... มันก็ยากจะอธิบายเหมือนกันนะ มีดวงตะวันอยู่ตรงท้องฟ้า ต่างตำแหน่งกัน แต่ยอดฮิตก็คือมันจะอยู่ตรงแนวที่ภูเขามันจรดกันที่หน้ากระดาษนั่นแหละครับ มีก้อนเมฆด้วย ดันนี้ถือว่าคอมพลีทลี่เสร็จจบ
ที่เหลือนี่คือความสามารถในการลงสีล้วนๆแล้วครับ ใครที่สามารถลงสีได้ดี แล้วมันออกมาสวยมันมักจะได้คะแนนดีจากครูไป และที่สำคัญใครได้คะแนนดีๆหน่อยจะได้ขึ้นบอร์ดหน้าห้องเรียนด้วย ซึ่งถือว่ามันดีมากเลย เราเองก็ชอบนะและก็ชอบมากด้วย ใครล่ะจะไม่ชอบที่ผลงานตัวเองได้ขึ้นบอร์ด เธอว่าจริงไหมล่ะ การได้หน้าและความภาคภูมิใจมันเป็นสิ่งที่ดีมากสำหรับเด็กคนหนึ่งเลยก็ว่าได้นะ
ในเวลานี้เด็กชายและเด็กหญิงต่างทำงานวาดและระบายสีไปอย่างสุดกำลังและก็คงถึงเวลาที่ต้องส่ง ชิ้นงานนั้นเพื่อเอาคะแนนแล้ว เด็กๆทุกคนต่างส่งชิ้นงานของตนเอง เด็กชายเองก็เช่นกันถึงแม้ว่าชิ้นงานของเขายังไม่สำเร็จดีนักก็ตาม
วันรุ่งขึ้นก็คงจะเป็นผลงานของเพื่อนที่มีความสามารถที่ดีที่สุดจะได้โชว์ผลงานเป็นที่ประจักษ์ แล้วสินะ
เด็กชายคิดในใจ แต่สายตาที่มีความไม่แน่ใจนั้นก็ทำให้รู้ว่า เขาอาจจะไม่ได้มีผลงานอยู่ในบอร์ดแห่งความสำเร็จนั้นได้อย่างแน่นอน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in