เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
CAMBODIAN CULTURE JOURNALlinwawrites
สัปดาห์ที่ 12: นักร้องรุ่นใหม่กัมพูชา จารีต และสุนทรียะ
  • หากพูดถึงดนตรีกัมพูชา คุณจะนึกถึงอะไร
    เสียงจาเป็ย ระนาด เพลงดั้งเดิมแบบสาธุการ เพลงพระทอง เพลงนางนาค อะไรประมาณนั้นรึเปล่า

    ดนตรีดั้งเดิมของกัมพูชานั้นส่งอิทธิพลต่อไทยมาก จนเพลงไทยเดิมมีชื่อขึ้นต้นด้วย "เขมร" มากมาย เช่น เขมรไทรโยค เขมรทรงพระดำเนิน เป็นต้น 

    แล้วดนตรีสมัยใหม่ของกัมพูชาล่ะ? วันนี้เราจึงอยากพาทุกคนไปทำความรู้จักนักร้องรุ่นใหม่ของกัมพูชาไปด้วยกัน ผ่านเพลงที่เราคัดมาแล้วว่า "ดีงาม"

    Tena Khimphun

    Tena Khimphun เป็นนักร้องและนักแต่งเพลงชาวกัมพูชาที่ผสมผสานดนตรีสมัยใหม่เข้ากับวัฒนธรรมดั้งเดิมกัมพูชาได้อย่างลงตัว เนื้อหาในเพลงของ Tena เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับความรักความสัมพันธ์ ด้วยเสียงของ Tena ที่นุ่ม ฟังสบายหู ทำให้เพลงมีความสุนทรีมาก ๆ เช่นเพลง "រាហ៊ូចាប់ច័ន្ទ" (Reahoo chap chan, ถอดเสียงภาษาไทย: ราหูจับจันทร์) ซึ่งนำทำนองเพลงชื่อเดียวกันที่เป็นเพลงกัมพูชาแต่เดิมมาปรับให้เป็นแนว pop ผสมกับท่อนแร็ปกันจนเป็นความโศกซึ้ง เช่นเดียวกับเนื้อเพลง ที่ครวญถึงการพลัดพรากของชายหญิงที่รักกัน เสมือนดวงจันทร์ที่งดงามแล้วถูกราหูกลืนกินไป


    VannDa

    VannDa เป็นแรปเปอร์และนักแต่งเพลงวัย 25 ปี ในสังกัด Baramey Production ผลงานของเขาเป็นที่นิยมในกัมพูชา ด้วยยอดผู้ชมสูงสุดในยูทูปถึงกว่า 89 ล้านครั้ง และยอดผู้ฟังใน Spotify ประมาณเดือนละ 40,800 บัญชี ผลงานเพลงของเขามีทั้งความคิดถึงบ้าน การตามหาความฝันแบบฉบับแรปเปอร์ และความภูมิใจในความเป็นกัมพูชา อย่างเพลง Time To Rise ที่เขาได้เชิญ อาจารย์กง ไณ นักจาเป็ย (กระจับปี่) ผู้มีสมญานามว่าเป็น เรย์ ชาร์ลส์ แห่งกัมพูชา มาร่วมถ่ายทอดเพลงนี้ด้วย ซึ่งเสียงจาเป็ย ระนาด และท่วงทำนองการแร็ปของ Vannda และอาจารย์กง ไณนั้นเข้ากันได้อย่างดี นัยหนึ่ง นี่คือสัญญาณแห่งการผสมวัฒนธรรมทั้งจารีตและสมัยนิยมเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน และประกาศความงดงามของคีตศิลป์กัมพูชาสู่สองหูของชาวโลกว่า มรดกศิลปะที่สั่งสมมายาวนานถึงเวลา "ทะยาน" สู่ขีดสุดอีกครั้ง


    Sophia Kao

    ส่วนศิลปินฝ่ายหญิงของกัมพูชา ก็นับได้ว่า "ต๊าชชช" เช่นกัน อย่าง Sophia Kao จากค่าย Baramey Production เธอเติบโตในครอบครัวที่หลงรักในเสียงเพลง และเป็นแรงผลักดันให้เธอพัฒนาฝีมือทั้งการร้องและการเขียนเพลง ทั้งเพลงแจ๊ส และ R&B ซึ่งเธอเคยได้ไปแสดงในงาน ASEAN Music Showcase Festival 2021 มาแล้ว โดยเพลงของเธอเป็นเพลงสากล และด้วยน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของเพลงได้เป็นอย่างดี เช่นเพลง "You don't know how to love me"  ที่เธอส่งความรู้สึกสีเทาจากความผิดหวังในความรัก และขอร้องให้ "ปล่อยกันไป" ได้อย่างชัดเจน ตรงไปตรงมา


    จากสามบทเพลง ของสามศิลปินรุ่นใหม่ ทำให้เราเห็นได้ว่า สุนทรียะทางดนตรีของกัมพูชานั้น สามารถผสมผสานดนตรีในวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมได้อย่างเหมาะเจาะ เป็นตัวอย่างที่เราเองชื่นชม และได้แต่หวังว่า วงการศิลปะในประเทศนี้จะมีที่ทางให้กับความคิดสร้างสรรค์อย่างไม่รู้สิ้น ไม่มองว่าของเก่าและของใหม่นั้นคุณค่าต่างกันราวฟ้ากับเหว และไม่ตีค่าว่าศิลปะประเภทใดสูงส่งไปกว่ากัน

    เพราะจุดมุ่งหมายของศิลปะ คือ การส่งเสียงของมนุษย์ เพื่อความสำเริงอารมณ์และจรรโลงจิตวิญญาณมนุษย์นั้นเอง





Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in