เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เป็นพ่องงง ได้อะไรมากกว่าที่คิดพรี่หนอม
08 : เปลี่ยนแปลง?

  • โบราณว่าไว้ มีลูก 1 คน จนไป 7 ปี …
    จริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงอีกเรื่องในชีวิตผม นั่นคือเรื่องเงิน


    ---


    โดยปกติการใช้เงินของผมจะอยู่ในขั้นที่เรียกว่า “ใช้เปลืองไปจนถึงเปลืองชิบหาย” แต่เงินก้อนที่ใช้นั้นมีการเก็บออมเงินลงทุนไว้ส้่วนหนึ่งแล้วนะครับ (ออกตัวไว้ก่อน เดี๋ยวคนจะหาว่าสอนให้คนอื่นใช้เงินเปลือง แหะๆ #ผีกูรูการเงินเข้าสิง)

    ปัจจุบัน รายได้ของผมจะมีทั้งเงินเดือนประจำ รายได้จากฟรีแลนซ์ รายได้จากการลงทุนต่างๆ รวมกันก็พอจะอยู่ได้สบายๆอยู่ล่ะ ถ้าหากผมเก็บเงินออมและลงทุนถึงจุดหนึ่ง ส่วนที่เหลือผมจะถลุงได้อย่างสบายใจ

    ตั้งแต่รู้ตัวว่ามีลูก… ทำให้ผมต้องคิดมากเรื่องการใช้จ่าย รองเท้าที่เคยอยากได้คู่ละหลายพัน เราก็หันมาบอกตัวเองว่าคู่เก่ายังดีอยู่เลย โทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ที่เพิ่งออกมา เราก็ต้องตบบ่าแล้วบอกว่าใช้เครื่องเก่าให้พังก่อนจะดีไหม อาหารดีๆที่เราเคยชอบกิน เราก็หันมากินให้น้อยลง

    เรียกได้ว่ามีความระมัดระวังในการใช้เงินเพิ่มขึ้น จนผมเริ่มมองหาหนทางออกให้ลูกในอนาคต เลยขอแนะนำประกันระยะยาวที่มีผลตอบแทนสูงให้กับผู้อ่าน… ถุ้ยยย #ไม่ใช่ละมึง

    แต่การที่ผมเลือกใช้เงินปรนเปรอตัวเองน้อยลงนั้น ไม่ได้ทำให้การใช้จ่ายลดลงแต่อย่างใด เพราะมันต้องไปเปลืองกับลูกมากขึ้นแทนนี่แหละครับ ด้วยอุปกรณ์เครื่องใช้สำหรับเด็กต่างๆ ที่จะอธิบายให้ฟัง ดังนี่้


    ---

    คาร์ซีท (Car Seat)

    คาร์ซีท คือ เบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กในรถยนต์ เพื่อเสริมความปลอดภัยให้เมื่อเกิดอุบัติเหตุ เพราะว่าร่างกายของเด็กมีขนาดเล็กอยู่ เมื่อเกิดอุบัติเหตุถ้าไม่มีอะไรยึดไว้ ย่อมได้รับบาดเจ็บกว่าผู้ใหญ่ ดังนั้นคาร์ชีทจึงเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นมากๆ และคาร์ซีทดีๆ ที่ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด ราคาอยู่ที่ประมาณ 20,000+ บาทอัพ…

    สัส! ไอโฟนเจ็ดพลัสกูหายไปแล้วครึ่งเครื่อง… ผมคิดในใจหลังจากที่จ่ายเงินเพื่อซื้ออุปกรณ์ป้องกันภัยชิ้นนี้ ว่ากันว่ามันเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นที่สุดสำหรับเด็กน้อยทุกคน ถ้าจำไม่ผิดว่ากันว่า ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่าง อเมริกา อังกฤษ ฯลฯ มีกฏหมายบังคับให้เด็กต้องนั่งคาร์ซีทเสมอเมื่อโดยสารรถยนต์เพื่อความปลอดภัย และถ้าหากรถที่มารับไม่มีคาร์ซีทแล้วล่ะก็ เด็กจะไม่มีสิทธิออกจากโรงพยาบาลกันเลยทีเดียว (โปรดเช็คข้อมูลอีกครั้งหนึ่ง)

    ถ้าหากคุณไปคุยกับผู้ใหญ่ (รุ่นพ่อรุ่นแม่) ที่เลี้ยงคุณมา เขาจะสงสัยว่ามันคืออะไร

    “มันคือที่นั่งเพิ่มความปลอดภัย”
    “เหรอๆๆๆ แต่เมื่อก่อนแค่อุ้มลูกไว้ก็พอแล้วนี่”

    “มันจะไม่ปลอดภัยไง ถ้าหากเกิดอุบัติเหตุแล้วลูกหลุดมือ”
    “ก็อย่าให้หลุดสิ”

    ฯลฯ

    บทสรุปสุดท้ายที่คุณจะได้รับอาจจะเป็นทำนองว่า บริษัทพวกนี้มันจะหลอกเอาเงินจากเรา มันเลยสร้างมาตรฐานพวกนี้ขึ้นมา เอ้าไปกันใหญ่แล้วโว้ย เอาเลยใครอยากคิดอะไรก็เอาที่สบายใจกันเลยครับผม

    โอเค… กลับมาต่อ คาร์ชีทเป็นอุปกรณ์ที่ได้ใช้เป็นอันดับแรกๆเลย เนื่องจากวันที่เจ้าตัวน้อยออกจากโรงพยาบาล ผมต้องเอาไปรับและบังคับให้เขานั่งคาร์ซีทให้ได้

    “พอดีผมจะให้เขานั่งคาร์ซีทอ่ะครับ” ผมแจ้งความต้องการแก่พยาบาล
    “อ้อ อุ้มไว้ที่อกก็พอแล้วค่ะ” พยาบาลตอบแบบมั่นใจ

    “พอดีจะอุ้มลูกใส่คาร์ซีทอะครับ มันเดินทางไกล” ผมเน้นถึงความปลอดภัยต่อไป
    “อ้อค่ะ แต่ดิฉันใส่ไม่เป็นอ่ะค่ะ” เธอตอบกลับมาแบบไม่ยอมแพ้

    ในที่สุด ผมต้องจอดรถข้างทาง เพื่อนำลูกน้อยเข้าไปอยู่ในคาร์ซีทให้ได้ด้วยตัวเอง โดยวิธีการเปิดคลิปยูทูปประกอบกับการทำตามไปเรื่อยๆ #นี่คือคำว่าพร้อม แต่โชคดีอย่างนึงก็คือ ลูกของผมไม่ร้องไห้โยเยเมื่อต้องนั่งคาร์ซีท แต่หลังจากนี้ยังไม่รู้เหมือนกันครับว่าจะเป็นยังไงบ้าง

    ความเห็นสำหรับไอเท็มนี้ : ผมคิดว่ามันจำเป็นนะ ซื้อเผื่อไว้เลยตั้งแต่เกิดจนโต ได้ใช้แน่นอน (ถ้าลูกนั่ง) และมันดีตรงที่เพิ่มความปลอดภัยได้จริงๆนั่นแหละครับ อย่างไรก็ควรนำมาพิจารณาเป็นตัวเลือกหนึ่ง สำหรับคนขับรถที่มีลูกอ่อนเช่นกันครับ #สรุปคือควรซื้อ


    ---

    คอก เบาะรองคลาน ที่นอนเด็ก

    สินค้าชิ้นที่สองของพี่หนอมไดเรกส์ขอเสนอออออ นั่นคือ คอก เบาะรองคลาน และที่นอนสำหรับเด็ก ซึ่งราคาก็จะมีตั้งแต่หลักพักปลายๆ ไปจนถึงหมื่นกลางๆ อยู่ที่ความต้องการของพ่อแม่ พื้นที่บ้าน และกำลังเงินในกระเป๋าประกอบกัน

    “เอาแบบไหนดี มีหลายแบบ”
    “แต่อันนี้ไม่เป็นอันตรายต่อทารกนะ”

    “หรอ แต่ราคาแพงนะ”
    “เฮ้ย ซื้อให้ลูกทั้งที เอาดีๆไปเลยดีกว่ามะ”

    จริงๆแล้ว บทสนทนาแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ คอก เบาะรองคลาน และที่นอนหรอกครับ มันเกิดกับทุกอย่างที่เป็นของใช้สำหรับเด็ก เพื่อคนที่เรารัก เท่าไรเท่ากัน และมันก็ไม่ได้หยุดเพียงแค่นี้ เพราะถึงทุกวันนี้ที่ผมโตแล้ว ผมยังเห็นพ่อแม่ของผมพยายามที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผมอยู่เช่นเดียวกัน

    ความรู้สึกพวกนี้มันถูกปลูกฝัง และมันเป็นสิ่งที่เราทุกคนรู้กันอยู่ในใจว่า “เพื่อคนที่เรารัก เท่าไรเท่ากัน” แต่ยังไงก็ระวังเงินในกระเป๋าเหมือนกัน

    เอ้า กลับมาที่เรื่องคอก เบาะรองคลานกันก่อน ของดีๆเค้าว่าจะช่วยสร้างพัฒนาการให้กับเด็กทารกได้ด้วยนะครับ ดาราคนนู้นก็ใช้ เซเลปคนนี้ก็มี เฮ้ย แบบนี้ดีจริงเราต้องจัด #เหยือโฆษณาชัดๆเลยกูเนี่ย

    ความเห็น : เอาตามความจำเป็น บ้านมีที่ เงินในกระเป๋ามีก็จัด แต่ถ้าไม่ถนัดก็เอาเท่าที่พอไหวครับผม


    ---


    ผ้าอ้อมสำเร็จรูป

    ไอเท็มสุดท้ายของตอนนี้ ขอแนะนำเป็นผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็กน้อย มีหลายยี่ห้อให้เลือกใช้ไม่ต่างจากผ้าอนามัยคุณแม่ ซึ่งประโยชน์ของมันก็คือ ช่วยให้สามารถดูแลเรื่องการขับถ่าย การระบายความชื้่น และความสะดวกของลูกน้อย

    แต่ละยี่ห้อก็มีประโยชน์แตกต่างกันไป คุณสมบัติเป็นจุดขายตั้งแต่ นุ่มสบาย กักเก็บความชื้นได้นานกว่า มีแถบวัดความชื้น สามารถพับเก็บทิ้งได้ง่าย แถบกาวติดใหม่ได้ตลอด มีกลิ่นหอมป้องกันกลิ่นขี้ของลูกรั่วไหล การดูดซับซึมเร็วระดับนู่นนั่นนี่ ไปจนถึงราคาโปรโมชั่นที่น่าสนใจ

    เท่าที่ลองใช้ดูแต่ละยี่ห้อไม่ต่างกันมากนักหรอกครับ บางอันดีกว่าตรงนั้น ตรงนี้ แต่สิ่งที่เราทำได้คือเปลี่ยนบ่อยๆ เพือไม่ให้อับชื้นเกิดผื่นผ้าอ้อม ลูกน้อยไม่สบายตัว ร้องไห้คร่ำครวญจนพ่อแม่ไม่ได้นอน และที่ดีสุดๆ คือ ใช้แล้วทิ้งไม่ต้องซัก นั่นเองงงงง

    ความเห็น : เลือกตามกำลังเงินในกระเป๋าได้เลย รอพวกตัวแพงๆจัดโปรโมชั่นก็น่าสนใจ เพราะว่ามันจะทำให้ซื้อได้ราคาถูกครับ


    ---


    ตัวอย่างของใช้พวกนี้มันเป็นเพียงส่วนเล็กๆน้อยๆเท่านั้น เพราะมันมีค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกมากมายที่ตามมาให้คุณพ่อคุณแม่ต้องควักกระเป๋ากันรัวๆ ของบางอย่างที่ไม่เคยคิดว่ามันจะมีอย่าง “หมอนกันสะดุ้ง” เอาไปให้ลูกนอนแล้วไม่ตกใจ “ชุดหมี” ที่ใส่แล้วเหมือนอยู่ในท้องแม่ อุปกรณ์ทำความสะอาดต่างๆ เครื่องปรับระดับความชื้่น บลาๆๆ ทุกอย่างในโลกนี้มันช่างมีนวัตกรรมเต็มไปหมด โอววว พระเจ้า แม่งมีสิ่งประดิษฐ์สำหรับเด็กอะไรมากมายเกิดขึ้นบนโลกนี้บ้างวะเนี่ยยยย

    สำหรับผมแล้ว ถ้าเป็นของที่ “จำเป็น” ต้องใช้ ผมพยายามจะเลือกของดีที่สุดเท่าที่จ่ายไหวและไม่ลำบากตัวเองให้กับลูกนะ บางคนอาจจะมองว่าเว่อร์เกินไป หรือบางคนอาจจะมองว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ต้องจ่ายก็ตาม

    แต่คำถามที่ตามมาก็คือ …
    แล้วกูไปขอเงินพวกมึงมาจ่ายเหรอวะ?

    #จบตอนแบบนี้แหละ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in