เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เป็นพ่องงง ได้อะไรมากกว่าที่คิดพรี่หนอม
05 : เรียนรู้?
  • วันที่ 3 และ 4 หลังจากการผ่าคลอด เป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างสบาย เพราะไม่มีคนมาเยี่ยมเราสักเท่าไร นอกจากทางฝั่งบ้านภรรยาแล้ว ที่เหลือก็ดูเหมือนจะเป็นเวลาของเราสองคนกับเจ้าตัวน้อยเท่านั้น


    การเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างภายในสองวันแรกนั้น ถือเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความเครียดพอประมาณ ในฐานะคุณพ่อมือใหม่ที่คิดว่าตัวเองต้องทำหน้าที่แทนภรรยาที่ผ่าคลอด ประกอบกับการมีลูกครั้งแรกที่หยิบจับอะไรก็ไม่คุ้นมือ ไอ้โน่นจะกระทบลูกเราหรือเปล่า ไอ้นี่จะมีปัญหาไหม จับตรงนั้นดีไหมวะ จับตรงนี้จะเจ็บหรือเปล่า ร้องเพราะอะไร เป็นอะไรบ้างเนี่ยลูกกู


    ไปๆมาๆ ถึงขั้นต้องหยิบกระดาษมาจด เขียนแผนกลยุทธ์เป็นขั้นตอนให้จดจำ ห่อผ้าต้องทำแบบนี้ ถ้าลูกร้องไห้ ต้องเช็คแพมเพอร์ส ดูเวลาให้นมครั้งสุดท้าย อุ้มหรือว่านอนไม่หลับ เกิดอะไรขึ้นมากมายวะเนี่ย


    สุดท้ายได้แต่บอกตัวเองสั้นๆ ว่า “เรียนรู้วันละอย่าง ค่อยๆทำไปทีละเรื่อง”


    ---


    ภารกิจที่พิชิตไปแล้วในสองวันแรก คือ ห่อตัว การให้นม การอุ้ม การทำความเข้าใจเบื้องต้น สำหรับภารกิจในวันนี้ คือ การเรียนอาบน้ำ และการชงนม นั่นเองครับท่านผู้ชม

    เดี๋ยวเชิญคุณพ่อและคุณลงไปดูวิธีการอาบน้ำน้องตอนบ่ายนะคะ… พยาบาลเนอสเซอรี่ใจดีบอกกับเราอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่พา “ลูก” มาส่งให้ในตอนเช้า

    เดี๋ยวนะ ผมยังไม่ได้เล่าให้ฟังใช่ไหมครับว่า ลูกผมชื่ออะไร?


    ---


    การตั้งชื่อลูกนั้นเป็นเรื่องที่ยาก เรียกได้ว่าเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ไปพร้อมๆกัน เพราะสมัยนี้ ชื่อลูกของเรานั้นจะธรรมดาได้ที่ไหนกันล่ะ!!

    โอเค… ในยุคเราอาจจะชื่อง่ายๆ ธรรมชาติ ผลไม้ ต้นไม้ ใบหญ้า สัตว์ต่างๆ เช่น ส้ม จอย ศรี แอปเปิ้ล เต่า เป็ด ไก่ ปลา ฟ้า ฝน แมว ฯลฯ

    แต่สมัยนี้มันไม่ใช่น่ะสิ ลองดูเด็กน้อยสมัยนี้แต่ละคนก็มีชื่อไม่ซ้ำกันแบบแปลกๆ ลูเธอร์ เจอร์กี้ มณีเมขลา ทารา ยามาโนะ โอ๊ตตี้ สองพยางค์ก็มี สามสี่พยางค์ก็เห็นมาแล้ว

    “ลูกเราชื่ออะไรดี?” คำถามโลกแตกมาถึงตรงนี้อีกแล้วครับ ในฐานะที่เป็นพ่อและแม่ เราก็คิดว่าอยากจะมีอะไรที่เป็นตัวแทนของเราบ้าง

    เริ่มจากชื่อเล่น เราตั้งโจทย์กันว่า พ่อและแม่มีชื่อเล่นด้วย “ก” เหมือนกัน ดังนั้นลูกของเราก็ต้อง “ก” ด้วยเช่นกัน แต่จะมา ไก่ กา กบ เก่า กุํก อะไรแบบนี้ มันไม่ใช่อ่ะ ลูกเราจะมีปมด้อยในชีวิตได้ ถ้าไปเจอกับ กอหญ้า กีกี้ กาลู กาลาร์ เกียบัน อะไรแบบนี้สินะ

    “เค้าได้ชื่อละ ชื่อน้องสกายละกันนะ”
    “เดี๋ยวนะ สกายมัน ก ไก่ ตรงไหนวะ”


    “ก็ กายไง กาย ก็ ก ไก่”

    “แต่นี่มันสกาย ไม่ใช่กายนะ”


    “เอาเหอะ ชอบชื่อนี้ ตัวเองก็ตั้งชื่อจริงไปละกัน”

    “ครับ..”


    บางทีก็มีอะไรที่ต้องอะลุ้มอะล่วยกันบ้างไม่มากก็น้อยสินะ สกาย กาย เอาเป็นว่า ก ไก่ เหมือนกันนี่แหละเนอะ #เหมือนก็เหมือนวะ จะเอาอะไรกับครอบครัวไทยที่สามีไม่เคยเป็นใหญ่ เพราะระบอบประชาธิปไตยแม่มไม่มีจริงหรอก


    “ลูกกูชื่อสกายนะ”
    “ผมว่าชื่อสกายแลปก็ดีนะ”
    “ไม่ๆ กูว่า สกายคิกดูดีกว่า”
    “สกายลาร์คไหมมึง ฟังแล้วน่าแดรกส์ดี”
    “สก้ายสกายสิ ดูอารมณ์ดี”
    “สกายก้อยสิ ดูสก็อยนะ หนูว่า”

    ฯลฯ

    ชีวิตเราก็เท่านี้ เอาเป็นว่าใครอยากจะตั้งชื่ออะไรก็ตั้งไปละกัน ลูกกูเป็นของพวกมึงทุกคนนีแหละ เอาที่สบายใจเลยครับพี่น้องงง  - -”


    “แม่ว่ามันน่าจะชื่อก้อง” ความเห็นของแม่ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน
    “เอางี้ แม่เรียกมันสกายก้องละกัน” ผมแนะนำทางออกที่เหมาะสมสำหรับแม่

    เอาเป็นว่าชื่อเล่นลูกผมคือสกายครับ นั่นคือสิ่งที่เราแบ่งกันกับเมียคนละครึ่ง ส่วนชื่อจริงนั้นผมมีสิทธิตั้งโดยที่ไม่ต้องขอความเห็นจากเธอ


    ตำราโหราศาสตร์ประจำเดือนตุลาคมนั้น บอกไว้ว่า เกิดวันเสาร์ที่ 22 กับวันจันทร์ที่ 24 ตุลาคมนั้น เป็นวันฤกษ์ดี แต่ถ้าไม่ได้ก็น่าจะเป็นวันพุธ ถือว่าเป็นวันอธิบดี โอเคอยู่

    ตอนแรกที่ผมเล็งไว้คือวันที่ 24 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันจันทร์ ดังนั้นชื่อต้องไม่มีสระ ซึ่งถือว่าเป็นกาลกิณี ส่วนโจทย์ควรมีชื่อที่เป็นตัวเสียง Th ให้เหมือนกับพ่อและแม่ (พ่อ - ถ แม่ - ฐ) ดังนั้นหาชื่อที่ขึ้นต้นด้วย ท ธ ถ ฐ แนวๆนี้พอจะได้อยู่เหมือนกัน

    ผมนั่งไล่ชื่อดูคร่าวๆ เนื่องจากวางแผนว่าจะให้เกิดวันจันทร์ ตามเวปไซด์ตั้งชื่อลูกต่างๆ อยู่ๆ สายตาก็ไปสะดุดที่ชื่อนึงที่ขึ้นต้นด้วย “ธ” นั่นคือ “ธฤต” ซึ่งมีความหมายว่า “มั่นคง” ถ้าเขียนเป็นภาษาอังกฤษก็คงจะได้เป็น Tharit ซึ่งก็ขึ้นต้นด้วย Th เหมือนกับพ่อและแม่

    ในใจผมรู้สึกชอบชื่อนี้อย่างประหลาด แม้จะพยายามหาชื่อชิกๆคูลๆ สำหรับคนรุ่นใหม่อย่าง คคน ทิทยะ หรืออะไรต่างๆที่ดูจะเท่ห์และอ่านยากก็ตาม แต่มันก็ยังไม่โดนเท่าไรนัก

    แวปนึง… ผมเกิดคำถามขึ้นมาว่า
    เรามีสิทธิที่จะกำหนดชีวิตใครด้วยเหรอ?

    ไม่สิ...
    เราไม่มีสิทธิแม้แต่จะกำหนดชื่อตัวเองเสียด้วยซ้ำ


    ---


    ขั้นตอนอาบน้ำนะคะ คุณพ่อคุณแม่ เริ่มจากการถอดเสื้อผ้าน้องออก ห่อตัว แล้วใช้มือข้างที่ไม่ถนัดอุ้มน้องไว้แบบหนีบกับลำตัวเรานะคะ หลังจากนั้นสระผมค่ะ โดยใช้นิ้วมือของเราปิดที่บริเวณใบหูของน้อง กันน้ำเข้าหูด้วยนะคะ….

    พยาบาลอธิบายไปพลาง อาบน้ำให้กับลูกของเราไปพลาง มันเป็นภาพที่ดูเหมือนจะง่าย เพราะความชำนาญทำให้เราคล้ายรู้สึกแบบนั้น

    ไม่ถึงห้านาที การอาบน้ำเสร็จสิ้น พยาบาลกำชับเรื่องการเช็ดสะดือ และการเช็ดตัวให้แห้ง หวีผมต่างๆนานา ผมนั่งจดจำทุกอิริยาบทที่สำคัญ พลางนึกในใจว่า “กูจะทำไหวไหมเนี่ย”

    “อาบน้ำน้องนี่ดูเหมือนง่ายนะคะ แต่เอาจริงๆ ชีวิตของเขาอยู่ในมือของเราเลยนะคะคุณพ่อ” พยาบาลพูดก่อนจบการสาธิต

    นั่นสินะ ชีวิตเขาอยู่ในกำมือของเราจริงๆด้วย…


    ---


    ผมเคยรู้สึกไม่ชอบชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้อยู่ช่วงหนึ่ง มันเป็นชื่อที่ดูตลกเมื่ออยู่กับเพื่อนๆในรุ่นเดียวกัน ด้วยความโบราณของชือ ประกอบกับความหมายของชื่อที่ไม่เข้ากับหน้า ทำให้ผมรู้สึกว่ามันน่าอายพึลึก

    “พ่อกับอี๊เป็นคนไปขอชื่อนี้มาจากพระเลยนะ” แม่เล่าให้ฟังถึงที่มาของชื่อ หรือกำลังจะบอกว่าจริงๆแล้วผมควรจะไปโกรธหลวงพ่อท่านนั้นที่เป็นคนเลือกชื่อนี้มาให้กับผม

    แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมไม่ได้รู้สึกว่าชื่อที่ใช้นั้นผิดปกติแต่อย่างใด ความแปลกของมันทำให้จำง่ายเสียด้วยซ้ำ และที่สำคัญ ผมคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ชื่อ แต่มันไม่ใช่ชีวิตของผม

    เช่นเดียวกัน ในวันที่ผมมีลูก ผมและภรรยาเป็นคนกำหนดชื่อให้กับเขา ทั้งชื่อเล่น และชื่อจริง แต่มันก็เป็นสิ่งที่ผมเลือก ไม่ได้มาจากการเลือกด้วยตัวเองของเขา

    ชื่อที่ผมเลือกให้ อาจจะถูกเพื่อนล้อจาก “สกาย” เป็น “สัตว์กาย” หรือจะเล่นคำต่ออย่างสนุกสนานตามที่มิตรสหายหลายท่านเลือกให้ก็ไม่ใช่เรืองแปลกอะไร

    หรือชื่อ “ธฤต” ที่แปลว่ามั่นคงของเขา อาจจะทำให้เขาถูกแฟนสาวหลอกด่าเมื่อวันที่เลิกราว่า “ชื่อเธอนี่มันไม่เข้ากับสันดานที่โลเลเลยนะ” ซึ่งมันก็อาจจะเป็นได้ทั้งนั้น ใครจะไปรู้?

    การกำหนดของผม ไม่ได้ส่งผ่านไปยังการเรียนรู้ชีวิตของเขาหรอก เขาต้องสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเอง และเรียนรู้จากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันที่เขาได้เติบโตขึ้น

    เอาเข้าจริง ผมไม่เชื่อเลยว่า
    ผมจะสอนเขาได้หมดว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ

    ผมหวังแค่ว่า
    เราทั้งคู่จะเรียนรู้และสร้างประสบการณ์ที่ดีไปพร้อมๆกัน 

    ผมคิดว่าผมคงไม่ได้หวังมากเกินไป :)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in