เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เป็นพ่องงง ได้อะไรมากกว่าที่คิดพรี่หนอม
11 : ลูกไม่ใช่ของเรา?
  • หลังจากเขียนตอนนี้แล้ว น่าจะหยุดเขียนไปสักพักนะครับ เพราะคงไม่มีอะไรอัพเดทในช่วงนี้ นอกจากชีวิตประจำวันของเจ้าตัวน้อย และความคลั่งของพ่อมันเป็นระยะๆ  - -”

    หัวข้อนี้ เป็นอีกหัวข้อที่ผมค่อนข้างลังเลใจที่จะเขียน เพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองจะทำได้อย่างที่คิดหรือเปล่า แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ตั้งใจเขียนขึ้นมาเพื่อที่ว่าจะได้เอาไว้ใช้เตือนสติตัวเองในวันและเวลาที่สมควร

    เรื่องราวทั้งหมดนี้ ผุดขึ้นมาในสมองหลังจากที่วันลาพักร้อนเลี้ยงลูก 1 เดือนสิ้นสุดลง วันที่ผมต้องกลับมามีชีวิต “ปกติ” กลับมาทำการทำงาน และทำหน้าที่อื่นๆที่ต้องทำตามครรลองของมัน

    วันนั้น ผมเดินไปลาลูกเบาๆ ด้วยคำว่า “พ่อต้องกลับไปทำงานแล้วนะลูก ถึงแม้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา แต่ลูกเชื่อเถอะว่าถ้าหากลูกต้องการ ลูกจะมีพ่ออยู่ข้างๆเสมอ”

    ภาพตัดกลับมาคือ เมียตบบ่าปลอบผัวสั้นๆ “เอาน่า เดี๋ยวก็มาใหม่ เธอต้องกลับไปทำการทำงาน คนเรามีหน้าที่ต้องทำเน้อ” #จบ

    ---

    ผมขึ้นหัวเรื่องว่า "ลูกไม่ใช่ของเรา" ไว้ เพราะผมคิดว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาตลอด 1 เดือน สิ่งที่ผมได้รับจากลูกนั้น มันคืออีกบทเรียนหนึ่งของการใช้ชีวิต และเขากำลังสอนผมอยู่ โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยแม้แต่นิดเดียว


    - ลูกสอนให้เรารู้ว่าความสุขของชีวิตนั้นเรียบง่าย -

    ความเรียบง่ายในชีวิตของมนุษย์ มีอะไรบ้าง? กินอิ่ม นอนหลับ ขับถ่ายเป็นเวลา นั่นคือสิ่งที่ทารกกำลังบอกเราอยู่ตลอดทุก 24 ชั่วโมงในแต่ละวัน

    การได้นอนเต็มอิ่มย่อมทำให้เรารู้สึกอารมณ์ดี การกินได้เต็มที่ไม่มีปัญหาย่อมทำให้เราเห็นการเติบโต และสุดท้ายคือการที่เราสามารถขับถ่ายได้อย่างใจ มันคงเป็นความสุขที่สุดถ้าหากสามสิ่งนี้อยู่กับเราตลอดไปตราบชั่วชีวิต


    - ลูกสอนให้เรารู้ว่าไม่มีใครเข้าใจความทุกข์ของเรา -

    การร้องคร่ำครวญโดยที่ไม่สามารถสื่อสารใจความได้ของเด็กทารกนั้น  มันเหมือนกับความทุกข์ในชีวิตคนเรา บางครั้งเราบอกใครไม่ได้ว่าเรารู้สึกยังไง บางครั้งเราพูดไปก็ไม่มีใครเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น และบางครั้งสิ่งที่เราทำไปเรายังไม่เข้าใจตัวเองเลยด้วยซ้ำ

    ส่วนใหญ่แล้ว การแสดงว่าตัวเองมีความทุกข์ให้คนอื่นเห็นนั้น มักจะเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี ตรงที่ทำให้คนที่รักเรานั้นทุกข์ไปด้วยโดยที่เราเองไม่รู้ตัว


    - ลูกสะท้อนให้เราเห็นกฎของชีวิต -

    ในขณะที่ชีวิตใหม่กำเนิดขึ้นมา กาลเวลายังไม่หยุดที่จะพัดพาชีวิตอีกฝั่งหนึ่งล่วงเลยไป ผมมองเห็นภาพของลูกชายที่เริ่มหัดคลาน หัดเดิน และวิ่งเล่นในอนาคต สลับกับภาพของพ่อและแม่ที่เดินช้าลง บ่นเจ็บขา ไม่อยากไปไหน และสุขภาพที่อ่อนแอลงไปตามวัยในทุกๆวัน

    แม้ว่าภาพของความเป็นจริงอาจจะเลวร้ายกว่านั้น แต่มันตอกย้ำให้เรารู้ว่ากว่าที่เราจะมีวันนี้ - วันที่เราเติบโตในวัยที่สมบูรณ์ -  เราเคยมีคนที่ดูแลเรามาแบบไหน เรามีใครที่เคยทำให้เรามีวันนี้ และเราควรจะทำอย่างไรต่อไปกับพวกเขาในอนาคต

    คิดแล้วๆ ผมไม่แปลกใจว่าทำไมคำว่า "เกิด" ถึงอยู่คู่กับคำว่า "แก่" ในบริบทของ “เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย” เพราะการเกิดของชีวิตหนึ่ง ย่อมสะท้อนให้เราเห็นความแก่ของอีกชีวิตหนึ่ง ซึ่งเพิ่มขึ้นด้วยความเจ็บ และเดินทางไปสู่ความตายในท้ายที่สุด

    แต่สิ่งที่น่าเสียดายที่สุดสำหรับผม คือ การที่เรามองข้ามความแก่ ความเจ็บ ความตาย และมัวแต่ให้ความสำคัญกับการเกิดของชีวิตใหม่ จนลืมว่าเรามีวันนี้ได้เพราะใคร

    Work life Balance เป็นคำพูดที่สอนให้เรารู้จักจัดการความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน แต่ถ้ามองลึกลงไปในเรื่องของ “ชีวิต” และ “การทำงาน” จริงๆ เราทุกคนต่างต้องจัดการความสมดุลของแต่ละสิ่งให้สอดคล้องกันก่อนที่จะเชื่อมโยงมันเข้าหากัน

    ถึงแม้ บางคนคิดว่างานสำคัญที่สุด บางคนบอกว่าชีวิตคือสิ่งที่จำเป็น แต่สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่าการมองเห็นจุดที่ "สมดุล" ในชีวิตของเรา มันจะทำให้เราเดินทางไปสู่ทิศทางที่เราต้องการได้อย่างถูกต้อง

    เพราะชีวิตไม่ได้มีแต่การก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า
    แต่เราควรจะหันมองกลับไปว่าเรามาถึงวันนี้ได้อย่างไร?


    - ลูกไม่ใช่ปัญหาชีวิต -

    “ถ้าไม่พร้อมก็อย่ามีลูก” เป็นคำพูดสั้นๆง่ายๆ และเหมือนจะเข้าใจโลกได้ดี แต่สำหรับตัวผมเอง ผมไม่เชื่อเรื่องคำว่า “พร้อม” ในทุกด้านของชีวิต

    คนทุกคนล้วนต้องเติบโต พยายาม และฝ่าด่านของความไม่พร้อมกันทั้งนั้น ซึ่งนั่นคงไม่ใช่เหตุผลที่เราจะกล่าวอ้างว่า “ลูกคือปัญหา” และถ้าพูดให้ชัดกว่านั้น เรานั้่นแหละเป็นคนสร้าง “ปัญหา” ขึ้นมาเองไม่ใช่หรือ?

    ไม่ว่าจะมีลูกหรือไม่ มนุษย์ทุกคนล้วนต้องเจอกับปัญหาชีวิตด้วยกันทุกคน เราทำได้แค่เพียงเรียนรู้ อยู่ดู และยอมรับมันไปเท่านั้น


    - ลูกไม่ใช่ของเรา -

    สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ลูกคือมนุษย์คนหนึ่ง และเขาควรจะมีอำนาจในการตัดสินใจเลือกแนวทางชีวิตของเขาเอง

    ทุกวันนี้ เรายินดีกับการที่เขาสามารถทำอะไรเองได้ครั้งแรก ดูดนมจากเต้าแม่ นอนหลับลง พลิกตัว คอแข็ง นอนคว่ำ ไปจนถึงการพูด ลุกขึ้นนั่ง คลาน เดิน เพลิดเพลินกับการได้เรียนรู้ชีวิตใหม่

    น่าแปลกที่เราพยายามเอาเขามาผูกติดกับความเก่งของตัวเอง ว่าเราเลี้ยงเขาได้ดีแค่ไหน เอาเขามาโยงใยกับความดีที่เราพยายามจะมี และความสุขในชีวิตที่เราพยายามจะเป็น และมองเห็นว่าลูกเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเรา

    หรือเอาเขามาโอ้อวดข่มขวัญแข่งขันและค่อนขอดคนที่ด้อยความสามารถมากกว่า เหยียบคนอื่นเพื่อบอกว่าเราสุดยอดแค่ไหน หรือแม้แต่เอาเขามาเชื่อมโยงกับอนาคตที่เราอยากจะให้เขาเป็น

    อย่าลืมสิว่า ลูกไม่ใช่เครืองมือทำตามความฝันของเรา ลูกไม่ใช่คนที่เราจะใช้อวดความดีความเก่งและความสามารถ และเขาไม่ใช่คนประหลาดมหัศจรรย์ที่เราจะทำให้เขากลายเป็นคนสำคัญของทุกคนบนโลกใบนี้

    #ลูกก็คือลูก วันหนึ่งเขาต้องเดินไปจากเรา เดินทางไปมีชีวิตที่เขาควรจะเป็น ผมพยายามคิดและบอกตัวเองเสมอว่า สิ่งที่เราทำให้เขานั้นไม่ใช่บุญคุณ แต่เป็นหน้าที่ที่เราต้องทำ มันก็เท่านั้น และเราต่างได้แลกเปลี่ยนความสุขกันในช่วงเวลาหนึ่งก็เพียงพอแล้ว

    ถ้าหากเขาจะหันมามองเราบ้าง ดูแลเราบ้าง ตอบแทนเราตามโอกาสและวาระที่มี เพียงแค่นี้ก็เป็นเรื่องราวที่น่ายินดีมากเพียงพอแล้ว

    บันทึกนี้ถูกเขียนด้วยความรู้สึกจริงๆของผมในขณะนี้ และผมไม่รู้หรอกว่าอนาคตที่มาถึงจะเปลี่ยนแปลงตัวผมไปมากมายแค่ไหนหลังจากนี้

    ...แต่ผมเชื่อว่าทั้งผมและเขาจะเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงนี้ไปด้วยกัน :)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
minimore (@minimore)
ชอบจัง :> ทุกวันนี้สิ่งหนึ่งที่พ่อแม่หลายๆ คนลืมไปคือ นอกจากลูกเกิดมาเป็นลูกพวกเขาแล้ว ลูกยังเกิดมาเพื่อมีชีวิตของตนเองด้วยเช่นกัน อย่าใช้อำนาจแห่งความกตัญญูกตเวทีมา abuse และ harassment เลือดเนื้อเชื้อไขตัวเองเลย

ขอให้เจ้าตัวเล็กสุขภาพแข็งแรงนะ
@minimore ขอบคุณนะครับ
designzign (@designzign)
ตอนนี้ The bestมากสำหรับใจ
@designzign ขอบคุณครับ :D
Joy Rinnara (@nakissjung)
อ่านแล้วน้ำตาจะไหล เขียนความรู้สึกได้ละมุนมาก
@nakissjung ขอบคุณครับที่ติดตามกันมาตลอด