นับตั้งแต่ที่ ไมเคิล เบย์ ก้าวออกจากจักรวาลหุ่นแปลงร่างเมื่อสองปีก่อน
ก็นับเป็นเวลาอันดีที่เขาจะกลับมา กำกับงานระห่ำแหลกให้สมฉายา ผู้กำกับจอมระเบิดภูเขาเผากระท่อมแห่งฮอลลีวู้ดเสียที
.
กับ 6 UNDERGROUND
.
ผลงานการร่วมงานครั้งกับ Netflix และ ไรอัน เรโนลส์
โดยรายแรก กล้าให้ทุนสร้างระดับ 100 ล้าน US.
ส่วนรายหลัง ก็จากที่เริ่มติดภาพเดดพูลตลอดเวลา ในช่วงหลังๆ
.
จะว่าไป พี่เบย์ของเรา จะจัดอยู่ในหมวด ผู้กำกับที่มีลายเซ็นเป็นของตัวเองแบบจัดจ้านคนนึงในวงการเลยนะ
เหมือนเวลาเรานึกถึง เดวิด ฟินเชอร์ ก็จะเป็นหนังแนวฟิล์มนัวร์ น่าติดตาม การหักมุมแบบ อืมมมม เฮ้ยย เหวอรับประทาน
หรือถ้าเป็น บาซ เลอร์มาน ก็จะแนว หรูเริ่ด อลังการดาวล้านดวง
แต่ ไมเคิลเบย์ คือ ระเบิด สาวสวย รถหรู สีสันจัดจ้านแสบลูกตา การตัดต่อฉับไว และ วนกลับมาที่ระเบิดอีกครั้ง วนลูปไปเรื่อย ๆ
.
คือผู้ชมจะเห็นการระเบิด ทุก ๆ 10นาที ในหนังของพี่แก (ยกเว้น THE ISLAND หนังที่หลาย ๆ คน เหวอแดกกันไปเลย เพราะช่วงแรกนี่ ดูยังไงก็ไม่ใช่ ไมเคิล เบย์)
นั่นจึงทำให้ เวลาเรานึกพี่แก มันก็จะประมาณๆนี้แหล่ะ ซึ่ง 6 UNDERGROUND ทั้งเรื่องมันก็มีเอกลักษณ์ตามที่กล่าวเอาไว้ครบถ้วนทุกประการ
The ISLAND (2005) หนึ่งในหนังที่ประสบความสำเร็จน้อยที่สุดของพี่เบย์ แต่เป็นหนังที่ดีที่สุดในงานกำกับของพี่เขาเช่นกัน
เรื่องย่อของหนังคือ คน 6 คน เรียงชื่อตามหมายเลข 1-6 มีภารกิจต้องทำการปฏิวัติ เพื่อปลดแอกประชาชน ให้ได้รับอิสรภาพ ..........แต่ในเรื่องมีถึง 7 อีหยังว่ะ?
.
เนี่ยเรื่องย่อมีแค่นี้จริง ๆ ส่วนที่เหลือ ก็ตามที่เกริ่นไว้เลย
แล้วผู้ชมล่ะ อยากได้อะไร ?
เนื้อหาที่หนักแน่น จริงจัง ... ไม่มี
ดราม่าที่ตรึงใจ ... ไม่มี
.
แต่เรามีรถหหรูที่พร้อมระเบิด เรามีหัวคนที่พร้อมโดนบด เรามีเครื่องบินรบ ฉาก สโลว์สวย ๆ
ซึ่งเมื่อผ่านไปสัก 30 นาที ถ้าผู้ชมไม่เอือม ก็อาจจะดูต่อจนจบได้
เอาจริง ๆ นะ ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตามแต่ แค่เราได้ยินชื่อพี่แก สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ ทำใจ วางตรรกะต่าง ๆ ลง แล้วตั้งสติบอกตัวเองว่าในโลกของ ไมเคิล เบย์ ทุกๆสิ่งสามารถระเบิด แค่ลังกระดาษยังเป็นประกายไฟเลยคิดดู
เราไม่อาจจะหาสาระ หรืออะไรจาก หนังของ ผู้กำกับท่านนี้อีกตลอดเวลาที่หนังฉาย
.
ซึ่งจะว่าไป หนังเรื่องนี้ ดีกว่าที่จะฉายแค่ใน สตรีมมิ่ง แต่ถ้าฉายโรงก็อาจจะขาดทุนเสียด้วยซ้ำ
.
หนังมีข้อด้อยหลายส่วนนะ จะว่าไป มากกว่าข้อดีเยอะเลยล่ะ
ตั้งแต่ การเล่าเรื่อง การตัดต่อ งานภาพ หรือแม้แต่ CG บางฉาก
.
เพราะฉะนั้น ถ้าคุณไม่รู้สึกอะไรกับข้อด้อย คุณจะสนุกกับมัน
.
ว่ากันในส่วนของข้อดีกันบ้าง คือ ความพยายามในการเล่าเนื้อหาด้าน ดราม่าของตัวละครที่ สอบตก ตกแบบไม่มีโผล่ แต่อย่างน้อย ก็ขอชื่นชมในความพยายาม ของพี่เบย์ ที่พยายามที่จะขับที่จะเน้นเหลือเกิน ซึ่งเราหวังว่าเรื่องหน้าจะทำได้ดีกว่านี้นะพี่เบย์
.
สรุป : หากคุณชอบหนังแอคชั่น ดราม่า ซึ่งก็มีเรื่องอื่น ๆ ใน Netflix ให้คุณดูอีกเยอะ
หรือถึงแม้คุณชอบหนังแอคชั่นแบบเพียว ๆ ใน Netflix ก็ยังมีเรื่องอื่นที่สนุกกว่านี้ ดีกว่านี้ ให้คุณดูอีกเยอะอยู่ดีนั่นแหล่ะ
7 คะแนนที่ให้ คือดีใจที่พี่เบย์กลับมาทำอะไรที่ไม่ต้องแปลงร่างแล้ว
Ad : แมวดำในทางแยก
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in