เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Autumn has comeByeruk
Picnic
  • เธอรักการเปลื้องผ้าในที่ส่วนตัวของตัวเอง จุดตะเกียงไฟสีเหลืองนวล ค้นคว้าสิ่งที่ต้องการรู้ในหนังสือ เปิดวิทยุร้องเพลงและเต้นกับตัวเองในกระจก บางครั้งเมื่อไอเดียต่างๆ บรรเจิดขึ้นในหัวก็จะทดมันไว้บนผนังห้องต่างเศษกระดาษ ทำให้ผนังไม้เต็มไปด้วยรอยปากกาดำที่ลบไม่ออกอยู่หลายแห่ง รักการจับโน่นผสมนี่ให้เกิดสิ่งใหม่ หลงใหลไปกับการทดลองสารเคมี ชื่นชอบการตั้งสมมติฐานและต้องการค้นคว้าหาคำตอบของมัน เธอไม่ใคร่การนอนเอื่อยเฉื่อยบนเตียงนอนเท่าไหร่นัก นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอคิดจะทำในชีวิต หากปล่อยให้เวลาไหลไปโดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรล่ะก็ชีวิตคงไร้ความหมาย มนุษย์เมื่อเกิดมาครั้งหนึ่งแล้วก็ควรใช้ชีวิตให้เป็นชีวิตจริงๆ สักครั้ง เธอคิดแบบนี้อยู่ตลอดจนทำให้ตารางเวลาของเธอนั่นยุ่งเหยิงอยู่เสมอๆ —แต่นั่นก็อยู่ในกรณีที่ไม่มีผู้ช่วยล่ะนะ

    เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ฮันจิสวมใส่เสื้อผ้า มัดผมอย่างลวกๆ เปิดประตูไม้ออกด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมล้นไปด้วยความกระตือรือร้น “ได้มาแล้วเหรอโมบลิท ไวเหมือนกันนะเนี่ย” ผู้ช่วยผู้ซื่อสัตย์ชูกระดาษใบใหญ่ขึ้น 

    “คุณฮันจิเป็นคนขอมานี่ครับ”
    “นายทำงานไวตลอดน่า”
    “ก็ผมเป็นผู้ช่วยของคุณนี่”
    “งั้นไปกันเถอะ”

    ฮันจิลากตัวผู้ช่วยไปยังลานกว้างหลังป่าใหญ่ พบว่าทหารหน่วยพิเศษรีไวล์ยืนรออยู่ก่อนแล้วจึงเริ่มต้นการทดลองกลายร่างเป็นไททันของเอเรนทันที อนุญาตให้แค่เธอและโมบลิทอยู่ใกล้ๆ บริเวณที่เอเรนกลายเป็นไททัน ส่วนคนอื่นๆ ให้คอยสังเกตการณ์จากเนินที่สูงเกือบสิบเมตร ฮันจิส่งสัญญาณให้เด็กหนุ่มกลายร่างเป็นไททันเมื่อวิ่งออกห่างพอประมาณแล้ว เมื่อร่างของไททันสิบห้าเมตรปรากฏกายขึ้น ฮันจิไม่รอช้า สั่งให้โมบลิทสเก็ตภาพตรงหน้าทันที อีกหนึ่งอย่างที่เธอสามารถอยู่กับมันได้ตลอดเวลานอกจากการทดลองสารเคมีก็คือการทดลองเกี่ยวกับไททัน เธอหลงใหลในไททันมาก เรียกว่าบ้าคลั่งก็คงไม่ผิดถนัด ทุกครั้งที่ออกไปสำรวจนอกกำแพงก็จะจับไททันหนึ่งตัวมาทดลองและผู้ที่เป็นคนเริ่มกระบวนการทดลองหลักก็คือเธอ หัวหน้าหน่วยฮันจิ โซเอะ เธอพยายามศึกษาความเป็นมาของเหล่าไททันเท่าที่ทำได้ ตั้งสมมติฐานเยอะแยะมากมายจนหาคำตอบแทบไม่ทัน ทำให้โมบลิทต้องคอยช่วยจัดการอยู่ร่ำไป เธอเคยร้องไห้เมื่อต้องหาจุดอ่อน (นอกจากท้ายทอย) ส่วนอื่นของไททัน ภาพที่หญิงสาวใช้ของมีคมแทงหัวใจของไททันทะลุไปอีกฝั่งและภาพของซอว์นี่และบีน (ไททันสองตัวที่ตั้งชื่อมาจากครอบครัวมนุษย์กินคน) ที่ถูกศัตรูฆ่าระหว่างการทดลองยังฝังอยู่ในความทรงจำอันแสนปวดร้าว อ้อ เธอยังเกือบโดนซอว์นี่กัดหัวระหว่างการทดลองอีกด้วย

    ฮันจิหน้าแดง พลังงานสูบฉัดไปทั่วร่าง รู้สึกตื่นเต้นเมื่อสั่งให้เอเรนในร่างไททันขยับท่าทางตามที่เธอทำ โมบลิทที่เห็นหัวหน้าดื่มด่ำกับการทดลองครั้งนี้ก็อดยิ้มไม่ได้ แอบลอบมองใบหน้าที่เอ่อล้นไปด้วยความกระตือรือร้นแต่ก็ต้องหุบยิ้มลงเมื่อเห็นหัวหน้ารีไวล์มองลงมาทางเขาจากเนินสูงด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนคนที่รู้อะไรในใจอยู่แล้ว ชายหนุ่มส่งยิ้มเจื่อนให้

    จู่ๆ โมบลิทก็สะดุ้งตัวโยนเพราะได้ยินเสียงกรีดร้องของฮันจิ พบว่าร่างไททันของเอเรนล้มตัวลงกระแทกพื้นอย่างรุนแรงและไม่ยอมลุกขึ้นยืน ฮันจิพยายามดึงตัวเอเรนออกจากท้ายทอย ตะโกนให้เขารีบสเก็ตใบหน้าที่ไม่สมประกอบของเด็กชายที่เกิดจากการหลอมรวมกับร่างไททัน โมบลิทตอบรับ ตวัดดินสอในมือ พิจารณาภาพวาดบนกระดาษ หวังว่าภาพที่เขาวาดจะไม่แย่เกินไปจนมองไม่ออกนะ

    “ขอโทษนะเอเรน เดี๋ยวนายก็กลับมาหล่อเหมือนเดิมแล้ว” ฮันจิพูดปลอบใจ (ตัวเอง)

    หลังจากพาตัวเอเรนถึงที่พักและอภิปรายผลลัพธ์การทดลองครั้งแรกเสร็จเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็แยกตัวออกมาผ่อนคลายตัวเองใต้เงาต้นสนสูงใหญ่ เอนกายนอนบนพื้นหญ้า ถอนหายใจแรง รู้สึกเหน็ดเหนื่อยและต้องการเวลาพักผ่อน ด้วยอายุที่เลยเลขสามประมาณปีหรือสองปีทำให้รู้สึกว่าสังขารตัวเองเริ่มที่จะรับไม่ไหวแล้ว เธอเคยคิดกับตัวเองว่าการนอนเอื่อยบนเตียงเป็นเรื่องที่โง่มากที่สุดในชีวิต —แต่ตอนนี้เธอยอมเป็นคนโง่แบบที่เธอเคยคิดก็ได้

    โมบลิทที่เห็นฮันจินอนแผ่บนพื้นหญ้าด้วยสีหน้าเอ็ดโรยก็อดเป็นห่วงไม่ได้ นึกจะไปนั่งด้วยก็กลัวว่าจะรบกวนเวลาส่วนตัวของหัวหน้า เขาจึงเลือกที่จะมองอยู่ห่างๆแทน รีไวล์แอบโผล่ทางด้านหลังของโมบลิทอย่างเงียบๆ นั่นทำให้เขาตกใจเล็กน้อย 

    “ขี้ตกใจขนาดนี้น่าแปลกที่ยังรอดมาจากพวกไททันได้”
    “มันไม่เหมือนกันนี่ครับ”
    “ไม่ไปหายัยนั่นเหรอ?”
    “ผมไม่กลัา”
    “ในฐานะที่ฉันสนิทกับฮันจิรองจากเออร์วินขอแนะนำว่านายควรไปหาเธอนะ”
    “ผมคงไม่สำคัญสำหรับเธอ”
    “ถ้าเป็นแบบนั้นจริงนายคงไม่มีวันนี้หรอก”

    รีไวล์เดินกลับเข้าที่พัก เพิ่งสังเกตว่าเขาถือถ้วยชากับจดหมายฉบับหนึ่งติดมือมาด้วย โมบลิทถามไถ่ถึงจดหมายในมือของหัวหน้า รีไวล์ยักไหล่ ตอบว่า “จากเออร์วิน” และเดินออกไป โมบลิทนั่งทบทวนบทสนทนาของตัวเองกับหัวหน้ารีไวล์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อตัดสินใจได้แล้วจึงหยิบขนมปังบางส่วนในห้องครัวและกระติกน้ำเปล่ามุ่งตรงไปหาฮันจิใต้สนต้นนั้นทันที

    “นั่งด้วยได้ไหมครับ?” 
    “โอ้ ฉันกำลังต้องการคุยกับนายอยู่พอดี”

    ชายหนุ่มเอนหลังพิงต้นไม้ ฮันจิพูดเรื่องการทดลองของวันนี้และความเป็นไปได้ในครั้งต่อๆ ไปให้เขาฟังในขณะที่ตัวเธอยังคงนอนแผ่บนพื้นหญ้าอยู่ โมบลิทหลับตา นั่งฟังน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอยากรู้และความตื่นเต้นอย่างตั้งใจ เขาชอบเวลาที่ฮันจิต้องการแบ่งปันความคิดของเธอให้เขาฟัง มันทำให้เขาได้เข้าใกล้และเข้าใจความคิดของคนข้างๆ มากขึ้นกว่าเดิม —แม้จะเพียงน้อยนิดก็ตามที

    ฮันจิมองใบหน้าที่ดูผ่อนคลายของโมบลิท รู้สึกดีทุกครั้งที่ผู้ช่วยคนนี้ยังคอยเอาใจใส่เธออย่างเสมอต้นเสมอปลาย วันแรกที่รู้จักกันเป็นยังไง วันนี้เขาก็ยังคงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เพียงว่าเขาอ่อนโยนและใจดีกับเธอมากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้นจนทำให้เธอใจอ่อนทุกทีที่เห็นเขาเหนื่อยเพราะต้องมาตามเก็บกวาดงานที่เธอทำ ฮันจิขออนุญาตนอนตักของผู้ช่วย โมบลิทที่กำลังสะลึมสะลือเบิกตาโพลง ทำสีหน้าประหลาดใจ ใบหน้าค่อยๆ แดงลามไปถึงใบหู ใช้เวลาจูนสมองสักพักจึงพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงอนุญาต ฮันจิหลุดหัวเราะออกมา หญิงสาวย้ายศีรษะตัวเองไปอยู่บนตักของชายหนุ่ม สายลมยามเย็นพัดผ่านเอื่อยๆ ทำให้อากาศเย็นสบาย

    “เหนื่อยจัง” 
    “นั่นสินะครับ”
    “เฮ้อ จู่ๆ ก็อยากลาออกจากงาน อยากพัก ไม่อยากทำแล้ว”
    “ถ้าคุณลาออกแล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับหัวหน้า”
    “นายก็ลาออกมาอยู่กับฉันเสียเลยสิคุณผู้ช่วย”
    “พูดว่าอะไรนะครับ? ผมไม่ค่อยได้ยินเลย เสียงคุณเบามาก
    “บอกว่าหิวแล้ว หยิบขนมปังมาให้หน่อย”

    โมบลิทยื่นขนมปังให้หญิงสาวบนตัก สังเกตเห็นเส้นผมของเธอพันยุ่งเหยิงไปมาจึงอาสามัดผมให้ใหม่ ฮันจินั่งตัวตรง ชายหนุ่มหยิบหวีออกมาจากกระเป๋ากางเกง หวีพลางบ่นไปพลางว่า “หัดหวีผมบ้างสิครับ ผมยุ่งหมดแล้ว” ฮันจิลอบยิ้มกับตัวเอง รู้สึกจั๊กจี้กับสัมผัสของผู้ช่วย โมบลิทสางและรวบเส้นผมมัดเป็นหางม้าอย่างที่เธอชอบทำเป็นประจำอย่างประณีต หญิงสาวเอ่ยขอบคุณ หางตาสังเกตเห็นดอกไม้บนพื้นหญ้าจึงเกิดไอเดียหนึ่งขึ้นมา ฮันจิเด็ดดอกไม้ไปด้วยขอโทษในใจไปด้วย นำดอกไม้ทั้งหมดมาร้อยเป็นมงกุฏและสวมใส่บนหัวให้โมบลิท ชายหนุ่มรู้สึกเขินอายเหมือนเจอรักครั้งแรกจนมองข้ามเรื่องมงกุฏดอกไม้ที่ฮันจิมร้อยขึ้นมานั้นบิดเบี้ยวและบางดอกก็ร่วงหล่นสู่พื้นดิน ชายหนุ่มจึงทำแบบเดียวกันกับเธอ หญิงสาวจึงเสนอความคิดให้แข่งกันร้อยมงกุฎดอกไม้แล้วให้พวกรีไวล์เป็นคนตัดสินว่าของใครสวยกว่ากัน ชายหนุ่มตอบตกลง หลังจากนั้นทหารหน่วยพิเศษรีไวล์ทุกคนก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากใต้ต้นสนต้นใหญ่หลังที่พักตลอดเย็นวันนั้น และโมบลิทก็ชนะฮันจิขาดลอยไปด้วยคะแนนเสียงหกต่อสอง




Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in