เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Shall we Netflix and Pizzafrom bed to beach
#3 | The Grand Hotel Budapest - คดีพิสดารโรงแรมแกรนด์บูดาเปสต์
  • เมื่อนึกถึงผลงานของ Wes Anderson คงไม่พ้นเรื่อง The Grand Budapest Hotel ด้วยโทนสีภาพสีหวาน ความวิจิตรศิลป์ของงารศิลปะ เนื้อเรื่องอาจจะดูไม่หวือหวามาก แต่เพราะองค์ประกอบหลายๆอย่างทำให้ผลงานชิ้นนี้ดึงดูดผู้คนได้มากมาย


    เรื่องดำเนินการในปี 1985 โดยบุคลลที่สามเป็นคนเล่า นักเขียนที่ได้มีโอกาสได้เข้าไปพักที่ The Grand Budapest Hotel ในปี 1968 ตัวอาคารโรงแรมแตกต่างจากในโปสเตอร์หนังที่มีสีชมพูลูกกวาด แต่กลับเป็นตึกเรียบๆ สีเทา ข้างในอาคารตกแต่งเป็นโทนสีเหลือง ไม่ได้มีอะไรน่าประทับใจ แต่ที่นั่นเขาได้พบกับ 'Zero Moustafa'  เจ้าของโรงแรม เขามักจะมาที่โรงแรมของเขาแห่งนี้ เขามักจะนอนในห้องแคบๆ ที่มีแค่เตียงเดี่ยว เขาและนักเขียนได้มีโอกาสพูดคุยกัน  Zero ได้เล่าว่าเขาได้โรงแรมนี้มาได้อย่างไร เขาไม่ได้ซื้อมันมาด้วยซ้ำ


    เรื่องย่อ

      เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นขณะที่ Zero (รับบทโดย Anthony Revolori) ได้เข้ามาทำงานเป็นบ๋อยล็อบบี้ ณ โรงแรมแกรนด์บูดาเปสต์ เจ้านายของเขาคือ Monsieur Gustave (รับบทโดย Ralph Fiennes) ชายหนุ่มผู้ที่ดูแลกิจการโรงแรมแห่งนี้ เขามีสัมพันธ์สวาทกับแขกผู้หญิงแก่ รวย และ ผมบลอนด์ Madame D. (รับบทโดย Tilda Swinton) หนึ่งในแขกผู้หญิงที่กุสตาฟมีความสัมพันธ์ด้วยกลับเสียชีวิตอย่างกระทันหัน เธอได้ยกภาพวาดเด็กชายกับแอปเปิ้ล ซึ่งมีมูลค่ามหาศาล ให้แก่กุสตาฟในพินัยกรรม สร้างความไม่พอใจแก่ Dmitir (รับบทโดย Adrien Brody) ลูกชายของเธอเป็นอย่างมาก 1 สัปดาห์ผ่านไปหลังจากการตายของมาดาม กุสตาฟ ก็ได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ 

    รีวิวและความเห็นส่วนตัว
      เป็นผลงานของ Wes Anderson ชิ้นแรกที่เราได้ดู เป็นหนังแนวตลก-ดราม่า ถ้าจะดูเอาสาระหรือเนื้อหาเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่ แต่ถ้าคนที่ชอบเสพงานศิลป์หนังเรื่องนี้คือพลาดไม่ได้ การเดินเรื่องที่ดูเหมือนละครเวทีซะมากกว่า บางช่วงที่เหมือนจะดึงเศร้าก็กลับมาให้ตลกเฉย   อย่างตอนที่ กุสตาฟ พึ่งแหกคุกออกมาได้ ซีโร่ ผู้ช่วยของเขาก็ได้มารอแต่กลับโดนบ่นซะงั้นที่ลืมหยิบน้ำหอม กุสตาฟเลยด่าเรื่องที่เขาอพยพมาและได้กล่าวถึงครอบครัวของซีโร่ แต่ซีโร่ได้ตอบกลับไปว่าเขาหนีสงคราม และครอบครัวโดนฆ่าทิ้งทั้งหมด กุสตาฟได้เอ่ยขอโทษและรู้สึกผิดแต่ในจังหวะนั้นมีเสียงออดไซเรน พวกเขาเลยต้องรีบหนีไปก่อน นอกจากนี้สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวละคร กุสตาฟ คือ เขาชอบพูดบทกลอนในบทสนทนา ซึ่งถ้าหนังทั่วไปก็คงจะไม่ใส่เยอะขนาดนี้ไหม มันแตกต่างและโดดเด่น  การแสดงที่ไม่ overacting ของนักแสดง ฉากสีลูกกวาด โทนสีที่จัดและหวาน มุขตลกร้ายที่ไม่ได้เยอะจนเกินไป องค์ประกอบทุกอย่างทำให้ผลงานชิ้นนี้ออกมาได้กลมกล่อม 

    นอกจากนี้ตัวละครสำคัญที่ช่วยให้ กุสตาฟ พ้นจากข้อหาได้คงจะขาดเธอคนนี้ไปไม่ได้ Agatha (รับบทโดย Saoirse Ronan)  หญิงสาวร้านขนมหวาน Mendl และคนรักของ ซีโร่ ลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์และความฉลาดของเธอ การสร้างตัวละครที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นตัวหลักหรือรอง ก็เป็นที่จดจำสำหรับทุกคน


    ในเรื่องของคอสตูมจะสังเกตได้เลยว่า ตัวร้ายจะใส่แต่เสื้อผ้าโทนสีดำในเกือบทุกๆฉาก อย่างตอนที่
    กุสตาฟและซีโร่ ได้เข้าไปฟังพินัยกรรมในคฤหาสน์ของมาดามดี ทุกคนใส่ชุดดำ และในทุกฉากที่ ดิมิทรี และ Jopling (รับบทโดย Willem Dafoe) เข้าเสื้อผ้าจะเป็นสีดำเสมอ แสดงถึง character ของตัวละครนั้นว่าอยู่ด้านไหน 


      นักแสดงที่เคยมาแสดงหนังของ Wes Anderson ก็กลับมารับบทบาทในเรื่องอื่นอีก อย่าง Tilda Swinton ในเรื่อง French Dispatch และยังมี Adrien Brody ที่แสดงบทนำในเรื่อง The Darjeeling Limited และ The French Dispatch 

      ผลงานชิ้นนี้ได้เข้าชิงรางวัลออสก้าร์ ถึง 9 สาขา และได้รับรางวัลถึง 4 สาขา 
    - Best Makeup and Hairstyling
    - Best Original Score
    - Best Costume Design
    -Best Production Design

    และเมื่อถึงผู้กำกับคนนี้ ทุกคนคงนึกถึงเรื่องนี้เป็นอย่างแรก ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากของ Wes Anderson และมีคุณค่าทางด้านศิลปะในวงการภาพยนตร์อย่างมาก 
    หวังว่าทุกคนที่ได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว คงรู้สึกประทับใจไม่ต่างกัน 

      

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in