ครั้งนี้เรามาลุยกันตามโรงเรียนในอำเภอวังน้ำเขียวจัดกิจกรรมให้เด็ก ๆ เรียนรู้เรื่องผักปลอดภัยและโภชนาการอาหาร

กิจกรรม 4 ฐานสร้างภูมิต้านทานให้เด็กวังน้ำเขียว

ฐานที่ 1 ลดเครื่องปรุง

ฐานนี้จะให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ความเป็นกรด-ด่างในเครื่องปรุงประจำห้องครัวที่นิยมใช้กัน  โดยเอากระดาษลิสมัตจุ่มลงไป  เด็ก ๆ จะพบว่าในเครื่องปรุงก็มีกรดอยู่เช่นกันและการรับประทานกรดเข้าไปมาก ๆ หรือปรุงรสอาหารจัด ๆ นั้นจะส่งผลเสียต่อสุขภาพและก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้

ฐานที่ 2 ขนมถุงกินให้น้อย

ฐานนี้พูดถึงปริมาณน้ำตาลและเกลือที่มีอยู่ในขนมถุง  น้ำหวาน  ตามโรงอาหารหรือร้านค้าใกล้โรงเรียนซึ่งเด็ก ๆ ส่วนมากมักซื้อมากินตอนกลางวันและตอนเย็นเป็นประจำ  โดยจะสอนให้น้อง ๆ รู้วิธีการดูตารางโภชนาการที่บอกบนถุงขนมหรือขวดน้ำหวานต่าง ๆ ว่ามีปริมาณเกลือและน้ำตาลอยู่เท่าไหร่ต่อถุง  เด็ก ๆ ก็จะพบว่าปริมาณน้ำตาลในขวดน้ำหวานนั้นส่วนมากจะเกินกว่ามาตราฐานที่คนเราควรกินต่อหนึ่งวัน  แต่การดูเพียงตัวเลขอย่างเดียวเด็ก ๆ อาจจะไม่เห็นภาพชัดมากนัก  เราจะให้เด็กลองตวงน้ำตาลตามปริมาณน้ำตาลในถุงขนมที่ตนเองเลือกจะเห็นได้ชัดมากเลยว่าเด็กหลายคนคาดไม่ถึงเลยกับปริมาณน้ำตาลที่ได้

ฐานที่ 3 อร่อยผักหลากหลาย

ฐานนี้เด็ก ๆ ส่วนใหญ่จะชอบเพราะได้ระบายสีลงบนรูปผักชนิดต่าง ๆ แต่ผักเหล่านี้แฝงไว้ด้วยสารเคมีมากมายซึ่งเราจะเฉลยให้เด็ก ๆ เห็นในตอนหลังว่าผักที่สวยงามนั้นเมื่อถูกแทนที่ด้วยสารเคมีที่เราประโคมลงไปมันก็จะไม่น่ากินเหมือนตอนแรก  ดังนั้นเวลากินผักให้ปลอดภัยอีกทางเลือกหนึ่งก็คือการกินผักให้หลากหลาย  อย่ากินอยู่แค่ชนิดใดชนิดหนึ่งซ้ำ ๆ เป็นประจำอย่างเดียว  หันไปกินผักชนิดอื่นบ้าง  ผักพื้นบ้านบ้าง

ฐานที่ 4 อยากได้ให้ปลูกเอง

ฐานสุดท้ายเราจะให้เด็ก ๆ มาลองล้างผักกัน  ล้างแบบที่เราคิดว่าสะอาดมากที่สุดโดยผักที่ให้น้อง ๆ นำไปล้างนั้นจะแช่สีผสมอาหารไว้ก่อนแล้ว เมื่อล้างเสร็จจึงให้เด็ก ๆ ลองผ่าออกดูว่าข้างในเป็นอย่างไร  สิ่งที่ทำให้เด็ก ๆ ทุกคนอึ้งไปเลยก็คือสีผสมอาารที่เราพยายามล้างออกจากเปลือกนอกนั้นมันมีอยู่ข้างในผักด้วยตามท่อลำเลียงอาหารของพืช  ทำให้รู้ว่าถึงแม้ผักที่เราซื้อมาจากตลาดจากตามร้านค้าต่าง ๆ เราจะพยายามล้างออกมากเพียงไรมันก็ไม่สะอาดร้อยเปอร์เซนต์  สารเคมีที่ถูกฉีดใส่ผัก  โปรงลงดิน  ผักเหล่านี้ก็จะดูดเข้าลำต้นไปหมด  ล้างอย่างไรก็ล้างไม่ออก  ทางรอดที่เราจะรู้ได้ว่าปลอดภัยจากสารเคมีพวกนี้ได้แน่นอนก็คือการกินผักพื้นบ้าน  ผักริมรั้วที่เราปลูกเอง  หรือขึ้นเองตามธรรมชาติมีอยู่มากมาย  เราไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ย  ใส่สารเคมีเลย

สำหรับกิจกรรมโครงการนี้ช่วยเปิดประสบการณ์ต่าง ๆ มากมายให้กับฉันเลย  ตั้งแต่การเป็นพิธีกรนำเกมก่อนเริ่มกิจกรรม  ทำให้น้อง ๆ สนุกพร้อมที่จะรับกิจกรรมดี ๆ จากพวกเรา  มันไม่ง่ายเลยสำหรับฉัน  ฉันรู้สึกว่าตัวเองอาจจะไม่ใช่สายสันทนาการสักเท่าไหร่  แต่พี่กุ๋ยก็ช่วยแนะนำเคล็ดลับ  วิธีการนำเกมต่าง ๆ ให้สนุกและดีขึ้น  นอกจากการนำเกมสันแล้วฉันก็ได้เป็นคนนำกิจกรรมฐานด้วย  เราไปทำสิบกว่าโรงเรียนฉันก็นำสลับวนกันไปจนนำครบทั้งสี่ฐานเลย  นอกจากความรู้ที่ได้จากแต่ละฐานแล้วบทเรียนที่ฉันได้อีกอย่างหนึ่งก็คือการทำกิจกรรมที่ให้ความรู้แก่เด็กนั้นพี่กุ๋ยจะใส่ใจและคอยบอกว่าความรู้ที่เราสอนเด็กเล็กจะต้องใช้ภาษาที่พูดง่าย  ให้เด็กเข้าใจเด็กจึงจะได้ความรู้  ถ้าเราใช้ภาษาที่ยากเกิน  บรรยายความรู้มากเด็กก็อาจจะไม่เข้าใจและไม่รับสิ่งที่เราพยายามถ่ายทอดไป  นั่นก็จะไม่เกิดผลประโยชน์อันใดเลยกับการทำกิจกรรมทั้งหมด  เราจึงต้องมีความรู้เรื่องพัฒนาการเด็กเพื่อปรับใช้ให้เหมาะสมและมีความสนุกไปด้วยพร้อมกัน  มันดีมากเลยแหละที่เราได้ทำอะไรดี ๆ เพื่อเด็กและสังคมของเราในดีขึ้น  ได้ลงพืนที่ครั้งนี้ฉันสนุกกับการเดินทางมาก  เราไปหลายโรงเรียน  เจอน้อง ๆ หลายคน  แต่ละโรงเรียนเด็กก็จะไม่เหมือนกัน  บางโรงเรียนเชื่อฟังน่ารักมากคุณครูใส่ใจดูแลอยู่ตลอด  จบกิจกรรมครูเขียนคำกล่าวให้นักเรียนออกมาพูดหน้าแถวขอบคุณพี่ ๆ ที่มาทำกิจกรรมดี ๆ ให้  คนทำฟังแล้วรู้สึกดีน่ารักมาก  บางโรงเรียนเด็กก็ซ๊นซน  ไม่ค่อยฟังเท่าไหร่  แต่ทุกโรงเรียนล้วนมีความประทับใจและนี้ก็คือภาพความประทับใจของฉันในโครงการนี้