เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
TMISUNSCREEN
แฟนฉัน
  • ได้มีโอกาสกลับไปดู 'แฟนฉัน' มาอีกรอบ เลยนึกถึงเรื่องราว ของตัวเองในวัยเด็กขึ้นมาได้บ้าง เลยอยากเอามาเล่า

    ตั้งแต่อนุบาล ประถม จนถึงมัธยมต้น เราเรียนโรงเรียนประจำจังหวัดมาตลอด 

    10 ปีในโรงเรียน อนุบาลและประถม และ 3 ปีในโรงเรียนมัธยมที่ถึงแม้จะคนละชื่อ แต่รั้วก็คืออยู่ติดกันเลยอ่ะ รุ่นเดียวกันนี่ก็คือรู้จักหน้าค่าตากันเป็นอย่างดี เดินไปทางไหน อ้าวไอ้นี่ก็รู้จัก คนนี้ก็เคยเรียนที่เดียวกัน ในห้องเดียวกันก็มีเพื่อนที่เคยอยู่โรงเรียนเดียวกันมานะ ชอบตอน ม.ต้นที่สุดคือ รู้สึกโดนเพื่อนมองด้วยฟีลเตอร์ลูก ฟีลเตอร์น้องตลอดเวลา ทั้งที่จริงๆ แล้วอย่างแมน

    ชั่วโมงพละที่ต้องเรียนวอลเล่ย์บอล อ.จะเลือกหัวหน้าทีมมา 4 ทีม แล้วให้หัวหน้าเลือกลูกทีมกันเอง มีแต่คนแย่งนี่เว้ยยย ฮอตขนาดไหนคิดดู แต่มันไม่ได้แย่งไปเพราะเก่งนะ คนที่ได้เราไปบอกให้เป็นตัวสำรอง มันกลัวแขนเราเจ็บ เนี่ย ก็บอกแล้วไงว่าแมน

    แล้วตอน ม.ต้นนี่แหละ เพิ่งได้รู้จักกับคำว่าเลิ่กลั่กครั้งแรก หลังจากกลับมาจากทัศนศึกษา เพื่อนก็เอาพากันเอารูปที่ถ่ายไว้ไปอัดมาอวดกัน แล้วไอ้เพื่อนที่เป็นหัวหน้าทีมเมื่อกี้แหละ เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ประถม มันฝากเพื่อนให้เพิ่มรูปที่ไม่มีรูปตัวเองอยู่ในนั้น พอได้รูปแล้วทุกคนก็ไปมุงดูกันใหญ่ เราก็เป็นหนึ่งในคนที่ไปมุงด้วย แล้วก็มีเพื่อนคนแซวขึ้นมาว่าสนใจคนไหน ไม่คิดว่าแม่งจะบ้าจี้ตอบ แล้วไม่คิดว่ามันจะบ้าจิ้มมาที่หน้าเราอีก เพื่อนทุกคนหันมามองหน้าเรา ตอนนั้นคือทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ต้องทำยังไง เลยหันหลังเดินหนีกลับไปนั่งโต๊ะตัวเองเลย ตอนแรกก็ได้ยินเสียงเพื่อนมันแซวกันอยู่แหละ แต่ไม่นานก็เงียบไป แล้วหลังจากนั้นเรื่องนี้ก็คือหายไปเลย ไม่มีใครพูดถึงอีก ทุกคนทำตัวเหมือนปกติทุกอย่าง แม้กระทั้งเราและเพื่อนคนนั้น ไม่มีการมองหน้ากันไม่ติดเหมือนในนิยายแต่อย่างไร เหมือนนอนหลับไปแล้วเช้ามาก็ลืมไปหมดทุกอย่าง

    มีอยู่อาทิตย์นึงมันไปหาเราที่บ้าน มันบอกว่าพ่อมันมาหาเพื่อนที่อยู่เลยบ้านเราไปหน่อย เลยแวะมาหาเรา งงแหละว่ารู้จักบ้านได้ไง ไม่เคยบอก ไม่มีเพื่อนคนไหนมาหาที่บ้านด้วย แต่เออมาแล้วอ่ะ ทำไงล่ะ ก็ต้องเชิญเข้าบ้านก่อนแหละ คุยกันจนที่บ้านมันมาตามว่าจะกลับ ก็ยังไม่รู้ว่าสรุปมาทำไม

    จริงเราในตอนนั้นคงเด็กเกินไป เป็นเพื่อนก็คือเป็นเพื่อนเลยอ่ะ ไม่ใช่ในห้องไม่มีเพื่อนที่เป็นแฟนกันนะ แค่คือไม่เข้าใจว่าไอ้ที่มันทำให้เราแบบนี้มันพิเศษกว่าเพื่อนคนอื่นๆ ยังไง ดูไอ้คนที่เป็นแฟนกันดิ ย้ายโต๊ะมานั่งข้างกัน เอะอะจับมือ จับแก้มกัน อีกอย่างมันก็เป็นคนใจดีอยู่แล้วก็นึกว่าจะใจดีกับเพื่อนทุกคนเหมือนกัน เรื่องตอน ม.ต้นก็เลยเบลอไปหมด

    จน ม. ปลายเรียนคนละที่กัน นึกว่าจะไม่ได้เจอกันแล้วซะอีก ตลกมาที่อยู่ดีดีโทรศัพท์ที่บ้านดังแล้วมีคนโทรมาหาเรา ไม่มีเพื่อนที่รู้เบอร์บ้านเว้ยยย เพื่อนต้องโทรเบอร์มือถือกันแล้ว แล้วใครมันโทรหา จนรับสายถึงได้รู้แหละว่าไอ้หัวหน้าทีมคนเดิมโทรมา แล้วบอกว่าตัวเองอยู่โรงพยาบาล บอกชื่อโรงบาล บอกเลขห้องเสร็จมันก็วาง โอเค ก็ขนาดนี้แล้วอ่ะ ต้องไปเยี่ยมสักหน่อยไหมล่ะ วันแรกคือเราพาไปหมดเลย เพื่อน ม.ปลาย อีก 3 คน ขนกันไปเยี่ยมคนป่วย ถึงจะไม่ได้เจอกันนาน แต่ก็คุยกันได้แหละ แต่แย่งเพื่อนเราพูดไม่ทันมากกว่า เพิ่งเจอกันไม่กี่นาทีสนิทกว่าชั้นที่เจอกันมาตั้งแต่ ประถมอีก 

    จนคุณคนเดิมได้เข้าโรงบาลอีกรอบ โทรมาตามให้ไปเยี่ยมอีก คราวนี้เพื่อนเราไม่ยอมไปด้วย ทั้งที่ก็ว่างกัน ไม่อยากไปคนเดียว แต่เพื่อนก็ไม่ยอมมาด้วย เลยได้มานั่งเอ๋อ อยู่ข้างเตียง เพราะเข้ามาได้แป๊บเดียว ครอบครัวคนป่วยก็พากันเข้ามาเยี่ยมพอดี 555 ตัวลีบไปเลยทีนี้

    แม่คนป่วยหันมาถามเรา ว่ารู้ได้ยังไงว่าลูกชายเขาป่วย ด้วยการเรียกชื่อเราโดยที่เราแค่ยกมือไหว้ ไอ้คนป่วยก็ยังไม่ได้แนะนำอะไรอีก สรุปรู้จักเราทั้งบ้าน แต่เราไม่รู้จักใครเลย จังหวะนั้นคือกลัวนะ เลยรีบชิ่งหนีกลับบ้าน 

    แล้วก็มีสายของอีกคนโทรเข้ามาขอไปส่งที่บ้านหลังจากนั้นอีกประมาณอาทิตย์นึง ตอนแรกจะไม่ไปเพราะพ่อเราก็มารับมาส่งอยู่ทุกวันอยู่แล้ว แต่เพื่อนนี่คือเชียร์หนักมาก เพิ่งมารู้สึกว่ามันไม่เหมือนเพื่อนปกติเอาก็วันนี้แหละ

    เด็ก ม.ปลายตอนนั้นก็ต้อง มอไซค์ใช่ไหม แล้วคือวันนั้นทำอะไรไม่รู้กว่าจะได้กลับบ้านก็มึดแล้ว มันจะมีอยู่ช่วงนึงที่ทางกลับบ้านเราฝั่งซ้ายจะเป็นคลอง ฝั่งขวาจะเป็นคู ใกล้ๆ นั้นเป็นวัด แล้วทางมึดมาก ถึงจะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ แต่ไม่มีรถวิ่งไปมาเลยสักคัน การซ้อนมอไซค์แล้วใส่กระโปรงคือต้องนั่งไพล่ใช่มะ นี่ก็นั่งแล้วเอามือจับกันตกเอาไว้ จนถึงคู คลองตรงที่เราบอก อยู่ๆ ไฟหน้ารถก็ดับ แต่เครื่องไม่ดับนะ ตกใจสิ รถยังวิ่งอยู่แต่ไม่มีไฟ ขับตกคลองไปทำไง มีอะไรโผล่มาตอนนั้นทำยังไง ร้องเฮ้ย เสียงดัง แล้วก็เผลอเอามือไปเกาะเอวคนข้างหน้าเอาไว้ สาบานว่าตอนนั้นแม่งไม่คิดอะไรเลย กลัวตกอย่างเดียว แต่แป๊บเดียวไฟก็ติด กำลังจะปล่อยมือออก ไฟดันมาดับอีก โอ้ยยย ทีนี้กอดแน่นเลยค่ะจากที่เกาะเฉย อะไรไม่รู้ชั้นซุกหน้าลงไปที่หลังมันแล้ว กลัวทั้งผี กลัวทั้งคลอง หลังจากที่รู้สึกว่ามือของตัวเองโดนมืออีกคนมาแปะไว้ข้างบนก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองทาง ถึงได้รู้ว่าตัวเองโดนแกล้ง น้ำตาซึมเลยเรา โกรธอ่ะ กลัวด้วย แต่มือก็ยังไม่ยอมละจากเอวเขานะ 5555 

    ตอนจบก็เป็นแค่เพื่อนกันนะคะ ไม่มีอะไรพัฒนา เป็นแค่คนที่เข้ามาให้เพื่อนกับที่บ้านเราแซวกันเล่นเฉยๆ

    จริงๆ ตอนนี้ก็ไม่ได้เจอ ไม่ได้คุยกันมานานมากแล้ว ครั้งสุดท้ายที่คุยกันคือโทรมาบอกให้เชียร์เขาด้วยนะ //ขอไม่บอกว่าเชียร์เรื่องอะไร เห็นตลอดแหละความสำเร็จของเขา ไอ้เราเองก็ดีใจด้วย ไม่เคยคิดเสียดายเลยได้เป็นเพื่อนกัน และไม่เคยเสียดายเลยที่ไม่ได้เป็นอะไรที่มากกว่าเพื่อนกัน

    แบบนี้มันดีที่สุดแล้วจริงๆ


    sun
    2019-10-18

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in