เราก็ไม่คิดว่ามันจะชนบทขนาด รถไฟประมาณ3ต่อชนบทขนาดที่รถไฟช่วงสุดท้ายมีโบกี้เดียวอ่ะ(ไหมเคยเจอมาก๋อนเลยจ๋า) พอไปถึงสถานีปลายทางก็นั่งรอโฮสประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงได้ นานขนาดนี้พึ่งได้กลิ่นถึงความเอวัง เลยเดินๆหาตู้โทรศัพท์แล้วกดเบอร์ไปอีกรอบ ปรากฎว่าเข้าใจสถานที่นัดแนะกันคนละที่โธ่เอ้ย ผิดที่ฉันหรอ(ก็คงอย่างนั้นแหละ55555) ซักประเดี๋ยวเดียวก็มีรถกระบะสีขาวคันจิ๋วมาจอดเทียบท่าตรงหน้า ป้าวัยกลางคนเดินลงมาไม่พูดไม่จายกกระเป๋าฉันขึ้นกระบะ เฮ้ยเดี๋ยวๆช้าก่อนนายจ๋า แต่ไม่ทันไรป้าก็เรียกฉันขึ้นรถ เราคุยกันบนรถได้ใจความว่าป้าก็คือโฮสฉันนี่แหละชื่อนาโอมิ แกมารับเราไปส่งที่บ้านแล้วเดี๋ยวต้องรีบไปแบงค์ต่อประการฉะนี้เอง เมื่อถึงบ้านก็พบว่ามีชาวฮ่องกงอีกสองคนมาวูฟในช่วงเวลาเดียวกับเราเหมือนกัน อ่อเขาเป็นผู้หญิงทั้งคู่เลย(แหม่น่าเสียดาย) เรายกของไปเก็บบนห้องที่จัดแจงไว้ให้สำหรับชาววูฟ ซึ่งอยู่ในบ้านของครอบครัวนี้แหละ ห้องแบบญี่ปุ่นเต็มไปด้วยชั้นหนังสือการ์ตูนวัยเด็กเกินครึ่งห้อง เข้าใจว่าน่าจะเคยเป็นห้องของลูกชายคนเล็กมาก่อน หลังจากเก็บของเสร็จเพื่อนชาวฮ่องกงก็พาเราชมบริเวณบ้าน
ต้องขอเกริ่นว่าก่อนมาเราได้คัดสรรบ้านที่จะมาไว้หลายบ้านมากซึ่งบ้านนี้เป็นตัวเลือกอันดับแรกๆเลย แล้วก็โชคดีที่เค้าว่างช่วงที่เราจะมาพอดี หรือนี่จะคือพรมลิขิต.... ในโปรไฟล์ของบ้านนี้เขียนไว้ว่ามีสมาชิกคือพ่อ แม่(นาโอมิ) ยายและเด็กๆ3คน ทำสวนผักออร์แกนนิค เลี้ยงหมาและแพะไว้เฝ้าบ้านอย่างละ1ตัว ที่สำคัญบ้านนี้เลี้ยงวัว! ซึ่งฉันวาดภาพไว้ว่าจะมาเป็นสาวชาวไร่นั่งรีดนมวัวสวยๆ ชมวิวน้องวัวลายจุดขาวดำน่ารักน่าชัง แต่ภาพที่เห็นตรงหน้าตอนนี้วัวถึกๆสีน้ำตาลเกือบดำทั้งคอก! ที่หน้าตาละม้ายคล้ายควายทุ่งบ้านเราซะเหลือเกิน วัวที่พูดถึงในโปรไฟล์คือวัวเนื้อไม่ใช่วัวนมแต่อย่างใดทั้งนี้ทั้งนั้นก็เกิดจากความเข้าใจผิดของฉันเอง(อีกแล้ว)
ตัดฉากมาที่เริ่มงานวันแรก 7โมงเช้านี่แบกฟางกันแล้ว เราต้องมาให้อาหารน้องวัวกันแต่เช้าตรู่(กินก่อนกรูอีก) รวมไปถึงให้น้ำให้อาหารเม็ดและกวาดขี้ของมัน ก็แบ่งหน้าที่กันเรียบร้อย เสร็จแล้วก็ถึงเวลาดีเวลากินจ้า อาหารที่นี่โอชะมากๆ นาโอมิจะเป็นคนจัดให้ตลอด เรามีหน้าที่แค่ตักข้าวและล้างจานในส่วนของตัวเอง ช่วงบ่ายจะเป็นเวลาทำสวนซึ่งสวนจะอยู่ห่างจากบ้านไปประมาณ300เมตรส่วนใหญ่เราจะนั่งกระบะจิ๋วกันไปบางวันก็ได้นั่งรถตัก! นั่งห้อยขาตรงที่ตกมันนั่นแหละ
สองสามวันผ่านไป บ่ายวันหนึ่งนาโอมิก็บอกว่าเดี๋ยวตอนบ่ายไปเที่ยวกันนะ ไม่มีงานให้ทำ นี่ มัน นี่มันเสียงสวรรค์ปุนิพวกเราตื่นเต้นกันใหญ่ บ่ายวันนั้นนาโอมิขับรถพาเราไปเที่ยวทะเลสาบกับฟาร์มม้า เอาเข้าจริงแล้วรู้สึกได้ว่าเค้ารักเราเหมือนลูกเลย ไปไหนพาไปด้วยขนาดไปซื้อไม้ก่งไม้กวาดน้ำยาล้างห้องน้ำเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้าบ้านยังพาไปเลย55555
อีกหนึ่งความประทับใจคือได้ไปเข้าคลาสเรียนเขียนอักษรญี่ปุ่น ซึ่งนาโอมิทิ้งเราไว้กับครู ที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ส่วนเราก็ไม่เข้าใจญี่ปุ่นซักกระเบียดเดียว สุดท้ายก็ไปกันได้ด้วยดีมากๆ ภาษานี่มันไม่ใช่อุปสรรคสำหรับมิตรภาพที่ไร้พรมแดนจริงๆ!
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in