เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
July Free Writingpromptsนักเล่าเรื่อง
1st July 2021
  • สิ่งที่ฉันฝันมาตลอดว่าอยากเปลี่ยนแปลงก็คือทัศนคติของคนในสังคมต่อคนที่เป็นโรคซึมเศร้า ฉันเองก็เป็นผู้ป่วยโรคซึมเศร้าคนหนึ่ง แต่ฉันไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับคนรอบข้างหรอกเพราะไม่มีใครรู็ว่าฉันเป็นโรคนี้ นอกจากคนในครอบครัวของฉันเอง แต่ที่ผ่านมาที่ฉันได้คลุกคลีกับคนในวอร์ดจิตเวช (ใช่ค่ะ ฉันอาการหนักถึงขนาดต้องเข้าวอร์ดจิตเวชเลย) มีผู้ป่วยมากมายที่มีปัญหากับคนรอบข้างและที่สำคัญที่สุดคือคนในครอบครัว บางคนพ่อแม่ไม่เข้าใจบ้าง เข้ากับที่บ้านไม่ได้บ้าง ไหนจะเพื่อนที่โรงเรียน หรือเพื่อนร่วมงานอีก คนที่มีปัญหามักจะเจอสังคมกล่าวโทษว่า กระแดะ อ่อนแอ แกล้งป่วย ว่าอะไรก็ไม่ได้ร้องไห้ตลอดเวลา ประเทศไทยในตอนนี้ถือว่ามีการพัฒนาทัศนคติของโรคจิตเวชและจิตแพทย์มาได้ซักระยะแล้ว แต่มันยังไม่เพียงพอ มีคนอีกหลายคนยังไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในภาวะเศร้าและต้องไปพบจิตแพทย์เพื่อไม่ให้มันพัฒนาไปเป็นโรคซึมเศร้า บางคนแยกไม่ออกระหว่างอารมณ์เศร้าปกติ, ภาวะเศร้าและโรคซึมเศร้า ทำให้คนจำนวนมากเข้าไม่ถึงจิตแพทย์ บางคนยังมีความคิดฝังหัวว่าคนที่ไปหาจิตแพทย์คือคนบ้า ฉันมักเข้าไปใน #โรคซึมเศร้าในทวิตเตอร์ ปรากฎว่ามีคนอีกนับร้อยที่ทำร้ายตัวเองหรือมีความคิดฆ่าตัวตาย ส่วนใหญ่จะเป็นการกรีดแขนเพื่อให้เจ็บและมีเลือดออก ฉันเข้าใจดีถึงสภาวะนี้ คนเหล่านี้ใช้ความรู้สึกเจ็บมาเบี่ยงเบนความรู้สึกเศร้า แต่มันเป็นวิธีที่ไม่จีรัง เมื่อหายเจ็บแล้วก็ยิ่งเศร้ากับสิ่งที่ทำ จึงต้องทำให้ตัวเองบาดเจ็บเรื่อยๆซ้ำไปซ้ำมา ฉันเองก็มีแผลเป็นจากการทำร้ายตัวเองเหมือนกัน เมื่อถึงเวลาที่ความเจ็บซ้ำไปมานี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้อีกต่อไป ไม่สามารถกลบเกลื่อนความเศร้าได้อีกต่อไป หนทางต่อมาจึงเป็นความตาย มีคนมาสั่งลาในทวิตเตอร์เป็นจำนวนมาก อย่าคิดว่าเขาเหล่านั้นกำลังเรียกร้องความสนใจ ไม่ใช่เลย ข้อความพวกนั้นคือสัญญาณเตือน คือการขอร้องความช่วยเหลืออย่างหนึ่งจากคนที่เป็นโรคซึมเศร้าต่างหาก ถ้าคุณเห็นข้อความเหล่านี้

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in