เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
บทความฉบับเด็กอาชญาหัดเขียนluna.p
ฆาตกร: วัยเด็กที่ถูกทารุณกรรมสู่การเป็นฆาตกรต่อเนื่อง
  • หลายครั้งฆาตกรต่อเนื่องที่ได้ก่อเหตุฆาตกรรมเหยื่อซ้ำซ้อนโดยดูเหมือนจะไม่มีแรงจูงใจในการฆาตกรรมแต่จะมีการวางแผนและเลือกเหยื่อที่มีลักษณะเฉพาะคล้ายกันและฆาตกรแต่ละคนจะมีรูปแบบในการสังหารเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายแตกต่างกันจากเหตุการณ์คดีฆาตกรรมที่ปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์และตามสื่อต่าง ๆ จะสังเกตได้ว่าฆาตกรต่อเนื่องหลายคนมักจะมีประวัติในวัยเยาว์ที่โหดร้าย ซึ่งพวกเขาได้ถูกทารุณกรรมตั้งแต่เด็กโดยคนในครอบครัวบทความชิ้นนี้จึงต้องการนำเสนอความสัมพันธ์ระหว่างการทำร้ายร่างกายหรือการทารุณกรรมในวัยเด็กจนเกิดอาการจิตผิดปกติ(Mentaldisorder) ต่อการเป็นฆาตกรต่อเนื่องโดยมีจุดประสงค์เพื่อรับมือไม่ให้คน ๆ หนึ่งกลายเป็นฆาตกร

    ที่มา: https://nypost.com/2018/08/13/the-greatest-generation-gave-rise-to-the-golden-age-of-serial-killers/

  • โดยในส่วนแรกผู้เขียนจะอธิบายถึงความหมายและประเภทของฆาตกรต่อเนื่องการทารุณกรรมในวัยเด็กและประเภทของการทารุณกรรมเด็ก ในส่วนที่สองผู้เขียนจะยกนำเอาฆาตกรต่อเนื่องที่มีปมวัยเด็กมาเป็นตัวอย่างแสดงให้เห็นถึงรูปแบบของการเลือกเหยื่อและประวัติในวัยเด็กของฆาตกรเหล่านั้นถัดมาผู้เขียนจะยกงานวิจัยของมหาวิทยาลัยนอร์ทฟลอริดา โดยคณาจารย์ด้านอาชญวิทยา ซึ่งได้ทำการศึกษาฆาตรต่อเนื่องที่มีประวัติในวัยเด็กเคยถูกทำร้ายและล่วงละเมิดทางเพศโดยคนในครอบครัว โดยได้อธิบายประเด็นเกี่ยวกับการทำร้ายร่างการ การล่วงละเมิดทางเพศ และการทารุณกรรมในวัยเด็กที่มีส่วนสำคัญในการหล่อหลอมให้ปัจเจกบุคคลกลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องหรือไม่อย่างไร และผู้เขียนจะนำเอางานวิจัยของฮีตเทอร์ มตเชลล์และดร.ไมเคิล แอมอดต์ ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยแรดฟอร์ด ซึ่งทั้งสองได้ทำการศึกษาฆาตกรต่อเนื่องทั้ง 50 คน โดยผู้เขียนจำนำงานวิจัยดังกล่าวมาคลี่ให้เห็นถึงปัญหาการทารุณกรรมในวัยเด็กซึ่งเป็นปัจจัยและสาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งของการกลายมาเป็นฆาตกรต่อเนื่อง ในส่วนสุดท้ายผู้เขียนจะนำเสนอแนวทางการป้องกันปัญหาความรุนแรงต่อเด็กเพื่อจะเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันการเกิดฆาตกรต่อเนื่องที่อาจเกิดจากปัญหาดังกล่าว

    ฆาตกรหลายราย (Multiple Murderers) หมายถึง ผู้ที่ทำการฆาตกรรมเหยื่อมากกว่าคนเดียว โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ฆาตกรหมู่ (Mass Murderer) เป็นฆาตกรที่สังหารเหยื่อมากกว่า4 คน โดยจะทำการฆาตกรรมในสถานที่ที่เดียว ณ ช่วงเวลาหนึ่งฆาตกรสนุกสนาน หรือ ฆาตกรอาละวาด (Spree Killer) เป็นฆาตกรที่สังหารเหยื่อมากกว่า2 คนโดยสถานที่ที่ทำการฆาตกรรมจะมากกว่าแค่ที่เดียวและแยกจากกันแต่ฆาตกรประเภทนี้จะสังหารคนไปเรื่อย ๆ ไม่มีช่วงเวลาที่เย็นลง (Cooling-offperiod) ในระหว่างทำการฆาตกรรม และสุดท้ายคือฆาตกรต่อเนื่อง (SerialKiller) เป็นฆาตกรที่สังหารเหยื่อมากกว่า 3 คนโดยจะฆาตกรรมเหยื่อในโอกาสและสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งฆาตกรต่อเนื่องมักจะมีการวางแผนล่วงหน้าก่อนที่จะก่อเหตุเหตุอาชญากรรมในแต่ละครั้ง และจะมีช่วงเวลาที่เย็นลง ไม่ได้ฆ่าติดต่อกัน โดย Holmes และ Deburger ได้แบ่งประเภทของฆาตกรต่อเนื่องไว้ทั้งหมด5 ประเภท ได้แก่ นักฆ่าประสาทหลอน (Visionary type) โดยนักฆ่าประเภทนี้มักจะมีอาการประสาทหลอน เห็นภาพหลอนหรือได้ยินเสียงให้ไปฆ่าคนนักฆ่าเพื่ออุดมการณ์ (Mission-oriented type) นักฆ่าที่ฆ่าคนตามอุดมการณ์ความเชื่อของตนโดยจะมีกลุ่มเป้าหมายที่จะทำการฆาตกรรมไว้อย่างแน่นอน เช่นกลุ่มผู้หญิงที่ขายบริการทางเพศ หรือ กลุ่มคนต่างชาติพันธุ์ เป็นต้น นักฆ่าเพื่อความเพลิดเพลิน(Hedonistic type) เป็นฆาตกรที่สังหารคนเพื่อสนองอารมณ์การฆ่าเหยื่อแต่ละครั้งจะทำไปเพื่อเติมเต็มอารมณ์ความรู้สึก และนักฆ่าเพื่ออำนาจหรือควบคุม(Power/Control type) ฆาตกรที่ฆ่าคนเพื่อตอบสนองอารมณ์และความรู้สึกของการได้ควบคุมหรือมีอำนาจเหนือเหยื่อ 

    การทารุณกรรมเด็ก (Child abuse) หมายถึง การกระทำที่เป็นเหตุให้เด็กได้รับอันตรายทั้งทางด้านร่างกายจิตใจ อารมณ์ เพศ หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งสามารถแบ่งประเภทได้ดังนี้ การทารุณกรรมร่างกาย(Physical abuse) เป็นการกระทำโดยตั้งใจที่เป็นเหตุให้เกิดอันตรายหรือทำให้เด็กเกิดการบาดเจ็บทางร่างกายการทารุณกรรมทางเพศ (Sexual abuse) คือการกระทำกิจกรรมทางเพศต่อเด็ก หรือเป็นการใช้ให้เด็กกระทำโดยเด็กไม่ยินยอมพร้อมใจหรือไม่มีวุฒิภาวะมากเพียงพอที่จะเข้าใจถึงการกระทำเหล่านี้ซึ่งเป็นการกระทำที่ทำเพื่อสนองความพึงพอใจทางเพศของผู้กระทำ การทารุณกรรมจิตใจ  (Emotional abuse) คือการกระทำที่เป็นการเฉยเมย ไม่สนใจ ข่มขู่ใช้คำพูดหรือการกระทำที่ทำให้เด็กหวาดกลัวรวมไปถึงการไม่ให้ความรักความใส่ใจต่อเด็ก ขาดการดูแลเอาใจใส่ หากเกดขึ้นซ้ำซากจะส่งผลให้กระทบต่อพัฒนาการของเด็กทั้งทางร่างกายจิตใจและสังคม และสุท้ายคือ การปล่อยปะละเลยหรือทอดทิ้งเด็ก (Neglect andAbandonment) เป็นความบกพร่องของผู้ปกครองหรือผู้ดูแลของเด็กในการดูแลเอาใจใส่จัดหาสิ่งจำเป็นต่อความต้องการขั้นพื้นฐานซึ่งการปล่อยปะละเลยนี้ส่งผลให้เด็กเสี่ยงหรือได้รับอันตรายต่อร่างกายและจิตใจรวมไปถึงพัฒนาการของเด็ก


  • ที่มา: https://www.theatlantic.com/family/archive/2020/05/challenge-helping-abuse-victims-during-quarantine/611272/

    หลังจากที่ผู้เขียนได้อธิบายถึงนิยามและความหมายของฆาตกรและการทารุณกรรมเด็กถัดมาผู้เขียนจะยกนำเอากรณีตัวอย่างของฆาตกรที่เคยถูกทารุณกรรมในวัยเด็กและได้กลายมาเป็นฆาตกรต่อเนื่องจากนั้นผู้เขียนจะยกนำเอาแนวทางการแก้ปัญหาเพื่อให้ผู้อ่านได้เห็นถึงวิธีการแก้ปัญหาและสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการที่จะร่วมกันแก้ปัญหาเหล่านี้ได้

    ไอลีนวอร์นอส” (Aileen Wournos) ฆาตกรต่อเนื่องที่ได้ทำการสังหารเหยื่อไปทั้งหมด 7คน โดยเหยื่อของวอร์นอสจะเป็นลูกค้าของเธอหลังจากจากที่ได้ใช้บริการทางเพศ วอร์นอสถูกศาลตัดสินโทษประหารชีวิตด้วยฉีดยา (Lethal injection) ในวัยเด็กไอลีนต้องไปอยู่อาศัยกับตาและยายพร้อมพี่ชายของเธอเพราะแม่และพ่อของหย่าร้างกันพ่อของเธอถูกจับและถูกพาไปรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวชเนื่องจากมีพฤติกรรมใคร่เด็ก (Pedophilia) และเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าข่มขืนเด็กวัยสิบปีในขณะที่ไอลีนอยู่อาศัยกับตาและยายของเธอ วอร์นอสถูกผู้เป็นตาทำร้ายละกายและโดนล่วงละเมิดทางเพศโดยที่ยายของเธอไม่ได้สนใจและเพิกเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ไอลีนยังถูกพี่ชายของเธอบังคับให้มีเพศสัมพันธ์กับเขาอาจกล่าวได้ว่าช่วงชีวิตวัยเด็กของวอร์นอสต้องถูกทารุณกรรมทั้งร่างกายและจิตใจโดยผู้ชายซึ่งเป็นคนในครอบครัวของเธอเองและนั่นได้กลายมาเป็นปัจจัยหนึ่งที่ได้หล่อหลอมให้วอร์นอสกลายมาเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่มีความเกลียดชังผู้ชาย
    ที่มา: https://filmdaily.co/obsessions/true-crime/aileen-wuornos-killer/

    เท็ด บันดี” (Ted Bundy) ฆาตกรต่อเนื่องที่ได้ทำการฆาตกรรมเหยื่อไปทั้งหมดประมาณ 30 ในวัยเด็กครอบครัวของบันดีปฏิบัติต่อเขาด้วยความรังเกียจที่เป็นบุตรนอกสมรสอย่างไม่ถูกต้อง (Illegitimate child) และเรื่องนี้ได้สร้างความรู้สึกอับอายต่อครอบครัวของเขาเป็นอย่างมากแม่ของบันดีจึงได้ให้ตาและยายของเขารับเป็นพ่อแม่บุญธรรมตาของเขานั้นเป็นคนที่ชอบใช้ความรุนแรง บันดีจึงมักเป็นที่ระบายอารมณ์ความฉุนเฉียวของผู้เป็นตาเสมอต่อมาเมื่อเขาโตขึ้นเขาได้ตกหลุมรักหญิงสาวคนหนึ่ง แต่แล้วเขากลับถูกเธอบอกเลิกด้วยวัยเด็กที่ต้องทนกับการถูกทำร้ายร่างกายและต้องอยู่ในครอบครัวที่ไม่ได้ให้ความรักอย่างเพียงพอส่งผลให้หลังจากที่ถูกหญิงสาวที่เขารักทอดทิ้งบันดีจึงได้เริ่มทำการฆาตกรรมตำรวจได้เปรียบเทียบรูปลักษณ์ของเหยื่อพบว่าเหยื่อแต่ละรายนั้นมีลักษณะที่คล้ายกันซึ่งนั่นไปตรงกับลักษณะของผู้หญิงที่บันดีหลงรักสุดท้ายเขาถูกตัดสินชีวิตด้วยเก้าอี้ไฟฟ้า
    ที่มา: https://electricliterature.com/serial-killer-ted-bundys-deadly-charm/

    จอร์น เวย์น แกซี” (JohnWayne Gacy) ตัวตลกเป็นที่รู้จักในนาม “Killer Clown” ที่อุทิศตนและทำงานเพื่อสังคมแต่เขาเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ได้ทำการฆาตกรรมเด็กชายรวม33 คน ในวัยเด็กของแกซีเขาเติบโตมาในครอบครัวที่พ่อเป็นผู้ติดสุราเรื้อรัง (Alcoholic) พ่อของแกซีมักจะทุบตีทำร้ายร่างกายลูก ๆ และภรรยาเสมอ นอกจากนี้ในตอนที่แกซีอายุ5 ปี เขาถูกข่มขืนโดยเพื่อนบ้านและตอนที่อายุ 8 ปี เขาถูกข่มขืนโดยเพื่อนของพ่อแต่ไม่มีคนสนใจหรือใส่ใจดูแลกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา แกซีในวัยผู้ใหญ่ภายนอกเป็นคนที่ทำงานเพื่อสังคมเขามักจะแต่งตัวเป็นตัวตลกชื่อ “โปโก” ไปตามโรงพยาบาลและมักจะล่อลวงเด็กผู้ชายเพื่อไปข่มขืนล่วงละเมิดทางเพศและฆาตกรรมแกซีถูกวินิจฉัยว่ามีอาการใคร่เด็กหลังถูกจับเขาถูกศาลตัดสินประหารชีวิตด้วยการฉีดยาพิษ
    ที่มา: https://www.chicagotribune.com/history/ct-john-wayne-gacy-timeline-htmlstory.html


    จากตัวอย่างของฆาตรต่อเนื่องข้างต้นได้สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างการทารุณกรรมในวัยเด็กต่อการเป็นฆาตกรต่อเนื่องผู้เขียนจึงได้ยกงานวิจัยทั้งชิ้นนี้เพื่อให้เห็นถึงความสัมพันธ์ดังกล่าวมากขึ้น โดยงานวิจัยแรกเป็นงานวิจัยที่ได้นำเอาฆาตกรต่อเนื่องชาย10 คนในอเมริกามาศึกษาถึงประวัติและภูมิหลังในวัยเด็กเพื่อหาความสัมพันธ์และปัจจัยในการเป็นฆาตกรต่อเนื่องพบว่า 7 ใน 10ในวัยเด็กเคยถูกทารุณกรรม ซึ่งทั้งหมดได้รับการวินิจฉัยว่ามีอาการจิตผิดปกตินอกจากนี้จากการวิจัยยังพบว่าบาดแผลทางใจในวัยเด็ก (Childhood trauma) มีความสัมพันธ์ต่อการเลือกเหยื่อเช่น โรเบิร์ต ลี เยตส์ (Robert Lee Yates) งานวิจัยชิ้นนี้ได้แสดงการเปรียบเทียบที่ในวัยเด็กเขาถูกผู้เป็นแม่ทารุณกรรมเหยื่อของเยตส์เป็นหญิงวัยกลางคนทั้งหมด งานวิจัยนี้จึงได้สรุปว่าการทารุณกรรมในวัยเด็กเป็นปัจจัยที่สำคัญส่วนหนึ่งในการหล่อหลอมให้คน ๆ หนึ่งกลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องงานวิจัยต่อมายังได้สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ดังกล่าวยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงปัญหาความรุนแรงในวัยเด็กซึ่งได้กลายมาเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อการเป็นฆาตกรต่อเนื่องงานวิจัยโดยนี้ได้ทำการศึกษาฆาตกรต่อเนื่อง 50 คน พบว่ามี 68% ของฆาตกรในวัยเด็กถูกทารุณหรือปฏิบัติอย่างโหดร้าย (Maltreatment) 36% ถูกทารุณกรรมทางร่างกาย 26% ถูกทารุณกรรมทางเพศ 50% ถูกทารุณกรรมทางจิตใจ และ 18% ถูกปล่อยปะละเลย มีเพียง 32%ที่วัยเด็กไม่เคยถูกทารุณกรรม และจากงานวิจัยยังได้ทำการศึกษาโดยการเปรียบเทียบระหว่างประชากรทั่วไป (General Population) กับ ฆาตกรต่อเนื่อง พบว่าประชากรทั่วไป 70% ไม่เคยถูกทารุณกรรมซึ่งการศึกษานี้ได้แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่ทุกคนที่ในวัยเด็กเคยถูกทารุณกรรมเมื่อโตขึ้นมาจะกลายมาเป็นฆาตกรต่อเนื่องแต่ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งที่สังคมควรตระหนักและให้ความสนใจ

    ในส่วนของวิธีในการแก้ปัญหาหรือช่วยเหลือเด็กที่ถูกทารุณกรรมนั้นศูนย์ป้องกันการบาดเจ็บและควบคุมแห่งชาติอเมริกา (National Center for Injury Prevention and Control: NCIPC) ได้เสนอแนวทางในการป้องกันการทารุณกรรมในเด็ก เช่น การให้ความช่วยเหลือด้านทุนทรัพย์แก่ครอบครัวที่ยากไร้การเปลี่ยนแปลงบรรทัดฐานทางสังคม (Social Norms) ถึงผลเสียและปัญหาในการดูแลเลี้ยงดูเด็กด้วยความรุนแรงและสังคมไม่ควรมองเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ปกติจัดตั้งองค์กรส่งเสริมการเอาดูแลใจใส่เยียวยาเด็กที่ถูกทารุณกรรมและให้การศึกษาที่เหมาะสมมีคุณภาพเพื่อผลลัพธ์ในระยะยาวนอกจากนี้กองพัฒนานโยบายและนวัตกรรมทางสังคมได้เสนอแนวทางและมาตรการมา 2 ระยะในระยะสั้นจะต้องสร้างระบบการปกป้องคุ้มครองเด็กจากความรุนแรง โดยครอบครัว ชุมชนและภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเด็กในการเข้าถึงสิทธิ์ต่างๆสร้างการตระหนักรู้ถึงปัญหาความรุนแรงในเด็กเพื่อที่สังคมจะได้มีส่วนร่วมในการป้องกันและร่วมกันแก้ไขปัญหาสร้างสภาพแวดล้อมที่มีความปลอดภัยและในระยะยาวต้องมีการส่งเสริมให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดปรับปรุงพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ให้สอดคล้องกับสถานการ์ปัญหาความรุนแรงในเด็ก จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือให้คำปรึกษาหรือบำบัดรักษาเพื่อช่วยเหลือเยียวยาเด็กที่ถูกทารุณกรรม

    ผู้อ่านจะเห็นได้ว่าการทารุณกรรมในเด็กเป็นปัญหาที่สำคัญอย่างยิ่งซึ่งก็เป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่หล่อหลอมให้คน ๆ หนึ่งโตขึ้นมากลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องแม้ปัญหาความรุนแรงในเด็กดูเหมือนจะเป็นปัญหาระดับปัจเจกบุคคลที่เกิดขึ้นในครอบครัว แต่ปัญหาเหล่านี้สังคมเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องในการละเลยหรือไม่ตระหนักให้ความสำคัญของการใช้ความรุนแรงต่อเด็กเพียงพอโดยงานศึกษาของมหาวิทยาลัยฟรี ประเทศเนเธอร์แลนด์ซึ่งได้ทำการศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างพยานแวดล้อม (Bystander) ต่อความรุนแรงในครอบครัว (Domestic violence) สรุปไว้ว่าการนิ่งเฉยต่อความรุนแรงในครอบครัวเป็นความกังวลหลัก(Major concern) เพราะการปล่อยปะละเลยนิ่งเฉยนี้เป็นส่วนหนึ่งในการปล่อยให้ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวยังคงมีอยู่เรื่อยๆ และสุดท้ายเมื่อปล่อยให้ปัญหายืดเยื้อผลลัพธ์ที่ได้กลับส่งผลต่อคนในสังคมมากกว่าแค่เรื่องในครอบครัว 

    เพราะฉะนั้นสังคมจึงควรที่จะตระหนักและมีส่วนร่วมในการเข้ามาดูแลป้องกันแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เพื่อที่ในอนาคตปัญหาการทารุณกรรมจะหมดไปจากสังคม


    อ้างอิง:

    Beverly L. Fortson et la.,. 2016. Preventing Child Abuse and Neglect: A Technical Package for Policy, Norm, and Programmatic Activities. Political Science Report, Atlanta, Georgia: National Center for Injury Prevention and Control. Division of Violence Prevention.

    Cees Hoefnagles and Machteld Zwikker. 2001. "The Bystander Dilemma and Childe Abuse: Extending the Latane and Darley Model to Domestic Violence." Journal of Applied Social Psychology 1158-1183.

    Dani Adelstein et al.,. 2020. UNF Digital Commons. May 14. Accessed September 8, 2021. https://digitalcommons.unf.edu/soars/2020/spring_2020/77/.

    Editors, Biography.com. 2014. The Biography.com website. April 16. Accessed September 9, 2021. https://www.biography.com/crime-figure/aileen-wuornos.

    —. 2014. The Biography.com website. April 4. Accessed September 8, 2021. https://www.biography.com/crime-figure/ted-bundy.

    —. 2014. The Biography.com website. April 16. Accessed September 8, 2021. https://www.biography.com/crime-figure/aileen-wuornos.

    Heather Mitchell and Michael G. Aamodt. 2005. "The Incidence of Child Abuse in Serial Killers." Journal of Police and Criminal Psychology 40-47.

    James Alan Fox and Jack Levin. 1998. "Multiple Homicide: Patterns of Serial and Mwass Murder." Crime and Justice 407-455.

    Janos, Adam. 2020. A&E Television Networks. September 15. Accessed September 8, 2021. https://www.aetv.com/real-crime/john-wayne-gacys-childhood.

    Montaldo, Charles. 2019. ThoughtCo. July 3. Accessed September 9, 2021. https://www.thoughtco.com/defining-mass-spree-and-serial-killers-973123.

    Ronald M. Holmes, James E. Deburger. 1985. "Profile in terror: The Serial Murder." Federal Probation 29-34.

    Tirath Das Dogra et al.,. 2012. "A Psychological Profile of a Serial Killer: A Case Report." Journal of Death and Dying 299-316.

    กองพัฒนานโยบายและนวัตกรรมทางสังคม. 2563. ข้อเสนอในการแก้ไขปัญหาความรุนแรงเด็ก. นโยบาย, กรุงเทพฯ: สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์.

    สายทิพย์, เจ็งที. 2556. "การช่วยเหลือเด็กที่ถูกทารุณกรรมตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546." วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี กรุงเทพ 149-157.

     


    เขียนและเรียบเรียงโดย: Luna.p นิสิตชั้นปีที่ 1 คณะรัฐศาสตร์ สาขาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

    *บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมโครงการการอบรมการเขียนรายงานเชิงวิชาการเบื้องต้น จัดโดย ฝ่ายวิชาการ สโมสรนิสิตรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย






เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in