เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
I met you in the summerP.E.A.C.E
โปรดครั้งที่ 4
  • “โปรด”

    “โปรด”

    “ไอ้โปรด! ”

    “โอ๊ย! เสียงดังทำไม! ” เธอสะดุ้งสุดตัว ปากก็หันไปด่าไอ้มิ้งตัวแสบทันที อยู่กันแค่นี้เสียงดังทำไม

    “ไม่ต้องมาด่าเลย มึงอ่ะจะเดินไปไหน” มิ้งเท้าเอวจ้องหน้าไอ้คนเอ๋อที่กำลังจะเลี้ยวผิดทาง โปรดหันมองรอบๆ อย่างเลิ่กลั่กเมื่อเห็นว่าตัวเองเป็นตามที่มิ้งว่าจริงๆ ทางเดินที่ถูกคือต้องเลี้ยวขวา ส่วนเธอกำลังจะเลี้ยวซ้าย…

    “มีสติหน่อย อิเวร หลงกับไกด์ใครก็หาไม่เจอเด้อ คนยิ่งเยอะๆ อยู่” ป้าส้มเอ่ยสำทับ

    กิจกรรมในวันนี้คือการทัวร์พระราชวังต้องห้ามอันเป็นแลนด์มาร์คหลักของปักกิ่ง แม่งเอ้ย...ใหญ่มาก ใหญ่แบบที่ว่าถ้ามิ้งไม่เรียกไว้โปรดก็คงหลงทางกลืนไปกับฝูงชน ขอเธอบ่นอีกรอบ

    ใหญ่จริง!

    “เหม่ออะไรของมึง” มิ้งหันมาแยกเขี้ยวใส่อีกรอบ เมื่อเห็นว่าโปรดยังมีท่าทีเด๋อด๋าอยู่ จะให้โปรดตอบได้อย่างไรว่าในหัวของเธอคิดวนเวียนแต่กับบัดดี้ตัวเล็กของเธอ คราบน้ำตา แววตาแสนเศร้า ควันสีขาวกลิ่นช็อกโกแลตและวานิลลายังติดอยู่ที่ปลายจมูก เธอยังจดจำทุกอารมณ์ความรู้สึกในคืนนั้นได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะผ่านมาได้หลายวันแล้วก็ตาม หลังจากคืนนั้นโปรดก็ไม่เคยเจออีกฝ่ายที่ระเบียงตอนกลางคืนอีกเลย

    “ไม่มีอะไรหรอก” โปรดตอบปัด “มึงโกหกห่วยแตกนะ รู้มั้ย” มิ้งหรี่ตาจับผิด

    “ช่างมันเถอะ รีบเดินตามไกด์ได้แแล้วเดี๋ยวก็ได้หลงกันหมด” ป้าส้มตัดบทสนทนาของทั้งคู่ ก่อนที่จะรุนหลังทั้งโปรดและมิ้งให้เดิมตามกลุ่ม

    พวกเธอทั้งสามรีบเดินตามเสียงบรรยายภาษาอังกฤษถึงประวัติของพระราชวังต้องห้าม โปรดเห็นคนที่อยู่ในความคิดของเธอตลอดหลายวันมานี้ กำลังตั้งอกตั้งใจฟัง หัวกลมทุยหันซ้ายหันขวาตามมือของไกด์ แววตาเป็นประกายเหมือนทุกครั้งที่เจ้าตัวเจออะไรที่น่าสนใจ พริ้งในตอนนี้ดูน่ารักสดใสแม้เหงื่อจะล้อมรอบเต็มกรอบหน้า ต่างกับคืนนั้น โปรดยิ้มบางๆ อย่างสบายใจ ในเมื่อเจ้าตัวเค้ายิ้มได้แล้ว เธอจะคิดมากอะไรอีก ถ่ายรูปดีกว่า!

    “เค้ามองเธออะคุณหนู”

    “แล้วไง”

    “ไปหว่านเสน่ห์อะไรใส่เด็กมันละ”

    “มั่วนิ่ม หยุดพูดไปเลย”

    พริ้งเอ็ดเจ้าเพื่อนตัวดีที่ไม่เคยหยุดแซวเธอสักที แขนยาวๆ ของแจนกอดพริ้งแน่นๆ อย่างมันเขี้ยว

    “หมอนั่นก็มองเธออยู่นะ”

    “ยี้! อย่าพูดถึงนะ แค่ชื่อหมอนั่นยังประกาศจุดยืนตัวเองเลย! ”


    พริ้งหัวเราะเพื่อนตัวดีที่ยืนสะบิดสะบิ้งเมื่อเธอพูดถึง ‘จอมทัพ’ หนุ่มหล่อที่ตามจีบเพื่อนเธออยู่ เหมือนฝ่ายชายจะรู้ว่าเพื่อนเธอเหม็นขี้หน้าเพราะทัศนคติทางการเมืองไม่ตรงกัน เจ้าตัวก็ยังไม่ยอมแพ้เดินหน้าจีบเพื่อนเธอเรื่อยๆ


    ‘ถึงแจนจะไม่ชอบผมเพราะทัศนคติทางการเมืองก็ไม่เป็นไรครับ ผมจะเป็นฝ่ายพยายามปรับตัวเข้าหาแจนเอง’



    จอมทัพประกาศเจตนารมณ์ต่อหน้าพวกเธอทั้งสองคนที่ยืนอ้าปากค้างเพราะความตื่นตะลึงอยู่ หลังจากวันนั้นเจ้าตัวก็ทำตามที่พูดไว้จริงๆ มีแต่เพื่อนของเธอนี่แหละที่หลบหน้าหลบตาหลีกเลี่ยงอีกฝ่ายสุดชีวิต นึกแล้วก็ขำสาวมั่นอย่างแจนเป็นฝ่ายหลบหน้าทั้งที่ในยามปกติเพื่อนเธอน่ะ นักฉอดตัวแม่ ก็ต้องคอยดูว่าฝ่ายไหนจะทนไม่ไหวก่อนกัน


    “แต่เขานิสัยดีนะ”

    “กรี๊ดดด! หยุด! ”


    หลังจากที่ไกด์ได้อธิบายประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ไปแล้ว ก็ได้ปล่อยให้นักศึกษาทั้งหลายเดินชมตามอัธยาศัย โปรดมองป้าส้ม สไบ มิ้งและบุ้งผลัดกันถ่ายรูปให้วุ่นวาย เธอยกกล้องลูกรักบันทึกภาพความวุ่นวายนี้ไว้ เอาไว้ทำมีมแกล้งพวกมัน

    “ถ่ายรูปด้วยจ้า!! ” แจนวิ่งดี๊ด๊าไปถ่ายรูปกับสี่คนก่อนหน้านั้น เมื่อคนบ้าถ่ายรูปทั้งหลายมาอยู่รวมกัน ตากล้องก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากโปรด ภาพความวุ่นวายห้านางแบบกับหนึ่งตากล้องจำเป็น น่าขบขันซะจนพริ้งต้องถ่ายไอจีสตอรี่เก็บไว้ นานๆ ทีพริ้งจะเห็นเพื่อนของเธอหลุดมาดสาวเฟียซบ้าง “พริ้งมาเข้ากล้อง! ” พริ้งเดินตามเสียงเรียกยืนฉีกยิ้มอยู่ตรงกลางกลุ่มก้อนที่เงียบเฉพาะตอนถ่ายรูป ตากล้องจำเป็นกดชัตเตอร์รัวๆ คิ้วเข้มขมวดน้อยๆ เพราะเหงื่อที่เกาะบนใบหน้า พริ้งเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะยื่นทิชชู่ให้คนตรงหน้า

    “เช็ดให้หน่อย” คนตัวสูงกว่าเอียงหน้าน้อยๆ ให้พริ้ง ไม่รู้ทำไมพอเป็นคนพี่ยื่นความใจดีมาให้ได้ถึงรู้สึกอยากอ้อนนิดอ้อนหน่อย ฝ่ายคนถูกเรียกร้องก็เลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อย ก่อนจะยิ้มบางๆ อันนี้เรียกว่าอ้อนมั้ยนะ มือเล็กค่อยๆ ขยับซับเหงื่อให้เจ้าเด็กโข่งที่อุตส่าห์ย่อตัวเอียงหน้าให้ ในใจก็นึกขำคนอ้อนหน้าตาย ไม่สิ ยังมีตาที่กะพริบปริบๆ นั่นอีก จะไม่ให้เธอใจอ่อนได้อย่างไร

    “อ่อยพี่เขาแหละ ดูออก”

    “กูก็ว่างั้น/พี่ด้วย”

    “เพื่อนแรด”

    “อีกคนก็ตามใจเก่ง”



    เที่ยงนี้มีเหลา มีเหลาจริงๆ

    ทางมหาวิทยาลัยพานักศึกษาทั้งหมดมารับประทานหน้าอาหารเที่ยงที่เหลาแห่งหนึ่งไม่ไกลจากพระราชวังต้องห้ามมากนัก อาหารหน้าตาน่ารับประทานมากมายทยอยนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะหมุน วัฒนธรรมในการกินอาหารเหลามักจะเสิร์ฟเมนูซุปก่อนถึงค่อยเสิร์ฟเมนูข้าวเป็นอย่างท้ายๆ พวกเธอทั้งเจ็ดคนคีบอาหารตรงหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย ต่างคนต่างเร่งเติมพลังงานลงท้องหลังจากที่หมดไปกับการทัวร์พระราชวังอันใหญ่โตและการถ่ายรูปอย่างบ้าคลั่ง ในห้องอาหารที่ทางมหาลัยเปิดให้เป็นส่วนสำหรับแต่ละโต๊ะไร้ซึ่งเสียงพูดคุย มีเพียงแค่เสียงตะเกียบ จวบจนอาหารอย่างสุดท้ายลงท้อง ในห้องถึงได้เริ่มมีเสียงพูดคุยอีกครั้ง

    “มาค่ายครั้งนี้คุ้มมาก กินเหลาทุกมื้อเวลาออกนอกมอ” สไบเอามือลูบท้องที่ยัดเข้าไปเต็มที่

    “จริงพี่ ปลาต้มเผือกคืออร่อยมาก เป็ดก็อร่อย” บุ้งพูดด้วยน้ำเสียงเริงร่า อาหารกับเธอน่ะมันของคู่กัน!

    “ช่วงบ่ายไปไหนต่อจำได้ปะ” แจนที่กำลังจิ้มสับปะรดเข้าปากเอ่ยถาม

    “เป็นถนนคนเดินอ่ะ หนูจำชื่อไม่ได้” ถนนคนเดินที่ป้าส้มพูดถึงก็คือ ‘หนานโหลวกู่เซียง’ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตสำหรับต่างชาติและวัยรุ่น ร้านค้ามากมายถูกดัดแปลงมาจากอาคารบ้านเรือนโดยยังอนุรักษ์ความเก่าแก่ของบ้านโบราณได้เป็นอย่างดี เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูป



    สถานที่ที่อยู่ตรงหน้าโปรดในตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของสายช้อปเลยทีเดียว สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึกมากมาย ร้านเสื้อผ้า เครื่องประดับ รวมถึงคาเฟ่สวยๆ ที่อยู่ตามตรอกซอกซอย ทางมหาวิทยาลัยนัดหมายเวลารวมตัวกันอีกครั้งตอนสี่โมงเย็น ดูจากเวลาตอนนี้แล้วพวกเธอมีเวลาเดินเที่ยวประมาณสามชั่วโมงกว่า คงกะปล่อยให้พวกเธอช้อปกันตามสบายเลยสินะ

    แก๊งคนเด็กเอะอะทั้งหลายดูจะชอบใจเป็นพิเศษกับร้านรวงน่ารักๆ มากมาย ของที่ระลึกทั้งหลายเหมือนกวักมือเรียกพวกเธอว่า ‘ซื้อฉันสิ! ’ ทำเอาบุ้งกับมิ้งหน้ามืดตามัวซื้อติดมือกลับไปหลายชิ้น สไบสาวติสท์ของเราดูจะให้ความสนใจเป็นพิเศษกับพัดลายพู่กันจีน ถามว่าอ่านออกไหม ก็ไม่ แต่มันสวยอ่ะ! ส่วนป้าส้มกำลังลังเลอยู่หน้าชั้นขายโปสต์การ์ดทำมือ ฮืออออ น่ารักมากมาย!



    โปรดละความสนใจจากเพื่อนทั้งหลาย เธอยกกล้องถ่ายรูปถนนร้านค้าที่ผสมผสานระหว่างความโบราณของอาคารกับความสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ไม่รูปว่าถ่ายไปกี่รูปแล้วเพื่อนของพวกเธอก็ยังไม่ออกมาสักที โปรดเดินไปนั่งพักขาที่ขั้นบันไดหน้าร้านที่ปิดทำการ มือเรียวก็ยังกล้องถ่ายผู้คนที่เดินขวั่กไขว่ ตาเรียวแลเห็นพริ้งกับแจนฝั่งตรงข้ามถนน ดูเหมือนสองสาวจะซื้อขนมที่หน้าตาเป็นผลไม้เสียบไม้เคลือบด้วยน้ำตาล โปรดยกกล้องถ่ายสองคนนั้นไว้

    เหมือนบัดดี้ของเธอจะรู้ว่าตัวว่าถูกแอบถ่าย เจ้าตัวส่งยิ้มหวานโบกไม้โบกมือให้เธอ โปรดได้แต่โบกมือตอบอย่างเก้ๆ กังๆ



    มีตาทิพย์เหรอ โปรดได้แต่ถามตัวเองในใจ



    “คนอื่นยังช้อปไม่เสร็จเหรอ” พริ้งที่วิ่งข้ามถนนมาเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าโปรดนั่งอยู่คนเดียว เธอหันไปพยักหน้ากับแจนที่เดินเข้าไปในร้านสมทบกับแก๊งข้างใน

    “อีกนานอ่ะ” พริ้งยิ้มขำคนที่ทำหน้าเหม็นเบื่อ เจ้าแมวยักษ์ทำหน้าเหมือนเจ้าปีโป้ของเธอเวลาที่มันเซ็ง เพราะเธอน้วยพุงกลมๆ ของมัน

    โถ่ เจ้าแมวยักษ์

    “เอาน่า อย่าทำหน้าบูดไปเลย ลองกินนี่มั้ย” พริ้งยื่นขนมในมือให้แมวยักษ์ที่ยังหน้าบูดอยู่

    “อะไรอ่ะ” แมวยักษ์จ้องๆ ดมๆ ขนมที่เธอยื่นไปให้ ท่าทางเหมือนปีโป้เป๊ะเลย



    พริ้งคิดในใจว่า เธอต้องเลิกเอาคนไปเทียบกับแมวได้แล้ว

    เอ๊ะ หรือว่าได้เพราะน่ารักเหมือนๆ กัน



    “เค้าเรีกว่า ถังหูลู่ เป็นผลไม้เคลือบน้ำตาล”

    “อ้าาา”

    พริ้งมองคนที่เธอแอบเรียกว่าแมวยักษ์ อ้าปากกว้างรอเธอป้อน เด็กคนนี้มันยังไงนะ อ้อนเก่ง แต่ก็นะเธอเองก็ตามใจเก่งซะด้วยสิ



    “อ้อนอีกแล้ว”

    “มารยา”

    “เพื่อนพี่ก็ตามใจเก่งเนอะ”



    แหมมม นังโปรด นังทัวดี! คืนนี้ต้องซักฟอกให้สะอาด เหล่าเพื่อนที่แอบมองอยู่หมายมั่นปั้นมือว่าคืนนี้จะต้องคาดคั้นโปรดให้ได้



    โปรดรู้สึกหนาวสันหลังเหมือนมีลางว่าจะเจอเรื่องโชคร้าย ปากยังคงเคี้ยวผลไม้ที่บัดดี้ป้อนให้หยับๆ




    โปรดรู้แล้วว่าโชคร้ายที่เธอคิดไว้คืออะไร เธอยืนกอดอกปรายตามองไอ้เพื่อนตัวดีทั้งหลายที่หอบหมอน ผ้าห่มมาพร้อม ยืนทุบประตูห้องเธอรัวๆ บ่งบอกให้รู้ว่าถ้าคืนนี้ไม่ได้รู้ในสิ่งที่ต้องการจะไม่กลับไปโดยง่าย


    ซวยแล้วโปรด! สัญญาณเตือนในสมองแผดเสียงรัวๆ


    “ไม่ต้องคิดที่จะไล่กู กูไม่ถอยง่ายๆ แน่! ” เป็นไอ้บุ้งเอ่ยดักทางเธอไว้ก่อน โปรดได้แต่ลอบปาดเหงื่อที่ไม่มีอยู่จริง ก่อนจะเปิดประตูให้ไอ้พวกนี้เข้ามา

    “อ่ะ ไหนว่ามาจะเสือกเรื่องอะไรอีก” โปรดถามไอ้พวกที่ยึดเตียงของเธอไปเป็นของตัวเอง ซ้ำยังแกะขนมกินบนเตียงเธออีก!

    “จะเรื่องอะไรล่ะ ก็พี่พริ้งบัดดี้มึงไงคะ” หน้าไอ้มิ้งเหมือนมีคำว่า ไม่น่าถาม แปะหราอยู่บนหน้าผาก

    “จะมีอะไร ไม่มีโว้ย! ” โปรดได้แต่เลั่กลั่กอยู่ในใจ ในขณะที่ตอบปัดไปด้วยสีหน้าที่คิดว่าเป็นปกติที่สุด

    “ตอแหล! ” บุ้งสวนด่าทันควัน โปรดคิดว่าเจ้าตัวอาจจะพุ่งมาบีบคอเธอเป็นแน่ ถ้าเธอหลบเลี่ยงไม่ยอมตอบคำถามของพวกมัน

    “กูเห็นด้วย กูสงสัยแล้วโปรดว่ามึงจะเอาไงกันแน่” ป้าส้ม! มึงด้วยเรอะ

    “ป้าส้มยังเห็นด้วย ใครๆ ก็เห็นว่ามึงน่ะ อ่อยพี่เค้า! ”



    กรี๊ดดดด!!! โปรดเบิ่งตาตกใจ ข้อหาร้ายแรงมากอีพวกบ้า! ใครอ่อยไม่มี๊! ไม่มี!

    เค้าไม่เรียกอ่อย เค้าเรียกอ้อนต่างหาก!



    “อ๊ะๆ ไม่ต้องปฎิเสธ พวกกูสังเกตกันมาสักพักแล้วจ้า” บุ้งชี้หน้าโปรดที่อ้าปากเตรียมจะเถียง

    “แหมมม พริ้งอย่างนั้น พริ้งอย่างนี้ โปรดอย่างงั้น โปรดอย่างนี้ ปกติมากมั้ง อิเวน ทำอย่างกับพวกกูไม่รู้สันดานมึงอ่ะ อิโปรด” ไอ้มิ้งพูดสอดขึ้นมาทันที แถมทำท่าประกอบได้สะบัดสะบิ้ง กวนอวัยวะเบื้องล่างเป็นที่สุด

    “ไม่...”

    “มึงขี้รำคาญจะตาย หยาบคายก็ที่หนึ่ง แต่ทำไมน้าาา คนขี้รำคาญถึงได้วอแวพี่เค้านักแถมพูดจาไพเราะเพราะพริ้ง” มิ้งยังไม่จบรีบพูดแทรกทันทีที่เห็นโปรดอ้าปากพูดได้เพียงครึ่งคำแถมมีการเน้นเสียงคำสุดท้ายด้วยนะ

    “พวกมึง...”

    “แถมมองตามเค้าตลอด พอห่างตัวก็ยืดคอหา ในกล้องน่ะมีรูปพี่เค้ากี่ร้อยรูปแล้ว” ไอ้บุ้งชี้มือไปกล้องลูกรักที่เธอวางทิ้งไว้บนโต๊ะ

    “แถมยัง..”

    “โอ๊ย!! พวกมึงพอ ให้อิโปรดมันตอบบ้าง” เป็นป้าส้มที่ทนไม่ไหว แผดเสียงขึ้นมา จิกตาใส่สองตัวที่ยิงคำถามใส่เธอไม่หยุด เมื่อเห็นว่าบุ้งกับมิ้งหุบปากแล้ว ป้าส้มก็พยักเพยิดไปทางโปรด ส่งสายตาว่า

    ตอบคำถามเดี๋ยวนี้!



    โปรดกระแอมคอ เมื่อไม่เห็นทางบ่ายเบี่ยง “ก็... พี่เค้าน่ารักดี” เธออ้อมแอ้มตอบ ก่อนจะสบสายตาสามคู่ที่สื่อว่า

    กูไม่เชื่อ

    “เออ! ก็ได้! สนใจพี่เค้ามีอะไรมั้ย!! ”



    ในเมื่อโดนคาดคั้นขนาดนี้แล้ว โปรดได้แต่หลับหูหลับตาตะโกนตอบ เธอซุกหน้าลงกับหมอน ซ่อนใบหน้าแดงๆ เตรียมใจรับคำล้อเลียนจากพวกมัน แต่ไม่ได้ยินเสียงแม้เพียงครึ่งคำ ทั้งห้องเงียบฉี่ได้ยินแค่เสียงแอร์ที่กำลังทำงาน โปรดรู้สึกสถานการณ์แบบนี้มันผิดปกติ จึงได้แต่เงียบหน้ามองพวกมันสามคนที่กำลังขมวดคิ้วใส่เธอ



    “โปรดจริงป่ะ? ” ทีอย่างนี้ทำเป็นไม่เชื่อ โปรดกรอกตาใส่ พวกมันสามคนมองหน้ากัน อึกอักๆ อยู่สักพัก ในที่สุดป้าส้มที่เป็นหน่วยกล้าตายเป็นฝ่ายเอ่ยถาม

    “แล้วพี่ปั้นอ่ะ”

    โปรดถึงบางอ้อทันที ‘พี่ปั้น’ที่ป้าส้มพูดถึงก็คือ ‘ปูนปั้น’ แฟนหนุ่มของเธอที่คบมาตั้งแต่สมัยม.ห้า ฝ่ายชายอายุมากกว่าเธอหนึ่งปี ตอนนี้ปูนปั้นเองก็อยู่ชั้นปีที่สาม คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเดียวกับพวกเธอ



    “เลิกแล้ว”

    “เชี่ย! ตอนไหน” พวกมันสามคนตกใจอย่างเห็นได้ชัด มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะโปรดเองก็เพิ่งเลิกกับฝ่ายนั้นได้เพียงอาทิตย์เดียว วันที่เธอเลิกกับปูนปั้นเป็นวันเดียวกับที่เธอเจอพริ้งที่ระเบียงตอนกลางคืนครั้งแรกนั่นแหละ

    “ถามได้เปล่า ทำไมเลิกวะ”

    “พวกมึงก็รู้ว่ากูกับพี่เค้าเฉยๆ กันมาสักพักแล้ว พี่เค้าอยากรอให้เปิดเทอมก่อนแล้วค่อยคุยกันเรื่องนี้ เค้าบอกว่าไม่อยากคุยทางโทรศัพท์ แต่กูว่าไหนๆ ก็รู้กันอยู่แล้วว่ามันจะจบยังไง กูเลยเป็นฝ่ายบอกเลิกเองเลย” โปรดอธิบาย

    เป็นความจริงที่ช่วงหนึ่งปีให้หลังมานี้พวกเธอทั้งสองคนไม่ได้รู้สึกกันแบบคนรักแล้ว ต่างฝ่ายต่างสนุกกับการใช้ชีวิตของตัวเอง และโปรดเองก็ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องผิดที่คนสองคนจะจบความสัมพันธ์ด้วยเหตุผลที่ว่า อยากใช้ชีวิตของตัวเอง



    “ส่วนกับพริ้ง กูแค่รู้สึกว่าสนใจ อยากสนิทด้วย คือมันยังไม่ได้ชอบแบบนั้น พวกมึงนึกออกป่ะ”

    พวกมันสามคนพยักหน้าช้าๆ เหมือนพยายามประมวลผลอยู่

    “สรุปว่าตอนนี้โสดแล้ว อยู่ในระหว่างทำความรู้จักกับคนอยากสนิทด้วยว่างั้น” บุ้งเป็นฝ่ายสรุปสถานการณ์

    “ถูก” โปรดยกนิ้วให้

    “โอเค! แต่มึงอ่ะก็อย่าอ้อนพี่เค้าให้มันมากนัก เดี๋ยวบางคนเค้าจะคิดว่าอ่อยเหมือนที่พวกกูคิด” โปรดย่นจมูกใส่มิ้ง มีแต่พวกมึงแหละที่คิด!

    “สรุปเคลียร์แล้วนะคะ มาค่ะ รีบกินขนมแล้วรีบไปนอนกันได้แล้ว” ป้าส้มปรบมือเรียกสติทุกคน ทั้งเธอสี่คนจัดการกับขนมตรงหน้า บทสนทนาถูกเปลี่ยนเป็นเรื่องสถานที่ที่เพิ่งไปมาวันนี้ จนกระทั่งนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนพวกเธอจึงเห็นสมควรแก่เวลาที่จะแยกย้ายกันในคืนนี้


    หลังจากส่งผู้บุกรุกทั้งหลายกลับห้องของตัวเองไปแล้ว โปรดเปิดกล้องดูรูปถ่ายที่ถ่ายไปในวันนี้ แค่รูปบัดดี้เธอก็ปาไปหลายร้อยรูปแล้ว อย่าให้ไอ้พวกนั้นรู้เชียวโดยล้อแน่! โปรดมองรอยยิ้มหวานๆ ของพริ้ง พลางคิดในใจว่า



    พริ้งน่ะเหมาะกับรอยยิ้มที่สุดแล้ว



    แต่เธอเองก็ไพล่นึกไปถึงคืนนั้น คืนที่โปรดได้เห็นว่าพริ้งเองก็มีอีกด้านที่ซุกซ่อนเอาไว้ พริ้งในวันนั้นดูเหมือนคนที่ไม่สามารถปล่อยวางเรื่องในอดีต ไม่ว่าใครคนนั้นในใจของพริ้งจะเป็นใคร แต่ดูแล้วกำแพงในใจของพริ้งคงจะหนาไม่ใช่น้อย คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสนิทกับเจ้าตัว เอาเถอะ ท่าไม่ไปโดนจุดอ่อนไหวก็คงไม่โดนไล่หรอก



    หวังว่าเราจะสนิทกันมากขึ้นนะ:)



    อีกฝากหนึ่งคนที่โปรดกำลังนึกถึงอยู่ กำลังวาดรูปเจ้าแมวยักษ์กับถังหูลู่ พริ้งอมยิ้มไปวาดไปเมื่อนึกถึงหน้าต้นแบบเจ้าแมวยักษ์ เธอกำลังคิดว่าจะวาดรูปทำเป็นบันทึก ‘เจ้าแมวยักษ์กับค่ายฤดูร้อน’ ก็น่าสนุกดี แต่คงต้องขออนุญาตคนต้นแบบซะก่อน ไม่รู้จะยอมมั้ย ดีไม่ดีเธออาจจะโดนแมวหน้าบูดข่วนกลับมาก็ได้ พริ้งอดขำไม่ได้เมื่อนึกถึงการ

    กระทำของโปรดที่เหมือนเจ้าปีโป้ของเธอแทบทุกอย่าง



    พริ้งละมือจากสมุดวาดรูป เอียงคอซ้ายขวา คลายความเมื่อยจากการนั่งวาดรูปท่าเดิมเป็นเวลานานๆ เหลือบมองนาฬิกาบนหน้าจอมือถือ

    00.41

    ดึกขนาดนี้แล้วจะนอนหรือยังนะ พริ้งที่ยังไม่รู้สึกง่วงคว้าเสื้อคลุม เปิดประตูห้องออกไปสู่ระเบียงทางเดิน รอยยิ้มหวานแต่งแต้มบนใบหน้าสวยๆ ทันทีที่เห็นใครอีกคนยืนอยู่ที่ระเบียง อีกฝ่ายเองก็หันมายิ้มให้เธอเช่นกัน

    “ดึกแล้วนะโปรด”

    “ดึกแล้วนะพริ้ง”

    พวกเธอสองคนมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “กลางวันก็เจอ กลางคืนก็เจอ จะเบื่อหน้าโปรดก่อนมั้ยเนี่ย” พริ้งส่ายหน้ายิ้มน้อยๆ ให้คนที่ทำเป็นตัดพ้อ “กลัวว่าโปรดจะเบื่อก่อนมากกว่า” โปรดยิ้มกว้าง “ไม่เบื่อหรอก โปรดอยากรู้จักพริ้งให้มากกว่านี้ต่างหาก”



    ประโยคนั่นมันอะไรกัน!! พริ้งใจเย็นเธอต้องตั้งสตินะ



    “นี่ไม่ถือว่าเรารู้จักกันอยู่เหรอ” หลังจากตั้งสติที่กระเจิดกระเจิงได้แล้ว พริ้งเอ่ยปากถามด้วยท่าทางที่พยายามเป็นปกติมากที่สุด

    “ก็แบบ...โปรดอยากสนิทด้วย” คนตัวสูงเอ่ยปากอย่างอายๆ ดวงตาที่หลุบต่ำลงเพราะเขินตอนนี้ฉายประกายออดอ้อนอย่างเต็มเปี่ยม พริ้งรู้สึกมึนไปชั่วขณะเมื่อโดนความน่ารักโจมตีใส่ ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเต้นรัว



    ทำแบบนี้เธอก็แย่สิ



    พริ้งแสร้งหันหน้ามองพระจันทร์เหมือนว่ามันน่าสนใจนักหนา ก่อนจะตอบเสียงอ้อมแอ้มว่า “อืม” เจ้าแมวยักษ์ยิ้มเผล่ทันที “ถือว่าอนุญาตแล้วนะ! ” พริ้งได้แต่คิดในใจถ้าปฏิเสธก็ใจร้ายเต็มที

    เมื่อได้รับอนุญาตเจ้าตัวก็ชวนคุยทันที พริ้งได้แต่นึกสงสัยว่าปกติโปรดพูดเก่งขนาดนี้เลยเหรอ อาจจะเป็นเพราะเวลาอยู่รวมแก๊งกันมักจะโดนขาเม้าท์อย่างบุ้งกับมิ้งแย่งพูดมากกว่า


    “นี่แล้วปกติเวลาพริ้งกลับหอแล้วทำอะไรมั่งอะ”

    “แล้วโปรดล่ะ ทำอะไรบ้าง” พริ้งไม่ตอบแต่เป็นฝ่ายถามกลับ คนถูกถามนิ่งคิดไปแป๊บหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบ

    “ก็วิดีโอคอลคุยกับย่า ถ้าไอ้พวกนั้นมาห้องก็กินขนมนั่งเม้าท์กัน แต่ปกติโปรดจะนั่งแต่งรูปมากกว่า”

    “มีรูปพริ้งมั้ย ขอรูปด้วยสิ” โปรดมองคนตรงหน้าที่ตาฉายแววรู้ทันว่ายังไงต้องมีรูปเจ้าตัวอยู่ในกล้องของ

    โปรดแน่ๆ มีสิ! มีเยอะด้วย ให้ทำอัลบั้มเลยยังได้!


    “อื้ม มีสิ ไว้เดี๋ยวโปรดส่งให้นะ” โปรดแอบนึกในใจว่าคราวหน้าต้องแอบถ่ายให้เนียนกว่านี้หน่อย แต่เธอจะแอบถ่ายไปทำไมในเมื่อเธอขอให้พริ้งเป็นแบบให้ตั้งแต่แรกแล้ว

    “แล้วสรุปพริ้งทำอะไรบ้าง ยังไม่ตอบเลย” พริ้งมองคนที่เอ่ยน้ำเสียงงอนๆ อย่างเอ็นดู

    “ก็วาดรูปพวกอาหาร สถานที่ที่ไปมา”

    “เฮ้ยย อยากเห็นอ่ะ”

    “อยากเห็นเหรอ? ” พริ้งถาม

    “อื้อ!! ” คนถูกถามพยักหน้าแรงๆ พริ้งยิ้มหวานกว่าปกติ

    “ก็ได้...”

    .

    .

    .

    .

    “มาดูในห้องพริ้งสิ”






Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in