ในปี ค.ศ. 2015 มีนักเดินทางโดยสารรถไฟสายดังกล่าว จำนวนสูงถึง 1,200,000 คน แต่กว่าทางรถไฟสายโรแมนติกจะประสบความสำเร็จเช่นนี้ ทางรถไฟสายนี้ก็ผ่านอะไรมาไม่น้อยเช่นกัน
ในอดีตทางรถไฟสายโรแมนติกเป็นส่วนหนึ่งของแนวเส้นทางเชื่อมระหว่างเมืองเกียวโตกับเมืองอื่นๆ ทางตอนเหนือ ของบริษัท Kyoto Railway ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1899 ก่อนที่การรถไฟของประเทศญี่ปุ่น (Japanese National Railways (JNR) จะมาซื้อกิจการในปี ค.ศ. 1907
ต่อมาได้มีการสร้าง JR Sanin Main Line ขึ้นในปี ค.ศ.1989 ซึ่งเป็นเส้นทางใหม่ที่สั้นกว่า ตรงกว่า เป็นทางคู่ และไม่ต้องลัดเลาะตามทิวเขาเช่นสายเดิม เพื่อให้การเดินทางมีความรวดเร็วมากขึ้น บริษัท West Japan Railway (JR West) จึงเข้ามาดำเนินกิจการรถไฟสายนี้ และยกเลิกเส้นทางเก่าไป
ในปีต่อมา ค.ศ. 1990 บริษัท JR West ได้ตั้งบริษัทลูกขึ้นมาใหม่ซึ่งก็คือบริษัท Sagano Scenic Railway Co., Ltd. เพื่อทำการฟื้นฟูเส้นทางรถไฟเก่าให้เป็นรถไฟสายท่องเที่ยวนี้ขึ้น โดยช่วงเริ่มต้นบริษัทมีเจ้าหน้าที่อยู่เพียง 9 คน เท่านั้น และด้วยเงินลงทุนที่มีมูลค่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐ จึงถูกใช้ไปในการก่อสร้างสถานีตามแนวเส้นทางขึ้นมาใหม่ ปรับปรุงรางให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับ JR West จัดซื้อหัวรถจักรและตู้โดยสาร ทำให้ทางรถไฟสายโรแมนติกกลับมามีชีวิตขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
แต่การปรับปรุงดังกล่าว ก็พบอุปสรรคพอสมควร โดยเส้นทางรถไฟสายโรแมนติก มีแนวเส้นทางช่วงหนึ่งที่ต้องใช้รางร่วมกับรถไฟชานเมืองของ JR west ซึ่งมีเทคโนโลยีระบบอาณัติสัญญาณที่ทันสมัยกว่า การที่จะปรับปรุงระบบอาณัติสัญญาณของทางรถไฟสายโรแมนติกให้มีความทันสมัยเท่าเทียมก็ต้องใช้เงินลงทุนที่สูง แต่จะไม่ทำอะไรเลย ผู้โดยสารก็จะไม่ได้รับความปลอดภัย จึงประชุมร่วมกับ JR west โดยมีแนวทางให้ ขบวนรถไฟสายโรแมนติก เมื่อใดต้องการผ่านเส้นทางร่วม ผู้บังคับขบวนรถต้องแจ้งผ่านระบบสื่อสารมายังสถานีต้นทาง ซึ่งควบคุมเส้นทางช่วงดังกล่าวให้หยุดขบวนรถอื่นที่จะเข้ามา นับได้ว่าเป็นแนวคิดที่ชาญฉลาด ภายใต้เงินลงทุนที่จำกัด และความร่วมมือของบริษัทรถไฟด้วยกัน
หลังจากทางรถไฟสายโรแมนติกเปิดให้บริการ มีแนวคิดที่จะปลูกต้นซากุระ และประดับไฟตกแต่งตามแนวสายทาง เพื่อกระตุ้นรายได้ให้สูงขึ้น จากการซื้อบัตรโดยสารของนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และใบไม้ร่วงอีกด้วย
ความสำเร็จ สามารถเห็นได้จากจำนวนผู้โดยสาร ซึ่งในปี ค.ศ. 1991 มีจำนวนผู้โดยสารอยู่ที่ 690,000 คน และสูงขึ้นจนในปี ค.ศ. 2015 มีจำนวนผู้โดยสารสูงถึง 1,200,000 คน
จะเห็นได้ว่า คนญี่ปุ่นมีความเก่งในแนวคิดการพัฒนาและปรับปรุงสิ่งที่ด้อยมูลค่า หรือถูกปล่อยละเลยให้กลับมามีมูลค่า และสร้างรายได้ขึ้นมาใหม่ เป็นอย่างยิ่ง
และด้วยความเก่งดังกล่าว จึงผลักดันให้ประเทศที่เคยพ่ายสงคราม กลับมายืนด้วยขาตัวเองได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ
ที่มา The Seeds of Success: Kyoto’s Sagano Scenic Railway
ติดตาม FB : https://www.facebook.com/Thinking-Deposit
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in