"Every time you lie in my place.~~~"
เครื่องปรับอากาศคำรนครืนๆดังมาจากห้องเก็บเสียง เป็นสิ่งแรกที่ชำแรกเข้ามาในโสตประสาทของผม ผลัดจากภวังค์เข้าสู่ความเป็นจริงที่มืดบอดไม่ต่างกัน แหงสิ... ไม่ได้เปิดไฟนี่
ลมจากเครื่องปรับอากาศเหยียบความอบอ้าวที่เคยมีในห้องด้านหลังนี้ไว้ แทนที่ด้วยความหนาวเย็นแทรกซึมเข้าถึงกระดูกดำ กระดูกฟันผมกระทบกันกึกๆ มือผมที่เลื่อนไล่ไปสัมผัสไหล่คนตัวเล็กที่นอนขดใต้ผ้าห่มขี้งาอยู่ข้างๆ จับสัมผัสเนื้อหนังสั่นเทาที่ร้อนผ่าวราวเครื่องยนต์ที่ทำงานมากไป
จนไม่เสถียร ผมจึงสอดวงแขนเข้ารับร่างเล็กไว้ในอ้อมกอดเพื่อส่งทอดไออุ่น ร่างนั้นตอบรับโดยการคลายขดให้อยู่ในท่าสบาย
กลิ่นโคโลญของคนในอ้อมแขน เนื้อนิ่มที่เบียดกับข้อต่อ และการมอบไออุ่น ทั้งหมดนี้ปลอบประโลมจิตวิญญาณที่แตกสลายของผม
"I do want to say. ~~~"
"มึงว่า เค้าจะรับเหตุผลกูได้มั้ย... ที่มันเป็นอารมณ์ส่วนตัวของกู"
"คนที่เห็นความสำคัญของความรู้สึกมึง จะรับได้"
"กูแม่งเห็นแก่ตัว"
"มึง บางครั้งหนทางที่จะไม่ทำชั่วต่อคนอื่น คือการทำดีต่อตัวเองเว้ย"
"It's you, you my babe~~~"
ผมลุกขึ้น เดินไปที่ห้องเก็บเสียง ปิดสวิตช์เครื่องปรับอากาศ เปิดม่าน แสงแดดยามเจ็ดโมงเช้าทอทอดเข้ามาเป็นลำ เสมือนเป็นหนทางรอดที่พระเยซูมอบแด่มวลมนุษย์ทุกผู้รวมถึงคนถ่อยเช่นผม ...เอาล่ะ ทีนี้เจ้าเครื่องยนต์จะได้เลิกสั่นซักที
ผมเดินเวียนไปนั่งเก้าอี้ข้างหลังกระบอกไม้ขึงหนังที่ประจำ แล้วบรรเลงเพลงรำไม้ให้สำเนียงแห่งชีวิตชีวาเป็นสัญญาณปลุกความหลับใหลในห้องข้างหลัง แสงแดดที่กระทบทองเหลืองทอประกายเปี่ยมความหวัง
ผมเงยหน้าขึ้นเมื่อจบขบวนเพลง เขายืนอยู่ตรงประตู
"I won't be too late."
"มึงรอโอกาสต่อไปเรื่อยๆอย่างนี้ มีค่าเท่ากับมึงพลาดโอกาสนะรู้ตัวป่ะ"
"ถ้าให้มึงเลือกทิ้งของที่มึงรักสองสิ่ง เวลานั้นมึงจะรู้เองว่า เลือกยื้อดื้อแพ่งต่อไป ง่ายที่สุด"
V/A/V/A/V/A/
"Jinji don't you cry.~~~"
ผมเห็นน้ำตา(จากการหาว)สะท้อนจากหางตาของคนตัวเล็ก "โอ๋... โถๆ ตกใจเสียงกลองสะดุ้งตื่นร้องไห้แงเลยเหรอ 555" ผมวาดไม้วาดมือยวนยี
"ไอบ้าอย่ามากวนตีน! แล้วตียาพิษปลุกกันแบบเนี้ยไม่เกรงใจกูที่กำลังฝันดีเลยนะ"
"ฝันถึงอะไรอะ? ถ้าฝันถึงของกินที่ทำให้มึงเป็นเบาหวานประเภทที่ 2 นี่ไม่นับว่าเป็นฝันดีนะ-"
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in