เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
LUGHTSABERon_going_
LIGHTSABER

  • *เคยแต่งไว้ตอนร่วมโปรเจคชานซู*


    TITLE : LIGHTSABER

    PAIRING : CHANYEOL x KYUNGSOO

    THEME SONG : LIGHTSABER - EXO



    1.




    เจ้าผู้ปกครองจงฟังข้า ในช่วงเวลาที่แผ่นดินนี้ถูกปกคลุมด้วยความมืดมิดเมื่อใดขอให้เขาใช้สติให้มาก จะมีผู้นำแสงสว่างเข้ามาช่วยให้แผ่นดินนี้พบเจอความสว่างอีกครั้ง

     

     

    “นี่เป็นศพที่สามของสัปดาห์แล้วนะครับ”

    “อืม..”

    “การกระทำอุกอาจแบบนี้ถ้าเราไม่ทำอะไรสักอย่างประชาชนที่เสียขวัญอาจจะขอลี้ภัยไปรวมตัวกับดาวข้างเคียงได้นะครับ”

     

    เสียงถอนหายใจที่ไม่ปรากฏขึ้นได้บ่อยของคนหนุ่มข้างตัวทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะจ้องมองเสี้ยวหน้านั้นแม้มันจะเป็นการกระทำที่ไม่สมควรเท่าไหร่ใบหน้าค่อนข้างกลมมนเนียนใสทอประกายเครียดขึงออกมาคิ้วสวยเข้มขมวดมุ่นราวกับว่าจะแบกรับปัญหานี้เองแต่เพียงผู้เดียว

     

    “เราอาจจะต้องทำแบบนั้นเพื่อความปลอดภัยของประชาชน”

    “แต่ท่านครับ!!....” เสียงร้องอย่างตกใจของเขาดังไปทั่วบริเวณหากแต่กลับไม่มีผู้ใดเปิดประตูออกมากด่าทอกับเสียงนั้นแม้จะเป็นช่วงเวลาดึกดื่นค่ำคืนแล้ว

    “จัดการตามหาญาติให้ศพนี้เสร็จแล้วไปพบเราที่ห้องเอกสารเรามีเรื่องไหว้วานเจ้าอีกหนึ่งอย่างก่อนหมดวันนี้เรามีเรื่องต้องรีบจัดการให้เสร็จ”

     

    “ท่าน...”

     

     

    รู้ดีว่าคำพูดของตัวเองไม่มีกำลังมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดของท่านผู้นั้นและในสถานการณ์แบบนี้สิ่งที่ท่านกำลังคิดจะทำมันอาจจะส่งผลดีกับประชาชนที่ท่านรักก็ได้แต่ถ้ามีพรศักดิ์สิทธิ์สักข้อให้ขอเขาก็อยากร้องขอให้ท่านผู้นั้นพบเจอแสงสว่างดังคำทำนายสักที

     

     

     

    นิ้วเรียววาดไปตามรอยขอบสันหนังสือ ในห้องเอกสารที่มีรายชื่อหนังสือเก่าแก่มากมายแห่งนี้คือสถานที่ที่เขารู้สึกสงบใจทุกครั้งที่ได้เข้ามาการอ่านบันทึกของบรรพบุรุษช่วยให้เขาสามารถเอาหนทางแก้ไขนั้นมาประยุกต์ใช้กับปัญหาที่เขาเจอแต่ครั้งนี้ เมื่อสองปีที่ผ่านมานี้กลับไม่มีบันทึกของบรรพบุรุษเล่มใดสมัยใดจะเคยพบเจอ

     

     

    ช่วงเวลาที่แผ่นดินไร้แสงสว่าง

     

     

    เป็นไปตามคำทำนายของผู้ปกครองรุ่นก่อน

     

     

    เขาที่ไม่มีประสบการณ์มากพอก็ไม่รู้ว่าเรื่องราวเช่นนี้จะแก้ไขอย่างไรเขาไม่อยากถูกสลักชื่อในทำเนียบตระกูลว่าเป็นผู้นำคนสุดท้ายของดาวเคราะห์ดวงนี้แต่ความปลอดภัยของประชานชนก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำเฉยได้ หากมันจะสิ้นสูญจริงอย่างน้อยๆก็ขอให้เขาได้ช่วยพลเมืองของตัวเองให้ปลอดภัย ในวันข้างหน้าที่โชคจะเข้าข้างเขาอาจจะจัดการกับปัญหาเหล่านี้และสามารถเรียกคืนความเชื่อมั่นจากประชาชนให้กลับมาคืนสู่แผ่นดินเดิมอีกครั้งก็เป็นได้

     

     

     

    ปากกาคอแร้งถูกจุ่มลงบนขวดน้ำหมึกก่อนจะถูกตวัดเป็นตัวอักษรตามแต่ผู้ที่ถือมันจะร่างเขียนไปข้อความยาวเหยียดเป็นหน้ากระดาษบอกถึงสิ่งที่ผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินกำลังแสดงเจตนารมณ์ลงบนกระดาษข้อความเหล่านี้ถูกถ่ายทอดลงบนม้วนกระดาษสองฉบับใจความของม้วนกระดาษทั้งสองนั้นมีความหมายเหมือนกันทุกประการแม้กระทั่งรอยตวัดปากกาเซ็นรับรองตรงท้ายจดหมายยังเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน

     

     

    ลงนามรับรอง

    โด คยองซู

     

     

     

    มันเป็นความตั้งใจแน่วแน่แล้วของเขา การยืนหยัดบนผืนแผ่นดินตามที่ผู้ปกครองคนก่อนสั่งเสียไว้เขายังคงจะทำหน้าที่นั้นอย่างสุดความสามารถหากแต่นั่นต้องไม่ส่งผลเดือดร้อนถึงพลเมืองของเขาเช่นกัน

     

     

     

    ก๊อก ก๊อก

     

     

     

    “กระหม่อมมาแล้วครับ”

    “อืม...ช่วยหน่อยนะ ส่งมันให้ถึงมือผู้นำทั้งสอง”ชายหนุ่มที่นั่งสุขุมอยู่บนเก้าอี้ที่ดูเก่าซีดด้วยด้วยที่มันเป็นของตกทอดมาจากผู้นำรุ่นก่อนๆเลื่อนม้วนกระดาษที่มัดปิดผนึกด้วยริบบิ้นสีแดงเลือดหมูมาตรงหน้าผู้รอรับคำสั่ง

    “....แน่ใจแล้วหรือครับที่จะทำเช่นนี้?”

     

     

    ไม่มีเสียงตอบรับจากผู้ที่อยู่เบื้องหน้าบนเก้าอี้ไม้สวยตัวนั้นผู้รับใช้ไม่ได้ต้องการจะคาดคั้นเอาคำตอบเพียงแค่อยากถามเพื่อย้ำกับตนเองถึงการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะมาถึงยามที่จดหมายพวกนี้ถูกเปิดอ่านท่านผู้ปกครองวัยเยาว์ได้ทำหน้าที่ยืนหยัดสุดความสามารถแล้ว และเขาควรหยุดถามย้ำสิ่งใดเพื่อแสดงถึงความกังขาในการตัดสินใจของอีกฝ่ายได้แล้วคิดดังนั้นร่างที่ถือเอกสารสำคัญไว้ในมือก็โค้งตัวออกไปทำหน้าที่ที่ตนได้ถูกไหว้วานนั้นทันที

     

     

    สิ้นเสียงปิดประตู ผู้ปกครองก็ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปที่หน้าต่างจ้องมองท้องฟ้าที่มืดมิด ยามนี้ท้องฟ้าในเมืองยิ่งดำมืด เงียบเหงาและน่ากลัวกว่าเดิมเสียอีก

     

     

     

    กล้องส่องทางไกลถูกดัดแปลงให้มีความสารถที่เกินตัวกว่าความชัดเจนจริงๆของมันจะทำได้ถูกส่องผ่านดูความเคลื่อนไหวรอบดาวโดยบุคคลที่ถูกวางให้เป็นกำลังสำคัญหากผู้นำคนปัจจุบันวางมือชายหนุ่มรู้สึกขัดใจทุกครั้งยามที่ส่องมันไปเห็นสุดเขตแดนของตัวเองที่อยู่ติดกับดาวเคราะห์ข้างเคียงนั่นทั้งๆที่สองอยู่ห่างกันแค่เพียงสองดาวเคราะห์กั้นแต่ทำไมสภาพเมืองอีกฝั่งถึงได้เหมือนเมืองปิดไปทุกที

     

     

    “ส่องไปก็ไม่เห็นสิ่งใด ก็ยังจะส่องอยู่ทุกวันนะเจ้า”

    “ที่แห่งนั้น...ใกล้จะเหมือนเมืองปิดเข้าไปทุกที”

    การสนทนาของชายสองคนเป็นไปในเรื่องเดียวกันแต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวเองสักเท่าไหร่

     

     

    “อืม...หากยังเป็นสภาพแบบนี้ไปเรื่อยๆไม่แคล้วจะถูกชิงอำนาจเข้าสักวัน”ชายที่ใบหน้าประดับด้วยริ้วรอยเอ่ยขึ้นแล้วถอนหายใจอย่างรู้สึกใจหายแม้ว่าดาวข้างเคียงจะไม่ใช่มิตรสหายที่แท้จริงด้วยที่เราทั้งสองดวงดาวไม่มีสงครามกันมานานแล้วเพราะเมื่อทำสนธิสัญญาสงบศึกต่อกันในสมัยผู้ปกครองรุ่นเก่าก่อนทั้งสองก็อยู่อย่างปกติสุขมาตลอด ไม่ก้าวก่ายกัน และยิ่งเมื่อเริ่มเข้าสู่ยุคสมัยใหม่การล่าอาณานิคมก็เบาบางลงไปด้วยตัวผู้นำฝั่งนี้เองก็ไม่ใช่ผู้นำฝ่ายบู้สักเท่าไหร่ ยิ่งเมื่อได้รู้ถึงใจความเอกสารเมื่อเช้าที่ถูกส่งด่วนมาให้ผู้ปกครองที่นี่ก็รู้สึกเห็นใจผู้นำฝ่ายนั้น

     

     

    เนื้อหาภายในบอกเล่าเรื่องราวคำขอลี้ภัยให้แก่ประชาชนที่ต้องการ

     

     

    “ท่านผู้นำว่าอย่างไรอยากได้มันหรือไม่” บุตรชายถาม

    “มิอยาก...แต่อยากให้พวกเราไปสืบดูที่นั่นเสียหน่อย”

     

     

     

     

    ก็ไม่ถือว่าเป็นคำตอบที่น่าแปลกใจนักเมื่อถามออกไป ตัวเขาก็ใช่ว่าอยากไปสู้รบกับดาวดวงอื่นเพื่อช่วงชิงให้ใครสักเท่าไหร่ที่จริงเมื่อก่อนตัวเขายังเคยแอบหนีบิดาไปเที่ยวเล่นเสียบ่อย ยังเคยได้เห็นผู้ปกครองคนปัจจุบันยามที่ยังไม่ขึ้นปกครองแผ่นดินนั้นเลย

     

    เขายังจำความรู้สึกได้ดีความรู้สึกที่เหมือนถูกสะกดให้ร่างกายสูงยาวของตัวเองนั้นอยู่นิ่งกับที่ ทุกอย่างรอบตัวเหมือนหยุดการเคลื่อนไหวมีแต่คนผู้นั้นที่ยังคงส่งยิ้มสว่างไสวให้ประชาชนของตัวเองอยู่เบื้องหลังผู้นำคนก่อนเป็นภาพที่ยังจดจำได้ถึงตอนนี้ เสียดายที่ตอนนั้นเขาไม่ได้พกสิ่งใดเพื่อบันทึกภาพประทับใจนั้นแต่ถึงเอาไปก็ไม่แน่ใจว่าได้รับอนุญาตให้ถ่ายเก็บไว้รึเปล่า

     

    “เจ้าไปแล้วกันชานยอล”

     

    รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ถอดแบบตัวเขาในสมัยหนุ่มมาแบบไม่ผิดเพี้ยนไม่ต้องหาคำตอบให้ก็พอรู้ว่าเจ้าลูกชายตัวดีจะเข้าไปด้วยวิธีไหนเขาไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วลูกชายคิดอะไรอยู่ในหัวเหมือนจะอ่านการกระทำออกแต่ก็อ่านความคิดไม่ออกที่เขาบอกเลี้ยงลูกได้แต่ตัวนี่คงไม่ไกลความจริงสักเท่าไหร่

     

     

     

     

     

    ลูกชายผู้นำองค์กรค่อนข้างจะกว้างขวางในเรื่องผู้คนเพื่อนฝูงที่คบอยู่ใช่แค่คนในดาวเคราะห์เดียวกันเท่านั้นพูดได้ว่าดาวรอบๆนี้เขามีคนรู้จักตั้งแต่คนไร้บ้านไปจนถึงพวกลูกหลานทหารในราชการวัยใกล้เคียงกันการจะเข้าเมืองใดสักเมืองแบบไม่เผยตัวตนจึงไม่ใช่เรื่องยากนักที่จะทำ

     

     

    “อันที่จริงถ้าพี่เข้ามาที่นี่โดยใช้ข้อมูลจริงก็สามารถเข้าได้สบายๆอยู่แล้วผู้ปกครองคนปัจจุบันคงแทบเปิดท้องพระโรงต้อนรับท่าน”

    “ก็ไม่ได้บอกว่าอยากได้การต้อนรับแบบนั้นสักหน่อย”

    “แปลกคน”

    “ไม่ชินอีกเหรอ?”

     

    คำตอบแบบถามกลับของรุ่นพี่ที่สนิทกันทำให้โอเซฮุนแทบจะคว่ำปากลงเขาไม่ค่อยชอบบทสนทนาที่แฝงนัยยะบางอย่างของปาร์คชานยอลเลย ด้วยความที่เป็นคนไม่ชอบการขบคิดอะไรที่มันจะแยกไปสู่ความหมายที่สองที่สามพวกลูกหลานผู้นำมักสื่อสารอะไรที่กำกวมและยุ่งยากต่อการตีความเสียจริง

     

    “พี่จะอยู่นานแค่ไหนอ่ะ ช่วงนี้สถานการณ์ที่นี่ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่”เป็นไปได้เซฮุนก็อยากให้ชานยอลรีบกลับๆดาวของตัวเองไปซะ

    “ยังไม่ได้คิด...แต่ช่วยเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่นี่ให้ฟังหน่อยสิ”

    “เห็นว่าเป็นพี่นะ ไม่งั้นผมไม่มีทางเล่าเรื่องราวของดาวตัวเองให้คนนอกฟังเด็ดขาด”

     

     

    ช่วงขายาวก้าวเดินไปตามทางเดินในเมือง ขนาดเป็นเขตในตลาดที่คาดว่าอย่างน้อยๆก็คงพอจะได้เห็นการออกมาจับจ่ายซื้อของบ้างนะแต่ความจริงที่เห็นกับตานั้นช่างดูเงียบเหงาแทบจะร้างผู้คนที่จะเห็นอยู่ก็เป็นร้านที่ทำแค่ติดป้ายไว้หน้าประตูว่าเปิดเท่านั้นชายหนุ่มผู้มาเยือนจากต่างโลกกระชับเสื้อคลุมให้มิดชิดขึ้น ยิ่งเดินไปเรื่อยๆตามทางเดินยิ่งร้างผู้คนมันเงียบจนคนไม่กลัวอะไรอย่างเขาเริ่มกังวลไม่นึกว่าสถานการณ์ที่นี้จะระอุและน่ากลัวเช่นนี้

     

     

    “เกิดสงครามกลางเมืองในแผ่นดินนี้ แบ่งเป็นสองฝ่ายพวกทหารที่ยืนหยัดอยู่ข้างผู้นำคนใหม่ กับพวกที่ไม่เชื่อมั่นที่จริงผมว่าเหตุผลพวกนี้คืออยากโค่นล้มผู้นำแล้วเปลี่ยนการปกครองเป็นคนจากฝ่ายทหารซะเอง”โอเซฮุนมองรุ่นพี่ที่นับถือก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องต่อ

     

    “พวกฝั่งไม่เห็นด้วยยกเหตุผลมาว่าผู้ปกครองคนใหม่ไม่สามารถจัดการปัญหาเรื่องดินแดนพิพาทให้สำเร็จได้ละยังบอกอีกว่าเพราะผู้นำยังเด็ก ยังไม่เหมาะกับการขึ้นนำในตอนนี้”

     

    “ยี่สิบสี่แล้วเนี่ยะนะยังเด็ก”ชานยอลถาม

     

    เด็กหนุ่มรุ่นน้องทำเพียงแค่ยักไหล่ใส่“ผมได้ยินมาจากพ่อว่าผู้ปกครองคนก่อนกว่าจะได้นั่งบนบัลลังก์ก็ปาเข้าไปเกือบสี่สิบชันษาแล้วนะ”ชานยอลขมวดคิ้วมุ่นไม่เข้าใจสถานการณ์บ้านเมืองที่นี่เสียเท่าไหร่ ถ้าเป็นดาวที่เขาประจำอยู่ตอนนี้คงสั่งจัดการแบบเด็ดขาดไปแล้ว

     

    “ผู้นำคนใหม่ดูเป็นพวกที่ไม่นิยมการใช้กำลังเสียด้วยสิ” เซฮุนว่า

    “....”

    “เห้ย!!! พี่จะไปไหนอ่ะ?!!

     

     

     

     


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in