หนังสือดีเล่มที่สองของปีและเป็นเล่มที่สามในชีวิตที่เก็บต่อจาก "Your Name"
อดแปลกใจกับตัวเองไม่ได้เพราะไม่คิดว่าปีนี้แค่ต้นปี ได้อ่านหนังสือดีๆไปแล้วสองเล่ม หลายๆปีที่ผ่านมา กว่าจะเก็บเล่มแรกและกว่าจะเก็บเล่มที่สอง แล้วเล่มที่สามก็ตามมาในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน
อ่านหนังสือมาก็หลายปี หนังสือผ่านมือผ่านสายตาเป็นพันเล่ม เล่มนี้เป็นเล่มแรกที่เนื้อเรื่องไม่เหมือนเล่มไหนๆ ยังประหลาดใจว่าคนแต่งเขียนออกมาได้อย่างไร คิดได้อย่างไร เก่งจริงๆ
"พรุ่งนี้ ฉันจะเดทกับเธอ คนเมื่อวาน"
ขอพยายามเขียนออกมาโดยไม่กล่าวถึงเนื้อหาหรือสปอยล์คนที่ยังไม่ได้อ่าน เพราะไม่งั้นคงทำให้อารมณ์ ความรู้สึกของการอ่านลดลงไปเยอะเลย
อันที่จริงเริ่มอ่านมาได้นิดหน่อยเมื่อต้นสัปดาห์ วันหยุดได้ใช้เวลาช่วงขี้เกียจๆ ไม่ได้ออกไปไหน อ่านที่เหลือแบบรวดเดียว
...วางไม่ลง อ่านไปๆยิ่งพีคไปเรื่อยๆ ที่พีคสุดๆ อ่านไปแล้วเพลงที่เปิดฟังไปด้วยของ บอดี้สแลม
งมงาย..."เนิ่นนานเท่าไรไม่รู้ที่รอเธอ ฉันจำไม่ได้ ที่จำได้ดีคือฉันมีเพียงเธอ แม้นานสักแค่ไหน..."
หวั่นไหว..."ไม่อยากจะเหลียว มอง ฉันคอยบอกตัวเอง แต่ยังทำไม่ได้ ไม่อยากจะสน ใจ ก็รู้ว่าไม่มีทาง แต่ก็ไม่รู้ต้องทำอย่างไร..."
ความเชื่อ..."เธอ แล้วเธอกับฉันก็เจอกัน ความหวังมีอีกครั้งในใจฉัน เจ็บช้ำมาอย่างนั้น แต่ฉันยังจะขอลองอีกสักทีจะร้ายดีอย่างไร สุดท้ายถ้าเธอนั้นมองผ่าน ถ้าฉันไม่มีใครต้องการ อย่างน้อยมันก็คุ้ม จะทุ่มเทให้มันรู้ไป..."
แค่หลับตา..."เก็บเรื่องราววันที่มีแต่เรา ในหัวใจยังไม่ลืมเลือน ฟ้าครามสดใส หัวใจที่งดงาม ภาพความรัก เปลี่ยนชีวิตเราให้แสนเบิกบาน เมื่อเธอยิ้มโลกช่างสวยงาม ขอเพียงขอบคุณทุกวันที่แสนดีที่ฉันมีเธอ..."
มันมาพอเหมาะพอเจาะกับเนื้อเรื่องที่อ่านหน้านั้นพอดี เหมือนโดนหมัดฮุคเข้าจังๆ
เนื้อเรื่องดีอ่ะ มันอิ่มเอม ปลื้มปริ่มนะ ไม่ได้ทำให้รู้สึกเหงาหรือโดดเดี่ยว แค่รู้สึกหวิวๆและรู้สึกว่าโลกนี้สวยงาม
ด้วยความที่เคยใช้ชีวิตช่วงสั้นๆที่ประเทศญี่ปุ่น เคยทำงานกับคนที่โน่น มีเพื่อนเป็นคนญี่ปุ่น ทำให้นึกถึงบรรยากาศตอนนั้น ผู้คน อุปนิสัยใจคอ สภาพบ้านเมือง ถนนหนทาง วัฒนธรรม ชีวิตความเป็นอยู่ ทำให้อิน
มีโอกาศจะกลับไปเยี่ยม
ความรู้สึกอีกอย่างคือ ชีวิตบางทีมันอาจจะไม่ได้ยืนยาวนัก มันไม่มีเหตุผลที่จะต้องพยายมอยู่หรือทำในสิ่งที่ไม่มีความสุข จริงอยู่ที่ไม่มีใครสามารถมีความสุขได้ตลอดเวลา มันผสมปนเปกันไปทั้งสุขและเศร้า แต่สัดส่วนของความสุขมันควรจะมากกว่ามิใช่หรือ
และจริงอยู่ที่หน้าที่และความรับผิดชอบทำให้ต้องดำเนินชีวิตด้วยความอดทน แต่บางครั้งคนเราก็ต้องตัดสินใจที่จะเดินออกไป หาก ณ ที่ตรงนั้นไม่ได้ทำให้สัดส่วนของความสุขมีมากกว่า
แน่นอนว่าชีวิตเป็นของเรา เราตัดสินใจเอง หลายๆครั้งเส้นทางก็ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวัง เมื่อตัดสินใจผิดพลาด ก็ไม่แปลกหรือเสียหายที่จะเดินถอยหลังออกมา
คนรอบข้าง ปัจจัยภายนอกอาจเป็นส่วนประกอบ แต่ขอให้ส่วนประกอบส่วนใหญ่เป็นตัวของเราเอง ควบคุมมันให้ได้มากที่สุด
บางทีนี่อาจจะเป็นสัญญาณเตือนครั้งที่สองก็เป็นได้ว่าชีวิตหาความสุขให้เยอะๆ แม้กับเรื่องธรรมดาๆประจำวันหรือเรื่องเล็กๆน้อยๆ ไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้เวอร์วังอลังการถึงจะสนุกหรือมีความสุขกับมัน
บางทีนี่อาจจะเป็นสัญญาณเตือนครั้งที่สองก็เป็นได้ ที่เตือนให้ตัดสินใจซะที เริ่มต้นลงมือทำซะที เผชิญหน้ากับมัน ด้วยความมุ่งมั่น แน่วแน่
แล้วมันก็จะผ่านไป ด้วยดี
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in