เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เสียงส่งสารอ่าน-คิด-เขียน
เสียงส่งสาร EP.04 "ถ้าหาก"แมวยังอยู่ในบ้าน : ถอดรหัส what if กับความตายของแมว


  • "ถ้าหาก..."––โครงสร้างประโยคแบบแรก ๆ ที่มักจะถูกหยิบยกขึ้นมาใช้เมื่อของรักของหวงหายไป เมื่อเหตุการณ์ใดที่ยากเกินกว่าจะรับมือได้ปรากฏขึ้นให้สัมผัสและกระทบกระทั่ง อ่าน-คิด-เขียนชวนฟัง podcast ที่จะพาคุณไปถอดรหัสโครงสร้างประโยคผ่านชื่อเรื่องและการดำเนินเหตุการณ์ในเรื่องสั้น "ถ้าหากแมวยังอยู่ในบ้านนี้..." ผลงานของปนัสยา ศิริวัฒน์ จากรวมเรื่องสั้นชุด เรื่องเล่าจากฟากหนึ่งของแรงดึงดูด โดย นักเรียนเขียนเรื่อง

    นอกจากชวนคุยถึงเรื่องสั้นแล้ว เรายังชวนพูดคุยถึงความหมายของ "ถ้าหาก..." ในภาพยนตร์และในโลกความเป็นจริง เมื่อประโยคนี้กลับกลายมาเป็นสิ่งที่เยียวยาหรืออย่างน้อยก็เป็นกันชนสำคัญทางจิตใจเมื่อเราไม่อาจรับเรื่องที่หนักหนาเหล่านั้นได้...

    สร้างสรรค์ผลงานโดย "แพรว" ธนกร เกตุแก้ว, "แพร" พุทธิดา เสมสาร 
    และ "โอส" ปิติพน ตันสุวรรณโสภณ 

    ผลงานสร้างสรรค์จากรายวิชา “นวนิยายและเรื่องสั้น" ปีการศึกษา 2564 
    เผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางวิชาการเท่านั้น ไม่อนุญาตให้ทำซ้ำหรือดัดแปลง

    © สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ. 2558  

    บรรณานุกรม
    - นักเรียนเขียนเรื่อง. เรื่องเล่าจากฟากหนึ่งของแรงดึงดูด. กรุงเทพฯ : จรัลสนิทวงศ์การพิมพ์, 2564. 

    อ่านฟรี e-book ได้ที่ https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=146193
    (ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Meb แล้วค้นหาชื่อหนังสือ ก็สามารถโหลดอ่านฟรีได้เลยค่ะ)


  • สะท้อนย้อนคิดลังการฟัง Podcast 

    ถ้าหากแมวอยู่ในบ้านนี้ “คิดถึง เสียใจ หรือหนีความจริง?”



    ครั้งแรกที่ได้ยินจากอาจารย์ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับแมว ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นทาสแมวก็คิดว่า นี่จะต้องเป็นเรื่องที่ให้ความรู้สึกนุ่มฟูแน่ ตอนที่เห็นชื่อเรื่องประกอบกับภาพปก Podcast ความรู้สึกของข้าพเจ้าก็ยังไม่เปลี่ยนไป เพราะเป็นภาพที่น่ารักและให้ความรู้สึกอบอุ่นมาก ๆ จนกระทั่งได้ฟังเรื่องราวจริง ๆ จากเพื่อนที่เป็นผู้ผลิต Podcast นี้ จึงได้ทราบว่า...เรื่องสั้นเรื่องนี้กลับทำให้ทาสแมวรู้สึกสะเทือนใจกว่าที่คิด

    “ถ้าหากแมวอยู่ในบ้านนี้” เป็นเรื่องราวของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เก็บแมวมาเลี้ยงที่บ้าน ระยะแรกสมาชิกในบ้านเองก็ไม่ค่อยชอบแมวตัวนี้นัก แต่พอเวลาผ่านไปสักพัก ทุกคนก็เริ่มยอมรับตัวตนของแมวตัวนี้ และรู้สึกผูกพันกับมันมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง แมวที่เลือกกินแต่ปลาทูตัวนี้ก็ถูกใครบางคนวางยาเบื่อในอาหาร แล้วเอาศพมาโยนทิ้งไว้ในถังขยะนอกบ้าน เมื่อเห็นภาพอันน่าสลดใจนี้ เด็กหญิงจึงได้แต่คิดว่า


     “...ถ้าหากแมวอยู่ในบ้าน มันจะนอนอยู่ในที่ประจำเสมอ การจะหาตัวมันในบ้านไม่ยากเลยสักนิด...”


    หากจะกล่าวถึงคำว่า “ถ้าหาก” และ “แมว” ตัวข้าพเจ้าที่เป็นทาสแมวเองก็เคยมีประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกับเด็กผู้หญิงในเรื่องสั้นเรื่องนี้เช่นกัน ข้าพเจ้าเคยรู้จักและผูกพันกับแมวตัวหนึ่งที่บ้านคุณย่า
    เป็นเวลาหลายปีที่ข้าพเจ้าได้แวะเวียนไปเยี่ยมเยียนคุณย่าและได้พบมันเสมอ ๆ กระทั่งวันหนึ่งจู่ ๆ แมวตัวนั้นก็หายไป โดยที่ไม่มีใครรู้ว่ามันหายไปไหน ในใจข้าพเจ้าเกิดความคิดที่ว่า 

    ถ้าหากแมวตัวนั้นยังคงอยู่ที่นี่ ไม่ได้หายไปไหน ก็คงจะดี” 


    หรือ

    ถ้าหากตอนนี้มันสบายดีอยู่ที่ไหนสักแห่ง ก็คงจะดี”


    “ถ้าหาก” เป็นคำที่แสดงถึงเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ มักใช้ในบริบทที่กล่าวถึงเรื่องราวในอดีตที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง หลายครั้งที่คำนี้อยู่ภายในใจของใครหลายคน เพื่อระลึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ผ่านเลยมา และไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก ในมุมมองของข้าพเจ้า คำนี้ให้ความรู้สึก “คิดถึง” และ “เสียใจ” ต่อบางสิ่งบางอย่าง เช่น เรื่องของเด็กหญิงในเรื่องสั้นที่คิดถึงและเสียใจต่อการจากไปของแมวน้อย หรือการที่ข้าพเจ้าคิดถึงและเสียใจต่อการจากไปชนิดที่ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรของแมวที่เคยสนิทสนมด้วยตัวนั้น 

    Podcast นี้ได้ชวนให้ผู้ฟังฉุกคิดถึงความหมายและบริบทของคำว่า “ถ้าหาก” ที่ปรากฏในชื่อเรื่องและในประโยคสำคัญของเรื่อง ในส่วนลึกของจิตใจเด็กหญิง เธอคงจะอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าหากแมวของเธออยู่ภายในบ้าน ไม่ออกไปไหน ก็คงไม่ต้องตายอย่างน่าเวทนาเช่นนี้ ทำให้ข้าพเจ้าฉุกคิดได้ว่า ความจริงแล้วคำว่า “ถ้าหาก” นี้ ไม่ได้เพียงแค่แสดงถึงความคิดถึงและความเสียใจเท่านั้น แต่ยังแฝงนัยถึงการไม่อยากยอมรับความจริง หรือการหนีปัญหาของมนุษย์ด้วย 

    หลายครั้งที่มนุษย์เรามักจะคิดว่า “ถ้าหาก...ก็คงดี” จึงอาจอธิบายได้ว่า เมื่อมีปัญหาหรือบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นในชีวิต สิ่งที่หลาย ๆ คนมักจะนึกถึงเป็นลำดับแรกไม่ใช่การคิดหาหนทางแก้ไขปัญหา แต่กลับเป็น “ถ้าหากไม่มีปัญหานี้เกิดขึ้น” หรือ “ถ้าหากเราไม่ทำแบบนี้ตั้งแต่แรก ก็คงจะดี” แทน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนของระบบความคิดและความรู้สึกภายในใจมนุษย์ ที่มีกลไกการจัดการกับอารมณ์ของตนเองโดยอัตโนมัติในกรณีที่ไม่ต้องการเผชิญหน้ากับความจริง หรือต้องการหลอกตัวเอง ซึ่งการหาข้ออ้างหรือยกสถานการณ์สมมติเพื่อปลอบโยนหรือเยียวยาจิตใจที่ประสบกับความสูญเสีย หรือพบกับปัญหาบางอย่างที่คิดไม่ตกนั้นอาจคงอยู่ได้เพียงชั่วครู่ หรืออาจคงอยู่เป็นเวลานานก็ได้ บางครั้งการคิดเช่นนี้อาจทำให้เรารู้สึกสบายใจขึ้น แต่นั่นกลับไม่ใช่การแก้ปัญหาที่แท้จริง 


    แมวของผู้เขียนเรื่องสั้น ""ถ้าหากแมวยังอยู่ในบ้านนี้..." 
    ปนัสยา ศิริวัฒน์ ถ่ายภาพ

    เมื่อพบว่าแมวกลายเป็นร่างไร้วิญญาณอยู่ในถังขยะนอกบ้าน เด็กหญิงในเรื่องเลือกที่จะหนีความจริงด้วยการคิดถึงสถานการณ์ที่ว่า “ถ้าหากแมวอยู่ในบ้านก็คงไม่ต้องตายแบบนี้” แทนที่จะคิดว่า ใครเป็นคนทำกับแมวของเธอเช่นนี้ หรือคิดไปถึงประเด็นที่ว่า สมาชิกภายในครอบครัวของเธอมีส่วนรู้เห็นกับการตายของแมวหรือไม่ ในเมื่อแมวตัวนี้มีนิสัยเลือกกิน และจะกินแต่ปลาทูเท่านั้น แต่กลับมีใครบางคนนำยาเบื่อมาให้แมวกินจนตาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ชวนให้รู้สึกผิดสังเกตเป็นอย่างมาก เพราะคนนอกไม่มีทางรู้ว่าแมวตัวนี้กินแต่ปลาทู หากนำยาเบื่อใส่อาหารประเภทอื่นมา แมวคงไม่มีทางกินเข้าไป และคงไม่มีเรื่องบังเอิญถึงขนาดที่ว่าคนคนนั้นบังเอิญนำยาเบื่อใส่ลงในปลาทูให้แมวกินอย่างพอดิบพอดี นอกเสียจากว่าคนคนนั้นที่ว่าจะเป็นคนในบ้านที่รู้เรื่องพฤติกรรมการกินของแมวตัวนี้เป็นอย่างดี 

    อาจเป็นเพราะส่วนลึกภายในใจของเด็กหญิงตระหนักถึงความจริงข้อนี้ จิตใต้สำนึกจึงได้พยายามเลี่ยงที่จะคิดถึงสาเหตุการตายของแมว และเลือกที่จะคิดไปถึงสถานการณ์สมมติว่า ถ้าหากแมวอยู่ในบ้านจะเป็นอย่างไรแทน เนื่องจากไม่อยากคิดถึงความเป็นไปได้ที่น่ากลัเช่นนั้น 

    เช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้าเลือกที่จะคิดว่า ถ้าหากตอนนี้แมวตัวนั้นสบายดีอยู่ที่ไหนสักแห่ง ก็คงจะดี มากกว่าการไปสืบหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในตอนนั้น หรือคิดถึงกรณีที่แมวตัวนั้นจากโลกนี้ไปแล้วด้วยสาเหตุต่าง ๆ นานา ทั้งที่ข้อหลังนี้มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นความจริงมากกว่า อาจเป็นเพราะกลไกการจัดการกับอารมณ์ของข้าพเจ้าพยายามจะหลีกเลี่ยงความคิดหรือความจริงที่อาจจะทำให้ตัวข้าพเจ้ารู้สึกทุกข์ใจกว่าเดิมนั่นเอง

    ในชีวิตหนึ่งของมนุษย์ คงมีหลายครั้งที่มีคำว่า “ถ้าหาก...” วนเวียนอยู่ภายในห้วงความคิดหรือความรู้สึก เราอาจใช้คำนี้เมื่อรู้สึกคิดถึง เสียใจ หรือต้องการหลีกหนีจากความจริงบางประการ

    ทว่าในความเป็นจริงแล้ว คนเราไม่สามารถหลีกหนีความจริงไปได้ตลอดชีวิต เรื่องราวในอดีตนั้น เราอาจไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ แต่สามารถเรียนรู้จากสิ่งที่เคยเกิดขึ้น เพื่อหาหนทางป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำรอยเดิมได้ การเผชิญหน้ากับปัญหา ยอมรับความจริง และเรียนรู้จากอดีตเพื่อทำปัจจุบันให้ดีขึ้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้มนุษย์ก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้อย่างแท้จริง


    เรื่อง : แมวตัวใหญ่ชอบกินใบไผ่ (นามปากกา)


    เผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางวิชาการเท่านั้น ไม่อนุญาตให้ทำซ้ำหรือดัดแปลง 


    © สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ. 2558


    บรรณาธิกรต้นฉบับ:  aree.n

    กองบรรณาธิการ:  J P M T

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in