เขาเป็นนักร้องนำในวงดนตรีของโรงเรียนมาตลอดช่วงเวลาของมัธยมปลายก็จริง
แต่ดูเหมือนว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เจอกับคนที่เสียงเข้ากันกับเขาได้จริงๆ
อีกฝ่ายเป็นคนที่เขาแทบจะไม่รู้จักด้วยซ้ำในตอนแรก แต่เพราะว่ามีเพื่อนในวงแนะนำมาว่าร้องเพลงเก่งถึงมีโอกาสได้ร่วมงานกัน
และในครั้งแรกที่ได้ลองร้องเพลงด้วยกัน เขาถึงได้รู้สึกว่าอีกฝ่ายดูจะเป็นชิ้นส่วนที่หายไปของวง เป็นคนที่เสียงเข้ากับเขาได้แบบไม่มีข้อกังหา
ในตอนแรกมันก็แค่นั้น
แต่หลังจากหลายเดือนที่ซ้อมอยู่ด้วยกันเพื่อเตรียมงานแสดงในช่วงวันคริสต์มาส หลายอย่างก็ดูจะเป็นมากกว่านั้น
อาจจะเป็นเพราะอากาศเย็นๆ ของฤดูหนาว ละอองหิมะสีขาวที่ตกลงจากฟ้า หรือว่าเสียงร้องเพลงคลอเบาๆไปกับเขาของอีกฝ่ายระหว่างทางเดินกลับบ้านด้วยกัน
มองไปที่โอคุระ ทาดาโยชิคุงคนนั้น
“นี่ หน้าฉันมีอะไรติดอยู่งั้นเหรอ” อีกฝ่ายเอ่ยปากถามขึ้นกลั้วหัวเราะ “ทำไมถึงจ้องขนาดนั้นกันล่ะ”
เขายิ้มแก้เก้อ ทำเป็นว่ามองไปที่แก้มของอีกคนแล้วชี้นิ้วไปทางนั้น
“มีขนตาติดอยู่ที่หน้านายน่ะ”
โอคุระใช้ปลายนิ้วโป้งถูไปกับผิวหน้าของตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง
“ออกหรือยัง”
“ยัง” เขาสั่นหัว ทำเป็นหัวเราะกับการที่อีกฝ่ายยังมีขนตาติดอยู่บนหน้าทั้งที่ไม่เคยมีมันอยู่ตรงนั้นตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ “เดี๋ยวฉันช่วย”
เขาเอื้อมมือออกไป พยายามใช้ปลายนิ้วทำเป็นเขี่ยขนตาออกจากใบหน้าของฝ่ายตรงข้าม ถึงแม้จะกำลังเพ่งสายตามองไปที่ปลายนิ้วของตัวเอง แต่ก็ยังรู้สึกได้ว่าอีกคนกำลังมองตามมือของเขาอยู่
แบบนี้มันกดดันแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้
ความเงียบเกิดขึ้นชั่วอึดใจ รู้สึกว่าหัวใจกำลังเต้นแรงขึ้นนิดหน่อยตอนที่ปลายนิ้วสัมผัสเข้ากับผิวหน้าของอีกฝ่าย
“ออกแล้ว”
ทำเป็นเขี่ยขนตาล่องหนที่หยิบมาได้ให้ปลิวไปกับลมหนาว ยังคงรู้สึกได้เหมือนเดิมว่าสายตาของโอคุระกำลังมองตามทุกการเคลื่อนไหวของเขา
แต่ตอนที่เงยหน้าขึ้นมองอีกคน ดวงตาคู่นั้นก็สบสายตาเข้ากับเขาแทบจะในทันที
“ขอบคุณนะ” อีกฝ่ายยิ้มจนตาหยี
เขายิ้มตอบ พยายามทำเป็นไม่สนใจหัวใจที่เหมือนจะกระตุกขึ้นมาตอนที่เห็นรอยยิ้มแบบนั้น
อากาศยังคงเย็นลงตามดวงอาทิตย์ที่คล้อยลงใกล้ขอบฟ้า ลมหนาวอ่อนๆยังคงพัดโชย เขาเองก็กำลังเดินคู่กับโอคุระ ทาดาโยชิเพื่อนร่วมวงที่เป็นเสียงร้องแบ็คอัพของเขาไปตามทางกลับบ้าน
อีกฝ่ายกำลังฮัมเพลงเบาๆ ตามจังหวะการก้าวเดิน ไอสีขาวจากลมหายใจพุ่งออกมาตามจังหวะการออกเสียง
เขาร้องคลอไปอีกฝ่าย รู้สึกว่าโอคุระกำลังเดินชิดเข้ามามากกว่าเดิมเพื่อจะให้ได้ยินเสียงของเขาด้วย
“นิชิกิโดคุงเนี่ย ร้องเพลงเก่งจริงๆ เลยน้า” พูดออกมาแบบนั้นตอนที่หันมามองเขาด้วยสายตาที่ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นตัวอะไรไม่รู้เลยล่ะ”
เขาหัวเราะ
“แต่ถ้าขาดนายไป เพลงที่ฉันร้องก็คงไม่ได้ออกมาดีอย่างตอนนี้หรอกนะ”
อีกฝ่ายเลิกคิ้ว
“ฉันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ ฟังแล้วดีใจจังเลยน้า” โอคุระกำลังหัวเราะ หัวเราะแบบที่ไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่าจริงๆ แล้วอีกฝ่ายสำคัญกับเขามากกว่าการทำให้เพลงที่ร้องดีขึ้น
และตอนที่อีกฝ่ายหันมาสบตา เขาก็พยายามจะกลบเกลื่อนอีกครั้งด้วยการหันไปทางอื่นแล้วเปลี่ยนเรื่องที่กำลังพูดอยู่เอาดื้อๆ
“วันนี้หนาวเนอะ”
“อืม” อีกคนพยักหน้ารับ “เดินชิดๆ กันอีกหน่อยดีมั้ยเผื่อจะอุ่นขึ้นบ้าง”
ดูเป็นประโยคคำพูดธรรมดาๆ สีหน้าของคนพูดก็ดูเฉยๆ ถ้าไม่นับรอยยิ้มเล็กๆที่แตะขึ้นบนริมฝีปากนั้น แต่กลับทำให้หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะเลยสักนิด
และดูเหมือนจะเต้นแรงขึ้นอีกตอนที่โอคุระขยับตัวเอามาชิดกับเขาแบบสุดๆ แล้วเอาแขนมาคล้องกันไว้
“อุ่นขึ้นมั้ย” ทางนั้นหัวเราะ
ไม่ ไม่ได้ช่วยเลยสักนิด
เขาเม้มปาก ทั้งที่รู้สึกได้เลยว่ามันไม่ได้ช่วยให้หนาวน้อยลงแต่ไออุ่นจากคนข้างๆ ที่ขยับเข้ามาใกล้กันแบบที่ไม่มีทางจะเกิดขึ้นถ้าเป็นเมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ก็ทำให้หลุดปากตอบออกไปว่าอุ่นขึ้น
ตอบออกไปแบบนั้น แค่เพราะอยากจะอยู่แบบนี้ต่ออีกสักหน่อย
เขาไม่เคยชอบความรู้สึกของการที่หัวใจต้องเต้นเร็วและแรงเวลาอยู่ใกล้กับคนที่สนใจ แต่ความรู้สึกสงบทั้งที่หัวใจกำลังเต้นรัวอยู่ในอกทุกครั้งที่อยู่ใกล้กับโอคุระกลับดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่เขาเสพติด
อยากจะทำยังไงก็ได้ให้ได้อยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
แล้วก็แอบหวังว่าบ้านของตัวเองจะอยู่ไกลกว่านี้อีกสักนิด
ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศระหว่างเขาสองคนจนได้ยินแต่เสียงลมหายใจของคนข้างกาย อากาศยังคงหนาว สายลมเย็นก็ยังคงพัดผ่านตอนที่เขาหยุดฝีเท้าลงที่หน้าบ้านของตัวเอง
โอคุระยังคงคล้องแขนอยู่กับเขา ไม่มีวี่แววว่าจะปล่อยมือออก
เห็นแล้วก็รู้สึกใจชื้นแปลกๆ
“อยากเข้ามาก่อนมั้ย จิบชาสักแก้วแก้หนาวอะไรแบบนี้” เขาหันไปถาม คิดว่าเป็นคำถามที่ดูพิลึก แต่อีกฝ่ายยังคงยิ้ม ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ
“ไว้คราวหน้าดีกว่า วันนี้มีนัดกับที่บ้านน่ะ” โอคุระเลื่อนมือออกจากแขนของเขาช้าๆ ก่อนจะยิ้มให้จนตาหยี
เขายิ้มตอบ แล้วโบกมือให้เป็นการลา
“กลับบ้านดีๆ นะ ขอบคุณที่เดินมาด้วยนะครับ”
อีกฝ่ายหัวเราะแล้วก้าวเท้าเดินมาใกล้เขาอีกนิด ก่อนจะโน้มตัวลงมาจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่เป่าลงใกล้กับใบหู
อยู่ๆ ก็รู้สึกว่าหน้าร้อนขึ้นมาแล้วสาเหตุก็เห็นได้ชัดว่ามาจากคนตรงหน้า
อีกคนหยุดอยู่ตรงนั้นสักพัก หัวเราะคิกคักเล็กน้อยก่อนจะกระซิบเสียงเบาที่ข้างหูของเขา
“นี่มันไม่ดีเลย แต่ยังไงฉันก็อยากจะบอก”
เขาขมวดคิ้ว แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่เห็น
“จริงๆ แล้ว ตอนนั้นไม่ได้มีขนตาติดอยู่ที่หน้าฉันใช่ไหมล่ะ”
ทั้งที่เตรียมใจเอาไว้แล้วว่าสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังจะพูดอาจเป็นอะไรบางอย่างที่น่าอาย แต่ดูเหมือนว่าเรื่องที่เพิ่งได้ยินไปจะเกินคำคำนั้นไปเสียแล้ว
ในความคิดดูเหมือนจะอื้ออึงไปด้วยเสียงหัวเราะคิกคักนั่นกับคำพูดจากอีกฝ่ายวนไปวนมาไม่มีที่สิ้นสุด
โอคุระคุง นายมันบ้า
.END
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in