เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
สาระนะเออชีสตัวน้อยตัวนิด
'Puer Delicatus' ทาสชายบำเรอแห่งอาณาจักรโรมันโบราณ
  •       ความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกันหรือ 'ชายรักชาย' ในสมัยโรมันโบราณ นับเป็นเรื่องที่ค่อนข้างปกติไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด แน่นอนว่าโรมันเป็นสังคมแบบปิตาธิปไตย ดังนั้นเพศชายจึงมีอิสระอย่างเต็มที่ที่จะมีความสัมพันธ์แบบรักร่วมเพศโดยไม่สูญเสียศักดิ์ศรีหรือสถานะทางสังคมแม้ว่าเขาจะแต่งงานแล้วก็ตาม (จุดนี้ผู้หญิงคงอาจจะไม่ค่อยโอเคกันซักเท่าไหร่ ที่สามีของพวกเธอจะไปจิ๊จ๊ะอี๋อ่อกับหนุ่มน้อยคนอื่นๆนอกจากภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยที่พวกเธอไม่มีสิทธ์ได้ทักทวงเลยซักนิด- -) โดยทั่วไปแล้วผู้ชายชาวโรมันจะชื่นชอบเยาวชนที่มีอายุระหว่าง 12 ถึง 20 ปี ซึ่งอายุที่เรียกได้ว่าบรรลุนิติภาวะตามกฎหมาย สามารถตัดสินใจอะไรได้ด้วยตัวเอง สามารถมีเซ็กส์ได้ก็คือช่วงอายุ 12 ปี

          แต่กฎหมายเหล่านี้ใช้ได้แต่กับพลเมืองที่เป็นชาวโรมันอย่างถูกต้องเท่านั้น ไม่มีการจำกัดอายุสำหรับการมีเพศสัมพันธ์กับทาส ชาวโรมันผู้มั่งคั่งจึงมักจะล่วงละเมิดลูกทาสเพื่อมีเพศสัมพันธ์เเม้ว่าพวกเขาเป็นเพียงเด็กชายที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะก็ตาม ทำราวกับว่าทาสนั้นไม่ใช่มนุษย์ที่มีชีวิตจิตใจแต่เป็นเพียง'ของเล่นระบายอารมณ์ทางเพศ'เท่านั้น

    ภาพสลักฉากร่วมรักกับเด็กหนุ่ม บนถ้วยภาชนะโบราณ

           เด็กชายทาสหนุ่มเหล่านี้จะถูกเรียกว่า 'Puer Delicatus' (ในภาษาละตินจะแปลได้ประมาณว่า เด็กที่แสนโอชะ,เด็กที่ดูบอบบางน่ารัก) โดยจะถูกใช้เป็นสัญลักษณ์แสดงสถานะของผู้ชายที่ร่ำรวยและมีอำนาจอิทธิพลอย่างมากในโรมัน แม้แต่บรรดาจักรพรรดิโรมันก็มักจะมี Puer Delicatus เป็นของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น ออกัสตัส,เนโร,ไทเบเรียส ฯลฯ

    ออกัสตัส จักรพรรดิองค์แรกของโรมัน

          Puer Delicatus จะถูกเลี้ยงดูราวกับอนุไม่ก็เหล่านางสนมในฮาเร็มทั่วไป มักจะได้รับอาหาร เสื้อผ้า เครื่องประดับราคาแพงอย่างดีจากผู้เป็นเจ้านาย อีกทั้งเพื่อรักษาภาพลักษณ์ความเยาว์วัยและลักษณะที่ดูคล้ายผู้หญิง ในบางครั้งก็จะถูกสั่งให้ตัดตอนองคชาตทิ้งด้วย


          แต่ Puer Delicatus ที่เป็นที่รู้จักและเป็นที่กล่าวขานกันมากที่สุด เห็นทีก็น่าจะเป็นเด็กหนุ่มที่มีชื่อว่า 'สปอรัส' ไม่มีใครรู้ประวัติที่มาที่ไปหรือภูมิหลังของสปอรัสอย่างแน่ชัดนัก หลายๆคนกล่าวว่า เขาเป็นเพียงเด็กชายทาสรูปงามคนหนึ่งที่มีใบหน้าสวยงามอ่อนหวานเหมือนสตรีเพศจนเกิดไปแตะตาจอมทรราชอย่าง 'จักรพรรดิเนโร'เข้า อาจจะด้วยเพราะใบหน้าที่ละม้ายคล้ายคลึงกับอดีตมเหสีที่ล่วงลับไปแล้วของเนโร จึงสั่งให้นำตัวเด็กชายสปอรัสไปตัดตอนแล้วนำเข้ามาในราชวัง จากนั้นก็จัดการอภิเษกสมรสแต่งตั้งสปอรัสให้ขึ้นเป็น'จักรพรรดินี'ของโรมันเลยทีเดียว

    นอกจากจักรพรรดิเนโรจะแต่งตั้งให้สปอรัสเป็นราชินีของเขาแล้ว ก็ยังสั่งให้สปอรัสไว้ผมยาวสลวย แต่งกายด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประดับมีค่าแบบสตรีโรมันชั้นสูง ทำกิริยาท่าท่างแช่มช้อยแบบผู้หญิง รวมถึงให้ข้าทาสบริวารที่เป็นผู้หญิงคอยรับใช้ปรนนิบัติข้างกายอีกด้วย

          ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์กล่าวว่า จักรพรรดิเนโรนั้นคือทรราชที่ต่ำทรามอย่างแท้จริง เขาเป็นคนชั่วร้ายที่ลงมือสังหารมารดาแท้ๆของตนเอง ซ้อมภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์จนแท้งตาย ชื่นชอบการเสพสังวาสกับเด็กแรกเกิด รวมถึงครั้งเมื่อกรุงโรมเกิดไฟไหม้ปริศนาขึ้น จนทำให้เกิดความโกลาหลวุ่นวายและการสูญเสียมากมาย แต่จักรพรรดิเนโรกลับแสดงท่าทีเพิกเฉยไม่ใยดีซักนิด ทั้งยังโบยความผิดไปให้กลุ่มคนที่นับถือศาสตร์คริสต์อีก(ซึ่งคาดว่าว่าเนโรนี่แหละที่เป็นผู้บงการสั่งให้วางเพลิงเผาที่ดินตรงนั้นเพราะอยากสร้างวังใหม่ ไม่ก็คิดจะหาทางกำจัดศาสนาคริสต์ที่ตอนนั้นกำลังถูกต่อต้านอย่างหนัก) นิสัยส่วนตัวก็ค่อนข้างโมโหร้ายอารมณ์รุนแรง ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเนโรกับสปอรัสก็น่าจะมีความเป็นได้สูงว่าสปอรัสที่ไม่ได้รักเนโนเป็นทุนเดิมอยู่แล้วน่าจะถูกบังคับขืนใจโดยไม่สมยอมซะมากกว่า มีหลายครั้งที่เนโรมักจะบังคับจุมพิตสปอรัสอย่างดูดดื่มรุนแรงแบบไม่สนใจสายตาของคนรอบข้างซักนิด ไม่ก็หลุดเรียกชื่อภรรยาเก่าเมื่อได้อยู่ด้วยกันสองคน ราวกับเห็นเด็กหนุ่มเป็นเพียงตัวแทนของเธอ

          ภายหลังเมื่อจักรพรรดิเนโรตายลง แทนที่สปอรัสจะถูกปลดปล่อยตัวให้เป็นอิสระและออกไปจากที่บ้าๆนี่เสียที กลับถูกกลุ่มคนที่ขึ้นมามีอำนาจแทนที่เนโรจับตัวแล้วเอาไปเป็น Puer Delicatus ของตัวเองอีก เท่านั้นยังไม่พอเมื่อเห็นว่าสปอรัสเป็นอดีตราชินีของเนโรก็ตั้งใจอยากจะทำให้สปอรัสได้รับความอัปยศอย่างถึงที่สุด โดยสั่งให้นำตัวเด็กหนุ่มผู้น่าสงสารไปที่กลางอัฒจันทร์โคลอสเซียมสนามกีฬากลางแจ้งขนาดมหึมาที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม จากนั้นก็รุมฉีกทึ้งเสื้อผ้าและลงมือข่มขืนอย่างโหดร้าย ท่ามกลางสายตาสาธารณชนทั่วทุกสารทิศที่มองลงมาจากบนอัฒจันทร์

          เด็กหนุ่มสปอรัสที่ได้รับความอับอายอย่างสุดประมาณบอบช้ำทั้งกายและใจ ตั้งแต่นั้นมาก็มีอาการหดหู่เศร้าหมอง ไม่พูดไม่จา (ปัจจุบันสภาวะอย่างนี้ก็คืออาการของ'โรคซึมเศร้า'นั่นแหละ) ไม่นานนักสปอรัสก็ตัดสินใจลงมือปลิดชีพตัวเองลง จบฉากชีวิตที่น่าเศร้าในวัยเพียงแค่ 20 ปีเท่านั้น







          



เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in