Trigger Warning สำหรับเนื้อหาในหนังสือที่กล่าวถึงโรคซึมเศร้าและการฆ่าตัวตาย
เมื่อเมืองทั้งเมืองรายล้อมไปด้วยผู้ติดเชื้อที่แปรสภาพมนุษย์กลายเป็นสิ่งมีชีวิตกระหายเลือด ผู้รอดชีวิตที่เหลือต่างพยายามต่อสู้เพื่อลมหายใจของตัวเอง แต่ไม่ใช่กับ “สโลน ไพร์ส” เพราะการมีชีวิตอยู่ไม่สำคัญกับเธออีกต่อไป ความตายตรงหน้าดูเป็นเรื่องแสนธรรมดา เมื่อเทียบกับสิ่งที่เธอได้เผชิญมาตลอดทั้งชีวิต ทั้งความรุนแรงจากพ่อที่เป็นฝันร้ายคอยตามหลอกหลอนเธออยู่ตลอดเวลาและการหายตัวไปอย่างลึกลับของพี่สาวที่เปรียบเสมือนโลกทั้งใบของเธอ เหล่านี้เป็นสาเหตุของอาการซึมเศร้าที่ทำให้สโลนแทบไม่ต่างอะไรจากบรรดาศพเดินดินข้างนอกนั่น
แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เพราะเธอขณะที่เธอกำลัง ตัดสินใจฆ่าตัวตาย สโลนก็เข้าไปเกี่ยวพันกับกลุ่มเด็กมัธยมปลายที่รอดชีวิตโดยบังเอิญ เด็กเหล่านั้นคือเพื่อนร่วมโรงเรียนมัธยของสโลนที่หนีตายเข้ามาหลบซ่อนในโรงเรียน ซึ่งถือเป็นปราการด่านสุดท้ายของเมืองนี้
กลุ่มของตัวเอกในเรื่องเป็นแค่เด็กวัยรุ่นธรรมดาที่ไม่ได้มีการฝึกเพื่อรับมือกับซอมบี้มาก่อนแต่อย่างใด เรื่องราวในหนังสือเป็นเพียงการเอาตัวรอดแบบเฉพาะหน้าของกลุ่มเด็กวัยฮอร์โมนที่เป็นตัวแทนภาพจำของเด็กประเภทต่างๆในโรงเรียน ทั้งเด็กหนุ่มนักกีฬา ควีนบี เด็กเนิร์ด เด็กหลังห้อง เด็กขี้ขลาด รวมไปถึงเด็กเมย์ไหนที่ไม่มีใครสังเกตเห็นถึงการมีตัวตนอย่างสโลน แต่ละคนมีปมปัญหาที่แตกต่างกันออกไป และการที่ซอมบี้บุกเมืองนี่เอง ก็เป็นโอกาสสุดท้ายที่พวกเขาทุกคนต้องยอมรับผิดต่อสิ่งที่เคยทำผิดพลาดในอดีต เปิดใจซึ่งกันและกันเพื่อความอยู่รอด รวมไปถึงช่วยกันตัดสินใจในสถานการณ์ที่ยากลำบาก นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาควรทำ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมทำตาม
ทั้งหกคนต้องรักษาฐานที่มั่นสุดท้ายเอาไว้ จนกว่าจะมีพ่อแม่ คนจากทางการ เจ้าหน้าที่ทหารหรืออะไรก็ตามมาช่วยเหลือพวกเขาออกไป ทั้งๆที่ทุกคนต่างรู้ว่าความหวังมีอยู่เพียงน้อยนิด ถึงแม้โรงเรียนมัธยมของพวกเขาจะมีเสบียงเพียงพอในโรงอาหาร มีน้ำในโรงยิมให้อาบและมีที่นอนให้นอน แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นแค่เพียงระเบิดเวลา เป็นการพยายามเอาชีวิตรอดแบบขั่วโมงต่อชั่วโมงภายในโรงเรียนที่ซอมบี้กำลังจะบุกเข้ามาก็เท่านั้น ซึ่งความกดดันรอบด้านทีื่เด็กกลุ่มนี้ต้องแบกรับเอาไว้ตลอดทั้งเรื่อง ทำให้เราลุ้นระทึกไปกับตัวละครแต่ละตัวว่าจะสามารถมีชีวิตรอดออกมาได้อย่างที่ใจหวังหรือไหม
สุดท้ายแล้วสิ่งที่น่ากลัวที่สุดอาจจะเป็นจิตใจของมนุษย์ด้วยกันเอง ไม่ใช่ซอมบี้ ไม่ใช่เลือดและก็ไม่ใช่ความตายแต่อย่างใด
“This must be what Dorothy felt like, I think. Maybe.
If Dorothy was six scared teenagers and Oz was hell.”
Title: This Is Not a Test
Author: Courtney Summers
Published: June 19th 2012
แถมอีกสักนิดส่งท้าย ว่าด้วยที่มาของหนังสือเล่มนี้ กว่าจะมาครอบครองในมือไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะต้องเดินทางไปมาเลเซีย...พอดี ฮา ด้วยความที่อยากเสพเรื่องราวของซอมบี้มากๆในช่วงนั้น แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อในเว็บไซต์ของร้านหนังสือคิโนะคุนิยะไทยขึ้นสถานะของหนังสือเล่มนี้ไว้ว่า
"Out of stock"
ก็แอบใจแป้วไปนิดนึง จนกระทั่งนึกขึ้นมาได้ว่าคิโนะคุนิยะมีสาขาอยู่ที่มาเลเซียด้วย ซึ่งตั้งอยู่ในห้างซูเรีย (Suria KLCC) ที่อยู่ในแลนด์มาร์คสำคัญของกัวลาลัมเปอร์ - ตึกเปโตรนาสนั่นเอง เลยเข้าไปเช็คดูเล่นๆว่ามีหนังสือเล่มนี้เหลือบ้างไหม ปรากฎว่ายังมีอยู่! จะรออะไรล่ะคะพี่น้อง ยังไงไปถึงมาเลเซียก็ต้องไปเยือนตึกแฝดอยู่แล้ว ประจวบเหมาะมาก ดังนั้นการไปคิโนะคุนิยะสาขาที่มาเลเซียต้องกลายเป็นจุดหมายสำคัญของเราไม่แพ้สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ไม่งั้นมันอยู่ไม่ได้จริงๆ
พอได้ไปเยือนถึงที่แล้ว การได้เห็นบรรยากาศในร้านหนังสือที่เต็มไปด้วยหนังสือเยอะๆละลานตา ไม่ว่าจะเห็นมันจากที่ไหน มันเป็นความฟินสากลสำหรับเราจริงๆ รู้สึกได้ถึงอัตราการเต้นแรงของหัวใจและอาการอยากจะวิ่งไปด้วยท่าทางแบบตัวเอกในเรื่อง Sound of Music ทุกครั้งไป มันเหมือนมีแรงกระตุ้นบางอย่างที่ทำให้เราตื่นเต้น อยากจะเข้าไปเลือกดูในแต่ละชั้น อยากจะซื้อๆๆมาไว้ในครอบครอง กระเป๋าเงินแบนๆของเรานี่สั่นแรงมาก
และแล้วเราก็ได้เจอกันที่มาเลเซีย ดีใจมากที่ยังมีเหลือให้เราได้อ่าน ขอโทษเพื่อนที่ต้องไปนั่งรอ ยืนรอเราเลือกหนังสืออยู่นานสองนานด้วยนะฮะ หลังจากที่ได้ไปสัมผัสร้านหนังสือที่มาเลเซียและเวียดนามมา ก็ตั้งใจไว้ว่าจะต้องซื้อหนังสือจากร้านหนังสือในประเทศนั้นๆติดไม้ติดมือกลับมาด้วย จะได้รู้สึกถึงช่วงเวลาที่เราได้ไปท่องเที่ยว
ดังนั้นแล้วหนังสือเล่มนี้ก็ได้บรรจุความทรงจำของเราในทริปที่มาเลเซียไว้ไปโดยปริยาย
...จนกว่าจะได้ออกเดินทางอีกครั้ง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in