เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
จับฉ่าย ฉายหนังsquarrium
บ่มีวันจาก : เดินหน้าถอยหลังไม่มีวันสิ้นสุด
  • โอเค หลังจากที่ใช้เวลาประมวลผลมาเกิิน 24 ชั่วโมง บวกกับนั่งฟังนั่งอ่านวิเคราะห์จากคนโน้นคนนี้มาแล้ว ได้เวลาเขียนรีวิวเป็นของตัวเองบ้าง

    ก่อนที่จะดู บ่มีวันจาก จำได้ว่าอ่านเรื่องย่อกับแนวหนังคร่าว ๆ ไปแล้ว แต่พอเข้าโรงจริง ๆ คือลืมไปหมดเลยว่ามันเกี่ยวกับอะไร เริ่มใหม่หมดในโรงจริง ๆ

    หนังเป็นเรื่องของประเทศลาวในอนาคต 50 ปีข้างหน้า แต่เซตติ้งอยู่ในชนบทที่ยังไม่ได้มีความเจริญขนาดนั้น (หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเหมือนเดิม) เล่าเรื่องผ่านลุงคนนึงที่สามารถติดต่อกับวิญญาณได้ กับผีผู้หญิงที่อยู่กับลุงนี่มา 50 ปี แรกเริ่มมันก็เป็นการเล่าถึงโลกอนาคตกับวิถีชีวิตลุง แต่เรื่องมันเริ่มมีปมตรงที่แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวคนนึงหายไป ตำรวจเลยมาขอให้ลุงช่วยติดต่อกับวิญญาณให้หน่อย แต่ลุงนี่ก็อิดออดไม่ยอมช่วย แล้วมันก็เริ่มเข้มข้นหลังจากนั้น


    หลังจากนี้จะเป็นสปอยล์

    เรื่องที่น่าช็อคเป็นอย่างแรกก็คือหลังจากที่เกริ่นมาว่ามีแม่ค้าหายตัวไปปุ๊ป ก็ตัดภาพมาที่ลุงกลับไปที่บ้านแล้วก็เปิดประตูไปเจอแม่ค้าคนนั้นแหละนอนตายอยู่ในห้องตัวเอง แม่งเป็นช็อตที่เราแบบ โอเค อิหนังเรื่องนี้แม่งไม่ธรรมดาแน่นอน มันทำให้เราเริ่มจะโฟกัสทุกอย่างที่หนังฉายให้ดู ว่าคืออะไรวะ มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง ลุงนี่แม่งเป็นอะไร มันจะทำอะไรต่อไป

    ในความทรงจำเรา สิ่งที่ทำให้เราเริ่มสนใจจัด ๆ เลยคือตอนที่ลุงกลับไปบ้านแล้วกลายเป็นบ้านตัวเองเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ไปเจอพ่อตัวเองแล้วก็โดนไล่ลงมาเพราะคิดว่าเป็นโจร อันนั้นแม่งแบบ เห้ย เอาแล้ว ย้อนเวลาก็มาว่ะ อะไรแบบนี้ (เนี่ย คือเคยรู้เรื่องย่อแล้วแต่ลืมไง5555) แล้วหลังจากนั้นก็ย้อนกลับไปย้อนกลับมาหลายรอบผ่านผีผู้หญิง

    หนังมันพาไปแบบช้า ๆ เนิบ ๆ ใส่รายละเอียดมาเยอะมาก เป็นรายละเอียดที่เราจะนึกว่ามันไม่ค่อยเกี่ยว แต่ความจริงมันก็เกี่ยว การถ่ายย้ำ ๆ ไปที่ตู้กระจกที่บ้านของลุงเพื่อให้เห็นว่าเก็บอะไรไว้บ้าง ตอนแรกก็งงว่าจะเน้นอะไรนักวะ แต่มันค่อนข้างสำคัญในประเด็นต่อ ๆ มาของเรื่อง ส่วนที่ทำให้เราเห็นว่าต้องมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไปแน่ ๆ สังเกตได้ชัดที่สุดก็ไอ้ตู้นี่ หรือแม้แต่การชงน้ำชาที่ดูไม่มีอะไรแต่ทำไมเน้นจังเลย แต่ความจริงแม่งมีไง ทุกอย่างมันมีประเด็นจริง ๆ 

    ประเด็นสำคัญที่สุดในเรื่องคือทุกการย้อนเวลาไปแก้ไขอะไรก็ตาม จะส่งผลที่ยิ่งใหญ่และถึงกับร้ายแรงมาก ๆ มาสู่อนาคตด้วย แน่นอนว่าอิตู้กระจกนั่นก็เป็นสิ่งนึงที่บอกเราถึงความเปลี่ยนแปลง ซึ่งเราว่ามันเป็นการสร้างสัญลักษณ์ที่โคตรฉลาดเลยนะ เพราะตู้มันบอกอะไรได้เยอะมาก และทุก ๆ ลูปของการย้อนเวลาจะทำให้อนาคตยิ่งแย่ลง ๆ

    ลูปที่พีคที่สุดก็คือลูปสุดท้ายหลังจากที่ลุงนี่กลับไปในอดีตเพื่อทำให้แม่ของตัวเองตายไปอย่างไม่ทรมาน พอกลับไปอนาคตตาลุงนี่กลายเป็นฆาตกรโรคจิตโดยสมบูรณ์แบบ (ถึงขั้นข่มขืนฆ่า) ซึ่งเป็นตัวตนลุงที่ตัวเขาเองยังไม่เชื่อว่าจะทำได้ เลยทำให้จุดจบของเรื่องเป็นแบบนั้น พ้อยนี้เราไม่อยากฟันธงเหมือนกันว่าการเปลี่ยนอดีตครั้งนั้นทำไมถึงส่งผลร้ายขนาดที่ว่าลุงโตขึ้นมาเป็นโรคจิตได้ขนาดนั้น แต่จากเด็กจนโตลุงก็ใช้เวลา 50 ปีในการบ่มเพาะตัวเองให้มาเป็นคนแบบนั้น เออ มันอาจจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้จริง ๆ

    ซึ่งตาลุงนี่ดูจะมีปมส่วนตัวในทุก ๆ ลูปและการเปลี่ยนแปลง คืออยากจะเก็บสิ่งที่ตัวเองทำเอาไว้กับตัวด้วย อย่างเช่นการฆ่าผู้หญิงแล้วเก็บกระตูก หรือผม เพื่อให้วิญญาณพวกนั้นยังอยู่ ยังไปไหนไม่ได้ เหมือนเป็นปมที่ว่าตัวเองไม่สามารถรักษาแม่เอาไว้ได้ (เพราะแม่ตายแล้วก็ถูกเผาศพแบบไม่เหลืออะไรเลย) 

    นอกจากประเด็นหลักของหนังแล้วขอพูดถึงเรื่องประเด็นรองอย่างเรื่องการเมืองบ้าง ในหนังเป็นประเทศลาวในอีก 50 ปีข้างหน้า แต่ในหนังมันแทบไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลยนี่หว่า ทั้ง ๆ ที่มีเทคโนโลยีขนาดว่าฝังชิปไว้ที่แขนแล้วสามารถสแกนจ่ายเงินแทนเงินสดได้แล้ว แต่สภาพบ้านเมืองแม่งเหมือนเดิมมาก ๆ ยังคงเป็นทางลูกรังและไม่มีไฟฟ้าใช้ ซึ่งถ้าเรามองดี ๆ นี่แหละคือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตอนนี้เราเองอาศัยอยู่ในกรุงเทพ เราอาจจะมองว่ามันค่อนข้างมีอะไรเปลี่ยนแปลง ค่อนข้างเจริญ แต่ถ้าเราแค่ออกไปนอกเมือง ออกไปแถวปทุมหรืออยุธยา มันก็ยังคงเป็นสภาพเดิม ๆ ที่ไม่ได้มีตึกสูง ไม่มีรถไฟฟ้า ไม่มีแม้แต่รถประจำทางด้วยซ้ำ ประเทศลาวเป็นประเทศที่ไม่ต่างกัน แถมยิ่งกว่าด้วย เพราะตอนที่เราเคยไปประเทศลาว การนั่งรถจากเวียงจันทร์ไปวังเวียง ถนนยังเป็นปูนลาดยางผสมกับลูกรังอยู่เลย ไม่ต้องพูดถึงชนบทของลาวที่ยังน่าจะคงสภาพเดิมจากเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว

    หรือแม้แต่ประเด็นความเปลี่ยนแปลงที่ชาวต่างชาตินำเข้ามาให้ โดยการติดแผงโซล่าเซลล์เพื่อให้มีไฟฟ้า แล้วพ่อของตาลุงนี่ก็พูดว่า “เราไม่ได้อยากได้ไฟฟ้า เราอยากได้รถไถมากกว่า” (ไม่เป๊ะมาก ประมาณนี้) มันเป็นอีกพ้อยที่ทำให้เห็นว่าบางทีความเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่างมันไม่จำเป็น มันทำให้ชีวิตมีความสะดวกสบายขึ้นก็จริง แต่ไม่ได้ส่งเสริมการใช้ชีวิตให้มีทางทำกินมากขึ้นหรืออะไรเลย กลับมาเพิ่มภาระด้วยซ้ำในการต้องเอาเงินมาจ่ายค่าไฟเพิ่มอีก น่าจะ Relate กับทั้งในลาวและบ้านเราได้ดีมาก ๆ ประเด็นนึงเลย 

    การพาย้อนเวลาที่ไม่จำเป็นต้องมีนวัตกรรมอะไรที่ล้ำยุคอะไรมากมาย แต่ใช้ผีเป็นตัวนำ มันก็เป็นการเอาความเชื่อในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาเบลนได้แนบเนียนมาก ๆ จากที่เราเคยอ่านนิยายเกี่ยวกับประเทศลาวเรื่องนึง ซึ่งก็เป็นเรื่องสืบสวนที่เกี่ยวโยงกับเรื่องผีเรื่องวิญญาณอย่างหนักหน่วงด้วย (คล้าย ๆ กับตาลุงนี่แหละ มีความสามารถในการติดต่อกับวิญญาณ เราว่าความเชื่อเรื่องนี้ในลาวแข็งแรงกว่าเราซะอีก

    สิ่งที่อยากขอบคุณหนังเรื่องนี้อย่างนึงคือการไม่ทำ Jump Scare เพราะไม่ถูกกับหนังผีอย่างแรง ถึงแม้บรรยากาศมันจะหลอน ๆ เงียบ ๆ มืด ๆ แต่มันไม่ใช่ฟีลหนังผี มันเป็นฟีลลึกลับน่าค้นหามากกว่า แล้วมันทำให้เรากล้าโฟกัสกับหนัง เพราะถ้าทำมาแนวหนังผีมากกว่านี้อีกนิดเดียวเราอาจจะหลุดไปเลยด้วยการหลับตาหรือไปมองที่อื่น 5555555 และในเรื่องนี้ผีไม่น่ากลัวหรอก คนนี่แหละที่น่ากลัว

    ในส่วนตอนจบของหนัง ถ้าเราไม่ได้ตีความผิดไปเอง เราว่าเราชอบตอนจบมาก ๆ ทั้งช็อตตอนที่ตาลุงนี่กำลังจะตาย ไดอาล็อคที่พูดในตอนนั้นมันกินใจอยู่เหมือนกัน ตรงที่ตาลุงนี่ยังคงอยากอยู่กับผีผู้หญิงแม้แต่ตอนชีวิตหลังความตาย แล้วสุดท้ายก็ได้อยู่ด้วยกันจริง ๆ แต่เป็นตัวเองตอนเด็ก (ซึ่งเนื่องมาจากที่นางตัดสินใจฆ่าตัวเองตอนเด็กไปเลย จะได้ไม่เกิดเรื่องแย่ ๆ ขึ้นกับคนอื่นอีก) เป็นตอนตบที่เราโคตรชอบ แล้วคิดว่าเป็นทางที่ดีที่สุดแล้วที่นางจะแก้ไขทั้งหมด เพราะถึงแม้จะเป็นตอนที่นางยังไม่ได้กลับไปแก้ไขอะไร อิลุงนี่แม่งก็ไม่ใช่คนดีอะไรขนาดนั้นอยู่แล้ว

    เราว่ามันเป็นหนังที่ดูจบแล้วต้องพูดคุย ต้องถกเถียงหนักมา ๆ ต้องแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันว่าจุดนี้คิดยังไง ตรงนี้คิดยังไง ? โชคดีมากที่ได้ไปดูกับเพื่อนเพราะถ้าเราดูคนเดียวเราคงน้ำลายฟูมเป็นบ้าตาย ถึงขนาดว่ากลับบ้านมานั่งฟังวิเคราะห์เป็นชั่วโมง พยายามนั่งคุยกับพี่ที่ไม่ได้ไปดูด้วย เอานางมานั่งถกหนังด้วย ไลน์กับเพื่อนยันเกือบตี 1 เพราะทุกอย่างมันพลั่งพลูมาก อยากแลกเปลี่ยนสุด ๆ

    เอาเป็นว่าเราชอบมากเลยนะ เป็นหนังไม่กี่เรื่องที่ทำให้เราออกจากโรงมาแล้วอยากจะหาใครซักคนมาเม้าท์มาแลกเปลี่ยนด้วย ยิ่งเป็นหนังลาวที่บริบทคล้าย ๆ กับบ้านเรา แต่เขากล้าเล่นประเด็นยากแล้วทำได้ดีซะด้วย เอาความเชื่อเรื่องผีเรื่องวิญญาณมาเป็นประเด็นหลัก ปรับเข้ากับพล็อตล้ำ ๆ ย้อนเวลาและโลกอนาคตแบบแนบเนียนไม่ประดักประเดิด ประทับใจมากสำหรับเรา และถือว่าหนังลาวเรื่องนี้ไปไกลกว่าหนังไทยเราช่วงปีกว่าปีนี้หลายก้าวเลยจริง ๆ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in