(ไอ้) โอมอดขำไม่ได้เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า จริงๆ แล้วคนอย่างมันขำได้ทุกอย่างตราบใดที่มันไม่ใช่เรื่องของเขา แต่… มันขำอะไรกันล่ะ
ตรงหน้าของเขา คือชายขี้โม้คนนึง
“ชาย ชายเอ้ย” มันเรียกชื่อผมไปมาอย่างสะใจ “ตอนนั้นยังคุยไว้อยู่เลยว่าแกจะชนะรางวัลแล้วเอาตุ๊กตาตัวใหญ่ไปให้น้องข้าว แล้วดูตอนนี้สิ ได้มาแค่ปากกากล่องนึง อีแบบนี้ไปซื้อเอาแท่งละ 5 บาท ตรงร้านแถวบ้านก็ได้โว้ย”
“เออ กูรู้” เจ้าของปากกาตอบ “ขายหน้าฉิบหายเลย ดีที่น้องเขาไม่มาเห็นตอนกูปาไม่โดน ทีนี้กูจะไปหาตุ๊กตาที่ไหนมาหาให้น้องเขาเนี่ย”
“เฮ้ย ใจเย็นๆ ก่อน อย่าพึ่งโมโหโวยวายอย่างงี้สิเพื่อน" โอมกล่าวแบบกวนๆ "คืองี้ นี่เห็นว่าน่าสงสารนะเนี่ย จะบอกวิธีหาตุ๊กตาแบบเดียวกันให้ไหม?“
“จะหายังไงวะ นี่กูก็เห็นอยู่ตัวเดียวในเนี่ย หรือจะให้กูไปซื้อที่ห้าง? แพงจะตายห่าใครจะไปซื้อ” คนน่าสงสารถาม
“คืองี้นะไอ้ชาย แกยังดูไม่ทั่วไงละ พื้นที่จัดงานวันเด็กเนี่ยมันมีตั้งเยอะนะ มันก็ต้องมีตุ๊กตาแบบนี้อีกละน่า”
วันนี้มีงานวันเด็กที่โรงเรียน แต่ก็ไม่ใช่งานวันเด็กธรรมดาสำหรับเราที่เป็นพระเอกของเรื่องนี้หรอก เพราะเราอยู่ ม.6 กันแล้ว ไม่ใช่ว่ามาเล่นกิจกรรมไม่ได้หรอก แต่เราก็ยังงงเองว่าเอาเวลาที่ไหนตั้งเยอะมาเดินเล่นแบบนี้ แปลกดีเหมือนกัน ถ้ารู้จักสะสมเงินก็คงจะไปซื้อตุ๊กตาตั้งนานแล้ว ไม่ต้องมาเดินไล่เก็บของรางวัลหรอก
เอาจริงๆ โตแล้วทำอะไรก็ได้ แต่ทำอะไรดี?
ใช่สิ ถ้าเราโตจริงๆ ก็ต้องไม่โตแค่ร่างกาย แต่ความคิดก็ต้องโตด้วย ดูเหมือนว่าไอ้โอมมีความคิดในการใช้ประโยชน์จากไอ้ปากกากล่องเนี้ยในห้วตั้งแต่ที่เขาเห็นมันซักพักแล้ว ใช่ไหม? ช่างเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ
“อืม… ปากกา” โอมพึมพำก่อนที่จะพูดออกมา "ปากกานี่แหละ เอาไปแลกตุ๊กตาเป็ดพะโล้ที่แกอยากได้แน่นอน" พร้อมกับสีหน้าจริงจัง
...เงียบ งงว่ะ ไม่รู้ว่าจะเอายังไงกับโอมดี
“เอาเป็นว่าพูดไปก็ไม่เข้าใจหรอก ตามมาแล้วกันถ้าอยากได้ตุ๊กตา”
ไอ้เชี่ยย อธิบายหน่อยก็ได้ แต่เวลาแบบนี้ถ้ามันจะบ้าก็ต้องบ้าตามแหละ พอคิดได้ดังนั้นขาก็เดินตามคนช่างวางแผนไป แล้วผมก็คิด บางทีผมอาจจะกำลังมีวันที่แสนพิเศษต่อจากนี้ก็ได้
“ที่นี่แหละ” แล้วจู่ๆ ผมก็เริ่มตาสว่าง กลายเป็นว่าตอนนี้เรากำลังอยู่ที่ซุ้มบิงโก แต่เป็นซุ้มที่มีบรรยากาศตึงเครียดมาก เพราะว่าไอ้ซุ้มนี่มันไม่มีปากกาแจก แล้วเด็กที่นี่ดูเหมือนจะไม่ได้พกปากกาเลยซักกะคน บางคนก็เดินออกจากซุ้ม บางคนก็นั่งหาว บางคนเริ่มซุบซิบกับเพื่อน มันก็น่าขัดใจอยู่ กะอีแค่จัดซุ้มๆหนึ่ง ปากกาก็ไม่มีแจกให้ คิดว่าวันเด็กเด็กมันจะเอาปากกามาหรือไง ไม่มีก็ไม่ต้องเล่นหรอ หือ!
แต่ไม่เป็นไร เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นสู่เป้าหมายของเรา… คิดว่านะ
“โอ้โห! มาเร็วจัง” สาวเจ้าของซุ้มพูดด้วยความฉงน เธอดันแว่นขึ้นแล้วพูดต่อ “ขอบคุณนะโอม แล้วก็ชายด้วยที่เอารางวัลมาให้ ดูแลซุ้มอยู่ไม่กี่คนนี่มันเหนื่อยอะเนอะ อ้อ! จะให้ฉันทำอะไรตอบแทนก็บอกมาเลยนะ”
“อืม” โอมตอบรับ “ต้องขอบคุณความสามารถในการปาเป้าของไอ้ชายมัน เอางี้ เพื่อเป็นการตอบแทน เราขอของขวัญในซุ้มอันนึงนะ" ได้ยินอย่างงี้ก็เคือง แต่ก็ถือเป็นเรื่องปกติของโอมมัน อย่างน้อยมันก็ทำประโยชน์ให้ว่ะ ไอเดียดีเหมือนกัน ตอนนี้เห็นตุ๊กตาเป็ดตัวหนึ่ง มันตัวเล็กกว่าอันที่อยากได้อยู่หน่อย แต่ถ้าเอาไปให้ก็คงไม่น่าเกลียดมาก
“ถ้างั้นเราขอ-“
ยังไม่ทันที่จะพูดจบ โอมก็พูดแทรกเฉย
“หม้อหุงข้าวนี่แหละ คงไม่มีเด็กคนไหนอยากแบกหม้อหุงข้าวกลับบ้านแน่นอน”
กู- อะไรวะ โดนไอ้โอมเล่นอยู่รึเปล่าเนี่ย?
ส่วนยัยสาวเจ้าก็รีบหยิบหม้อหุงข้าวให้เราทันที แล้วปล่อยให้ตุ๊กตาตัวนั้นรอเจ้าของต่อไป
“เดี๋ยวก่อนไอ้โอม กูเอาตุ๊กตาเป็ดอันนั้นก็ได้นะเว้ย เล็กกว่านิดหน่อยเอง มึงจะเลือกหม้อหุงข้าวไปทำไม”
“คิดซ์หน่อยดิวะ ตุ๊กตาเป็ดนั่นมันเป็นของรางวัลใหญ่สุดนะเว้ย เอ็งจะยอมเอาตุ๊กตาโง่ๆ นั่นไปให้น้องข้าวแลกกับการโดนเด็กในซุ้มนี้เกลียดหน้า หรือทำตามแผนแล้วแลกตุ๊กตาตัวใหญ่มาให้ล่ะ"
“เออ เข้าใจว่ามีแผน แต่เล่นทำตัวกะล่อนไม่ยอมให้ถามอะไรซักอย่างเลย แล้วแบบนี้จะให้เชื่อได้ไงว่าอยากจะช่วย ไม่ใช่จะเอาหม้อไปใช้เองวะ มันเสียเวลานะเว้ย”
“… เราก็เสียเวลาเหมือนกัน แต่ว่านะ บอกไปก็เท่านั้น เพราะเดียวแกก็เข้าใจเอง”
สถานที่ต่อไปคือห้องวิทยาศาสตร์ เราเจอกับครูเก้า ซึ่งก็เป็นทั้งครูประจำชั้นของเราและเป็นครูที่อยู่ประจำห้องนี้ เนื่องจากว่าครูชอบประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์แปลกๆ อยู่เสมอ รวมถึงคราวนี้เขาก็ต้องการที่เอาหม้อหุงข้าวไปดัดแปลงนั่นเอง
“อ้าวโอม ครูก็แค่ล้อเล่น นี่อุตส่าห์ไปหาหม้อหุงข้าวมาเลยเหรอ แล้วนี่ต้องเล่นบิงโกกี่ตาละเนี่ย”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เรื่องแค่นี้เล็กน้อย แต่ก่อนที่ผมจะให้ของเนี่ย ผมขอแลกกับตุ๊กตาหมีในมือครูได้ไหมครับ” โอมกล่าวอย่างตรงประเด็น
“เอาสิ ครูไปปาเป้ามาแล้วได้แค่ตุ๊กตาตัวนี้เอง ทำไมจะให้ไม่ได้” เขากล่าวอย่างเซ็งๆ เหมือนจะรู้ตัวดีว่าไม่เก่งเรื่องพรรณนี้
หลังจากที่ผมกับโอมออกจากห้อง ผมก็เริ่มเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น เลยถามมันว่า "นี่ยังต้องเอาของไปแลกอีกใช่ไหม จะต้องเอาไปแลกอีกกี่คนละ"
“คนเดียว” โอมพูดพร้อมกับสีหน้าที่ยิ้มแย้มขึ้น “อีกแค่คนเดียวนี่แหละ เชื่อเถอะ” จากนั้นพวกเราก็เดินทางต่อไป ผมเดินตามมันไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็ไปหยุดตรงที่ห้อง ม. 3|5 นี่มันห้องน้องสาวไอ้โอมนี่หน่า
“ห้องน้องแกหนิ นี่จะบอกว่าน้องแกมีตุ๊กตาเป็ดยักษ์หรอ”
“ประมาณนั้น ไม่รู้ว่าตัวเดียวกันหรือเปล่า แต่เดี๋ยวจะเจรจาให้ถ้าอยากได้”
“แล้วไอ้ที่ไปแลกของนี่…”
“บอกแกไปก็ไม่เชื่อหรอก มีแต่เราที่รู้แหละว่าน้องเราอยากได้อะไร ปะ เข้าห้องเถอะ”
“มาทำไมละพี่ มีอะไรเหรอ" ผมเห็นเด็กผู้หญิงถักผมเปียคนหนึ่ง เธอชื่ออิงอิง น้องสาวของไอ้โอมนั้นแหละ แล้วก็อย่างที่ไอ้โอมบอกจริงๆ เธอนั่งโพสท่าอยู่กับตุ๊กตาเป็ดอันเบ้อเร่อ อันนี้แหละอันที่อยากได้ แต่ก็นะ…
“พี่ก็ไปหาของมาให้น้องนี่แหละ คิดว่าจะเอามาแลกกับตุ๊กตาของน้องได้ไหม” นั่นแหละ เริ่มสงสัยแล้วสิว่าที่ไอ้โอมทำมันจะเวิร์คเหรอ เอาตุ๊กตาหมีธรรมด๊า ธรรมดาตัวนึง มาแลกกับตุ๊กตาเป็ดยักษ์เนี่ยนะ? มันจะแลกกันยังไงวะ แล้วอีกอย่าง จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เขาเจอเธอกับไอ้โอมเธอดูจะไม่พอใจกับอะไรที่พี่ชายเธอเลือกให้เลยหนิ
“ว้าว! ตุ๊กตาน่ารักจัง พี่ได้มาจากไหนเนี่ย”
“ไม่ต้องรู้หรอกน่า ไม่ได้ขโมยมาแล้วกัน” โอมตอบด้วยความยียวน
“คนบ้าอะไรเนี่ย จะกวนประสาทไปถึงไหน ชิ! เดี๋ยวหนูเอาตุ๊กตาให้ก็ได้ จริงๆ ตัวเล็กๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ตุ๊กตาตัวใหญ่แบบนี้แบกกลับบ้านยากจะตาย แต่ถ้าพี่ชายอยากได้ก็จะให้นะ”
“นี่ก็พี่ชายเหมือนกันนะพูดถึงชายไหนล่ะ
“เวร ขำตายแหละ”
อย่างกับเรื่องแต่ง ผมขำออกมา ไม่ใช่เพราะมุกโง่ๆ ของไอ้โอม แต่เพราะเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้นั้นแหละ ยอมรับว่าผมไม่ได้มีหัวคิดวิธีที่มันซับซ้อนแต่ได้ผลแบบนี้เลย กลับกัน ผมชอบอะไรง่ายๆ มากกว่า สุดท้ายผมก็ต้องขอบคุณโอมอย่างมาก เพราะว่าสิ่งที่โอมทำช่วยเปิดมุมมองชีวิตผมเป็นอย่างมาก ถ้ากฏบอกว่าไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ละก็ เราก็คงจะชนะกฏนั้นตั้งแต่วันนี้เลยก็ได้
แล้วน้องข้าวก็ดีใจที่ผมมีตุ๊กตาเป็ดพะโล้ให้เธอ อืม มันก็ใหญ่จริงๆ นั่นแหละ คิดว่าเธอจะเอามันกลับบ้านยังไงล่ะ?
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in