~ เพียงแค่ฝนตกลง
ที่หน้าต่างในบางครา
เพียงแค่ฝนตกลง
ในวันหยุดในตอนเช้า
มันก็อาจจะมีนิดเดียว
ที่คิดถึงเธอ
มันก็อาจจะเป็นครั้งเดียว
ที่บอกรักเธอ~
*ก่อนฤดูฝน – the toys
เนื้อเพลงไม่เกี่ยวอะไรกับการบันทึกไดอารี่ในรอบนี้เลย เพียงแต่ว่าช่วงนี้ฝนตกแม้งทุกเย็น เวลากลับบ้าน
เลยมีเรื่องจะมาเล่าให้ฟัง
เรื่องพึงเกิดขึ้นไม่นานนี้เอง ฤดูฝนปีนี้และ ไม่ใกล้ไม่ไกล
ประมาณ 5 โมงครึ่ง เป็นเวลาที่กำลังหนักหนาสำหรับการกลับบ้านมนุษย์ออฟฟิส เด็กๆเลิกเรียนพิเศษ หรืออะไรก็ว่าไป
กำลังกลับบ้าน ด้วยการขนส่งโดยวิธีที่บีบคนแน่เป็นปลากระป๋องแบบนี้บีทีเอส นั้นเอง
พอเราลงจากบีทีเอส ด้วยความเหนื่อยล้าก็ทำมุ่งหน้ามุ่งตาเดินไปที่ป้ายรถเมล์เพื่อจะนั้งรถต่อกลับบ้าน
แล้วความหิวก็ประดังเข้ามา
อิเควี้ยยยย หิวจนจะหน้ามืด ......
เลยหาอะไรแวะกินแถวนี้ดีกว่าแล้วพอกินเสร็จก็จะเดินกลับบ้านเพื่อเป็นการย่อยอาหาร
ผ่านหน้าปากซอย ซอยหนึ่งแถวๆนี้พอดี มีทั้งอาหารเครื่องดื่มตั้งประดับร้านเต็มไปหมดข้างใน
ทุกคนพอนึกออกใช่ไหม
พอเราเดินอยู่ด้านหน้าติดถนน พอมองเข้าในซอยก็เห็นร้านอาหารวางเต็มทางเท้าสองขางทางเต็มไปหมดซอยนี้เป็นซอยที่ต้องเดินผ่านแทบจะทุกครั้ง เลยจดจำร้านต่างๆได้บ้าง
สวรรค์.................
เราเลยเลือกกินอะไรเบาๆ แล้วกัน..ก๋ยวเตี๋ยว ....
ซอยนี้มีร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่ปากทางเข้าซอยพอดีเป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำตกเจ้าอร่อย ปกติคนเยอะมาก การจัดตกแต่งร้านก็ไม่มีอะไรมากนอกจาก ครัวปรุงเตี๋ยวจะอยู่ด้านหน้า ถัดลึกเข้าไปในซอย เป็นโต๊ะเหล็กสีน้ำเงินและสีแดงสลับกันแถวหน้ากระดานเรียงสามอยู่ประมาณ สามแถว มีพวงเครื่องปรุงประดับอยุ่แถบทุกโต๊ะระหว่างโต๊ะ มีร่มใหญ่ที่ยังไม่ได้กางวางอยู่
ปกติร้านจะคนเยอะมาก แต่ทำไมวันนี้ถึงยังไม่มีคนเลย
พอเข้ามาที่ร้านก็ได้รู้
“มาม่าน้ำตกเนื้อค่ะ”
“รอแปปนะน้อง พึงทำเลยยังไม่เสร็จดี”
อ่า.. กุว่าแล้ว ต้องนั้งรอกันไปอีก คิดกับตัวเองว่าอย่าเรื่องมากเรื่องเยอะ นั้งรอไป หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นฆ่าเวลาไปเพลินๆก็ได้
ผ่านไปซักประมาณ 5 นาที กลิ่นหอมๆก็ลอยเข้ามาปะทะจมูกพี่ที่เป็นเจ้าของร้านผู้หญิงเดินเข้ามาส่งอาหารถึงที่โต๊ะพอดีเรานั้งเล่นโทรศัพท์อยู่เลยไม่ได้ทันสังเกตว่าพี่เขาทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว
และนับตั้งแต่นั้นมา ตาก็ไม่ได้อยู่กับโทรศัพท์อีกเลย
แต่พอเริ่มคีบเส้นเข้าปากได้เพียงสามคำเท่านั้น
ครื้นนนน
อิดอกกกก ฟ้าร้องจ่ะพี่จ้า
นั้งภาวนาในใจ “อย่าพึงตกน่ะ ขอไปขึ้นรถก่อนนะ อย่าพึงเลยลงมาเด้อพี่จ้า”
หลังจากคิดในใจจบ
ซ่า..................
อิฟัค
ตกมาแล้ว
ทางเราเลยทำตัวเหมือนทองไม่รู้ร้อน ขยับจานก๋วยเตี๋ยวไปนั้งโต๊ะในสุดติดกำแพงเพื่อกันละอองฝน หลังจากขยับแล้วก็ลงมีกินต่อ โห้ฝนห่าใหญ่ขนาดนี้แปปเดียวเท่านั้นและ ฝนไล่ช้าง เดี๋ยวก็หายคิดในใจ
แล้วก็นั้งกินต่อ
10 นาทีก็แล้ว......
20 นาทีก็แล้ว.......
ฝนก็ยังไม่มีทีท่าจะหยุด ยังคงเส้นคงวาตกแรงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน สงสารพี่เจ้าของร้ายที่ตั้งแต่ฝนเริ่มตกมา พี่เค้าก็ต้องขยับตัวตลอดเวลากางร่มแบบรวดเร็ว ขยับพลาสติกทำกำบังสำหรับหม้อเกี๋ยวเตี๋ยวเอาถุงพลาสติกมาคลุมพวงเครื่องปรุงเอาไว้ในแต่ละโต๊ะสองคนผัวเมียทำงานกันอย่างหนัก
ฝนก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
คนมีแวะเข้ามาใต้ร่มร้านก๋วยเตี๋ยวของเราบ้าง มาแวะแบปนึงเพื่อตั้งตัวแล้วก็ออกเดินทางลุยฝนกันต่อ
เรานั้งดูถนนจากที่มีคนเยอะๆ กลายเป็นมีแต่รถหลังจากรถเริ่มเคลือนตัวออกจากซอย ความเงียบของซอยก็เข้าครอบงำ ไม่มีแม้งกระทั้งรถยนต์ที่จะผ่าฝนออกมามอเตอร์ไซด์ไม่ต้องพูดถึง หายไปได้ซักพักใหญ่แล้วเพราะไม่มีปัญญาจะผ่าฝนลูกใหญ่ขนาดนี้ พี่วินมอไซด์หน้าปากซอยใกล้ๆ ร้านก๋วยเตี๋ยวยังต้องเดินเข้ามาในร้านก๋วยเตี๋ยวที่มีกำบังพอเหมาะ พร้อมสั่งก๋วยเตี๋ยวกินรอเวลาฝนหยุด
ผ่านไปแล้วเกือบครึ่งชั่วโมง พี่ผู้หญิงคนนึงจากในร้านเป็นลูกค้าที่มากินหลังจากเราแค่แปปเดี๋ยวก็เดินไปขอถุงพ่อเจ้าของร้นอย่างอดไม่ไหว พร้อมเอาถุงครอบหัวใบนึง ครอบกระเป๋าใบนึง เดินผ่าฝนหนักๆ ออกไปส่วนเราก็ยังนั้งดูฝนอยุ่แบบนั้นด้วยความอึดอัด
อยากกลับก็อยากกลับจริงๆแล้วเรามีร่มเล็กๆติดตัวมา แต่ฝนขนาดนี้ร่มก็ร่มเถอะ ต้องพังแน่ๆ
ตอนนี้ 6.15น ฝนเริ่มซาขึ้นมานิด เราเลยเดินไปขอถุงพี่เจ้าของร้าน
เอาโทรศัพท์ หนังสือ สมุดจดเล็กๆ ใส่เข้าไปในถุงเพราะกระเป๋าเราไม่มีซิบปิด เลยไม่สามารถป้องกันของด้านในได้เต็มที่
เลยต้องเอาของสำคัญเก็บเพื่อกันฝนไปก่อน
หลังจากเก็บของเรียบร้อยแล้ว พี่เจ้าของร้านก็พูดขึ้น
“หนู พี่มีถุงใหญ่กว่านี้ เอาไหม๊คลุใกระเป๋าหนูได้เลยนะ” แล้วพี่เขาก็เดินเลี่ยงอออกไปตรงครัวปรุงก๋วยเตี๋ยวพร้อมควานหาถุงใบใหญ่
พอจะบอกปฏิเสธ ก็ช้าเกินไปแล้วพี่เขาก็คว้าถุงใบใหญ่ที่มีร่องรอยของน้ำที่เกิดจากพี่เขาเองเดินตากฝนตอนที่ผ่านออกไปเอาถุงให้
“ข้างในไม่เปียดนะน้อง ข้างนอกเปียกเพราะพี่เอง” พร้อมยืนถุง
เรายิ้ม ก้มลงไว้แบบสวยสมมง
จากนั้นเราก็เอากระเป๋าประมาณ กว้างประมาณ 17” พับแบบทุลักทุเรพยายามพับแล้วยัดใส่ลงไปในถุงให้ได้
และโชคบวกความพยายามก็ทำให้ถุงนั้นยัดลงไปสำเร็จ ทรงกระเป๋าเละเทะ มาก
ดูรูปไหม
พร้อมออกจากกระท่องร้านก๋วยเตี๋ยวอันเป็นที่พักผิงบอกลาพี่เขาอย่างเป็นกันเอง
กางร่ม และก้าวตัวอกมาจากร้าน
ทางเท้าขนาดใหญ่ ถูกขนาบด้วยซ้ายที่เป็นบ้านและอาคารปลูกสร้างด้านขวามือเป็นถนนกว้างประมาณ 6 เลน
เราตัดทางปากซอยออกไป เดินเรียบตามทางเท้าขนาดกว้างมีน้ำตกลงมาเป็นหย่อมๆจากบ้าน เพราะบ้างบ้านมีหลังคาเล็กๆมุงกันแดด กันนสาดเอาไว้
เราพยายามเดินหลีกๆไม่โดนน้ำตกเหล่านั้นและก็ไม่อยากจะเดินติดถนนเกินไปเพราะกลัวว่าจะโดนน้ำที่ขังจากถนน กระเด็นเข้ามาพร้อมแรงรถ
นี้และปัญหา พอถึงสามแยกที่จะผ่านตัดไปอีกทางเท้านึง
อิเหี้ย
น้ำขัง รอการระบายเลยจ่ะพี่จ้า
...... แล้วใครจะมาระบายให้มึงตอนนี้วะ
ลองดูรูปสิ
เอาจริงๆตอนนั้นไม่รู้เลยจริงๆ ว่าจะต้องเดินผ่านไปทางไหน เดินยังไงดีเพราะถ้าออกไปไกลเกินรถชนนะจ๊ะ หรือถ้าจะลุยน้ำเลยก็ได้ แต่มันน่ากลัวมากน้ำนี้มองไม่เห็นพื้นเลย
เอาแล้วกู ปัญหาโง่ๆแบบงง
เดินมาหลบตรงหัวโค้งก่อน
แต่แล้วพี่ผู้ชายคนนึงก็ตัดตัวออกจากหัวมุมโค้ง และเดินไปตรงเกือบกึ่งกลางถนนแบบรวดเร็วจนเราเองก็ตกใจ เดินโหดมาห เดินออกไปเกือบกลางถนนเลยอะพี่ แบบนี้อะตัวเธอ
อยากไปแบบนั้นบ้างจัง
อยากเดินไป ทำไงดี
เอาละวะ
ตั้งหลัก
ข้ามแม้ง
ข้ามไปแล้ว รอดตาย
จบ
แยก
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in