เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ไดอารี่คน.....นะจ๊ะCHOMVIEW
ไดอารี่คน"บ้า"
  • เริ่มต้นไดอารี่ด้วยเรื่องบ้าๆกันดีกว่า

    เช้าตรู่วันจันทร์ ที่แสนจะยุ่งเหยิงและรถติดชิบ.. เราเป็นผู้หญิงเดินสะพายกระเป๋าใบ 17'-18'  ต้วมเตี้ยมออกจากซอยบ้าน ข้ามสะพานลอยเพื่อไปที่ป้ายรถเมล์ซึ่งอยู่ใต้สะพานลอยอีกฝากนึง

    "คนเยอะชิบ ไม่เหลือที่ให้หย่อนตูดเลยจ้า" อันนี้พูดกับตัวเอง พอเดินลงจากสะพานลอยได้ก็หาทำเล
    เหมาะๆ ยืน 

    ป้ายรถเมล์ที่มีที่นั้งรอสีเงินยาวสีขาวเพราะไม่มี โฆษณามาลง คนนั้งอยู่ประมาณ 8 คน เบียดกันอยู่ 
    ริมที่ติดสะพานลอย เป็นคุณป้าแบก ถุงผักที่ซื้อมาจากตลาด วางไว้ที่ระหว่างกางเกงขาก้วยสองข้าง 
    ถัดไปเป็น สาวออฟฟิส 3 คนนั้งเรียงกัน ทำกิจกรรมเหมือนๆกันแบบที่ไม่ต้องนัดกันมาก่อน คือเล่น
    " โทรศัพท์ " 
    ถัดต่อจากนั้นเป็นคุณลุงเนื้อตัวมอมแมม ใส่เสื้อโปโล กับกางเกงเจเจสีส้ม ถัดจากนั้น ก็เป็นครอบครัวพ่อ แม่ และลูกเล็กไม่เกิน 6 ขวบ นอกนั้นคนก็ยืนกระจัดกระจายรอบๆ ที่นั้งรถเมล์เล็กๆแบบนี้  

    เดี๋ยววาดรูปให้ดู (โดยสังเขป)

  • หลังจากที่ยืนเงียบๆ และรถก็เงียบมาก ประมาณ ไม่ถึง 5 นาที ก็มีเสียงตะโกนโวยวายขึ้นมา 
    แบบดังจนป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้าม ที่ห่างประมาณ 5 เลน์ ได้ยิน
    (ก็แน่และ เพราะมันไม่มีรถวิ่งผ่านเลยซักคันเดียว งงมาก สายแล้วด้วยแก)

    "อย่ามายุ่งกับกู โว้ยยยยยยยย"

    เท่านั้นเเละจ้า คนที่นั้งอยู่ก็แตกฮือ ให้ความรู้เหมือนมแมลงเกาะดอกไม้รวมๆกันที่เดียว 
    เเล้วมีคนเอาก้อนหินโยนไปแกล้งมัน แตกฮือแบบนั้นเเละค่ะ แตกแบบ ดาวกระจาย!

    หลังจากที่คิดภาพออกแล้วนะคะ 

    ภาพจริงๆคือเป็นพี่เสื้อโปโล กางเกง เจเจสีส้ม ตัวมอมแมมเล็กน้อย ตะโกนออกมา เดินไปทางซ้ายมือ(จากรูป) โวยวาย โวยวาย อยู่อย่างนั้น แล้ก็กระตุกไหล่แรงๆ เป็นหลายๆครั้งติดกัน พร้อมกับเอามือทุบหน้าอกตัวเองไปด้วย 

    รอแรกโวยวายใส่ ครอบครัว พ่อแม่ลูกก่อน ความเป็นพ่อและหัวหน้าครอบครัว พอเสียงตะโกนดังขึ้น คนเป็นพ่อก็อุ้มลูกและจูงมือภรรยาออกไปทันที แต่ลุงโปโลก็ไม่ท้อแท้ เดินตามไปโวยวายเค้า แบบเรียบๆ แต่เสียงดังมาก พร้อมกับท่ากระตุกไหล่แรงๆ เป็นหลายๆครั้งติดกัน พร้อมกับเอามือทุบหน้าอกตัวเองไปด้วย (เจ็บแทนคือทุบดังมาก)

    หลังจากที่ครอบครัวนั้นเดินพ้นออกไปแล้ว (เดินไปหลังม้านั้งกทม.นั้นคือพ้นเเล้ว)
    แต่ว่า รอบที่สองที่โวยวาย ก็คือพี่ที่นั้งอยู่มานั้งกทม.คนนั้น  แต่ด้วยความเท่ห์พี่เค้าก็มองกลับไปที่คุณลุงแบบไม่รู้สึกอะไร จนลุงโปโลล่าถอยออกมาเอง (งงว่าทำไมเปลี่ยนทิศเร็วจัง)

    คำที่โวยวายคือ " แล้วมึงจะทำไม อย่ามาทำะไรก็นะ กูรู้นะ"

    มึงรู้ ทำไมก็ไม่เห็นจะรู้เลย -- นี้ความคิดฉันเอง แต่ก็ไม่กล้าพูดดังนะ ตอนนี้กำลังกระดืบหนีออกจากเสาไฟ(ด้วยความกลัว)มานิดหน่อย ตามองถนนเพราะรถแม้งไม่มาซักที กูอยากออกไปจากตรงนี้ พอดีกับคุณป้าถือถุงที่นั้งอยู่ป้ายรถเมล์คนแรกริมขวามือมายืนคั่นกลางระหว่างเรากับเสา

    โวยวายครั้งที่สาม คราวนี้ เดินย้อนกลับมาทางฝั่งขวา อ้าว ฝั่งกูแล้วทีนี้ ชิบหายเเล้วจ้า
    เหมือนเค้าเดินย้อนกลับมาเท่านั้น เเล้วก็เดินย้อนกลับไปไหม เดินย้อนไปมาตรงปายรถเมล์แบบนั้น เสียงก็ดังไม่หยุด เสียงตะโกนไม่พอ เสียงทุบอกด้วย ดังพอพอกัน 

    จากนั้นรถเมล์ก็มา เอาแล้ว สวรรค์ช่วยกูเเล้ว 

    อ้าว!! ไม่ใช่สายนี้ ฟัคคคคคคค 
    เห็นกับตาคือครอบครัวพ่อแม่ลูก สามคนนั้นที่เป็นทีมโดนโวยวายครั้งแรก รีบวิ่งเลาะถนนมาขึ้นรถเมล์แบบเร็วกว่าเดอะแฟลส คนอีก3-4 คนที่ยืนข้างหลังป้ายรถเมล์วิ่งแย่งกันขึ้นอย่างใจร้อน แต่ลุงโปโลก็ยังตะโกนเสียงดังอีก คราวนี้หนักกว่าเดิม ลงไปนั้งที่ม้านั้งยาวสีเงิน ตัวกึ่งนั้งกึ่งนอน มือซ้ายบีบคอตัวเอง หลังจากนั้นอีกสองวิก็เอามือขวา ดึงมือซ้ายตัวเองออก พร้อมตะโกน อย่ามายุ่งกับกู (เออ!! ) 

    แล้วพี่เค้าก็ลุกขึ้นมาใหม่ เดินไปทางซ้ายมือ ตะโกนแล้วทุบอกตัวเองไปเรื่อยๆ ไหล่กระตุกถี่ๆ เหมือนคนจะชักเเล้วค่อยๆเดินจากไป พร้อมเสียงก็เงียบลง ได้ยินเสียงถอนหายใจจากคนที่ป้ายรถเมล ดังมาก เหมือนแม้งพร้อมกันเกินจนดังเป็นเสียงเดียว คุณป้าที่มาหลบภัยข้างๆ ก็ย้ายกลับไปนั้งที่เดิมที่เคยนั้งตั้งแต่แรก ส่วนเราก็ได้แต่มองพี่เค้า หวังว่าอย่าให้เค้ากลับมาเลย แล้วก็อย่าไปทำอะไรใครเค้าด้วย


    สุดท้าย

    อิดอก!! สาย 79 เมื่อไหร่มึงจะมา กูจะสายเเล้วนะโว้ย ฟัค!

    จบ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in