The Avengers + Thor fanfiction by Tippuri~ii *
* แฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของไรเตอร์และแต่งขึ้นเพื่อความบัง เทิง ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น และแฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นแฟนฟิคชั่น boy’s love…ถ้าใครไม่ชอบแนะนำให้ปิดค่ะ *
***************************************
ค่ำคืนดำสนิทถูกแต่งแต้มด้วยแสงไฟหลากสี
ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มผมทองเดินไปตามถนน…การตามหาตัวโลกิที่ยืดเยื้อไม่สำเร็จเสียทีทำให้นิค ฟิวรี่ตัดสินใจให้เหล่าอเวนเจอร์สได้มีเวลาพักบ้าง ซึ่งเอาตามจริงแล้ว…ธอร์ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมายแต่แรกอยู่แล้ว คนที่รับผิดชอบดูจะมีแค่มหาเศรษฐีเพลย์บอยอย่างโทนี่ สตาร์คกับเจ้าระบบอัจฉริยะนามจาร์วิสเสียมากกว่า แต่อย่างไรเสีย…คำสั่งนี้ก็ทำให้เขาได้มีโอกาสมาเดินเตร่เรื่อยเปื่อยแบบนี้
นัยน์ตาสีฟ้าไล่มอง…ถนนยามค่ำคืนแทนที่จะเงียบเหงากลับเต็มไปด้วยผู้คน เสียงเพลงและแสงไฟละลานตาแทบจะเปลี่ยนให้กลางคืนกลับเป็นกลางวัน ทุกอย่างดูรื่นเริงจนธอร์คิดว่าตนที่เดินเงียบๆ แบบนี้เป็นอะไรแปลกปลอม…ยิ่งสงสัยเข้าไปอีกว่าเขาอาจจะดูประหลาดจริงๆ เมื่อเห็นสายตาของหญิงสาวทั้งหลาย นึกแปลกใจว่ามีอะไรให้พวกเธอต้องมองหรือยิ้มนิดๆ มาให้แบบนี้…โทนี่บอกให้เขาแต่งตัวแบบคนทั่วไป และธอร์ก็คิดว่าเสื้อเชิร์ตกับกางเกงที่สวมอยู่นี้ก็ดูปกติเสียยิ่งกว่าอะไร
บรรดาหญิงสาวยิ่งหัวเราะคิกเมื่อเห็นว่าเขาสบสายตา…ธอร์ขมวดคิ้วนิดๆ ก่อนที่จะลืมหายใจ ด้านหลังที่ห่างไปอีกหน่อยนั้น…ถึงจะแค่เพียงแว่บเดียวและเจ้าตัวก็แต่งกายแบบคนทั่วไป แต่ชายหนุ่มไม่มีวันจะจำร่างโปร่งนั้นผิด…วงหน้าหล่อติดจะหวานนิดๆ นั้นยิ้มมุมปากราวเจ้าตัวสนุกกับการมองสถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญ ก่อนจะหันหลัง…ไม่ลืมจะส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้อีกทีตอนหมุนตัวแล้วเดินลับไปจากหัวมุมถนน กริยาที่ราวกับจะท้าทายให้ไล่ตาม
ร่างสูงเร่งฝีเท้าตามจนแทบจะเป็นวิ่ง ในใจนึกสบถกับข้อเท็จจริงง่ายดายที่ตนไม่น่าลืม…โลกิไม่มีวันจะถูกหาตัวเจอยกเว้นว่าเจ้าตัวจะต้องการเช่นนั้นเอง เขารีบรุดตามไป…มั่นใจว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ตนได้ทันแค่เห็นแผ่นหลังของน้องชายไวๆ ตามสุดถนน มนต์มายาเป็นสิ่งที่โลกิชอบใช้เสมอ
ถนนคลาคล่ำด้วยผู้คน…แต่ธอร์ยังทันเห็นว่าร่างโปร่งบางหายเข้าไปในตึกหรูหรา เขาไม่ลังเลที่จะตามเข้าไป…สภาพการตกแต่งภายในตัวตึกบอกให้รู้ว่ามันคงเป็นโรงแรมที่ค่าพักแพงลิบลิ่ว แต่ทุกมุมกลับเงียบงันไม่มีใคร…บอกให้รู้ว่าฝีมือการร่ายเวทย์ของโลกิยังคงดีเยี่ยมไม่เปลี่ยน แต่นั่นก็ทำให้ง่ายขึ้นในการมองหา…ชายหนุ่มพยายามเร่งฝีเท้าจนมาหยุดที่หน้าประตูห้องห้องหนึ่ง เขามั่นใจว่าเห็นน้องชายเดินเข้าไป
มือใหญ่แตะลงบนบานไม้…มันเปิดออกอย่างง่ายดายราวกับคนในห้องแค่ปิดงับไว้เท่านั้น ธอร์ก้าวเข้าไป…ห้องนั้นเป็นแค่ห้องสูทของโรงแรมทั่วไป หน้าต่างแบบพาโนรามามีผ้าม่านไหมสีครีมปิดไว้สนิท พรมสีน้ำเงินเข้มยวบใต้ฝีเท้าของเขา เตียงขนาดใหญ่นั้นดูหนานุ่มหากไร้ร่องรอยการแตะต้อง ดอกกุหลาบตรงหัวเตียงส่งกลิ่นหอมบางเบา…สีขาวของมันดูเหมือนอมทองนิดๆ ด้วยแสงสีอำพันจากโคมไฟที่ดูจะเป็นสิ่งเดียวที่ให้แสงสว่างแก่ห้อง
มองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่มีใครอยู่ในห้องนี้ ธอร์ขมวดคิ้วแล้วพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดจางๆ…หันขวับไปทางประตูเมื่อมันปิดลงเองดังปัง ก่อนจะต้องหันกลับมาในอีกเสี้ยววินาทีเมื่อเผชิญกับน้ำหนักที่โถมเข้าหาจากด้านหน้า…สัมผัสได้ถึงร่างเพรียวที่บดเบียดพร้อมสองแขนที่คล้องรอบคอของตน
“คิดถึงน้องไหม…?”
เสียงกระซิบเย้าๆ นั้นดังแผ่วด้วยระยะห่างที่น้อยนิด…เรียวปากสีเรื่อนั้นแย้มยิ้มอย่างซุกซน ธอร์ห้ามใจตัวเองให้ไม่เต้นแรงไม่ได้…ความใกล้ชิดนี้หอมหวานจนชวนให้ลุ่มหลงแม้ว่าจะรู้ดีว่ามันอันตรายแค่ไหน
“อย่าทำแบบนี้…โลกิ”
ชายหนุ่มผมทองพยายามขืนตัว มือใหญ่พยายามผลักไสร่างที่แนบชิดออก…แต่ก็ยากเย็นเต็มที สัมผัสของผิวเนียนทำให้ใจร้อนรุ่ม รู้ตัวดีว่าอยากทำสิ่งที่ตรงข้ามกัน
“ทำไมล่ะ? ยังไงเสียเราก็เป็นศัตรูกันแล้ว…และเราก็ไม่ได้เป็นพี่น้องจริงๆ กันด้วย” เสียงทุ้มหวานตวัดเยาะหยัน ก่อนจะนุ่มนวลในประโยคหลัง “เพราะงั้น เราจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น…รู้ไหม?”
เสียงเอ่ยอ่อนหวานเหมือนน้ำผึ้ง หากอารมณ์ที่ซ่อนเร้นและความนัยที่เจืออยู่ก็ทำให้ประโยคนี้เป็นดั่งยาพิษ…ยาพิษหอมหวานที่น่าลิ้มลอง ธอร์สะกดความปรารถนาบ้าๆ ที่เริ่มก่อตัวในใจ พูดเสียงแข็งๆ ตอบน้องชาย
“หยุดแผนการบ้าๆ ของเจ้าเสียเถอะโลกิ เจ้ากับข้าต่างก็รู้ดีว่าเจ้าไม่มีทางชนะ…”
ชายหนุ่มผมดำถอนหายใจแรงๆ ขึ้นแทรกประโยคอย่างไม่คิดรักษามารยาท เสียงทุ้มหวานตวัดเชิด
“ข้าล่ะเบื่อจริงๆ เวลาที่ท่านมาสั่งให้ข้าทำนั่นทำนี่…” คำแทนตัวล้อเล่นถูกเปลี่ยนคืนเป็นเสียงอวดดี วงแขนโอบแน่นขึ้น…ก่อนที่โลกิจะหัวเราะเบาๆ ในประโยคหลัง ธอร์มั่นใจว่าตนไม่ได้คิดไปเองว่ากระแสเสียงนั้นแผ่วระริกอย่างยั่วยวน “และคืนนี้ข้าก็ไม่อยากจะคิดถึงอะไรน่าเบื่อพวกนี้หรอกนะ…”
วงหน้าสีน้ำนมเงยขึ้น ถ้อยกระซิบสั่นพร่า
“คืนนี้…ข้าอยากคิดถึงอะไรที่ข้าอยากทำมากกว่า…” ร่างแนบชิด ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่คำพูดแผ่วเบาจะทำให้รู้สึกร้อนรุ่มได้ขนาดนี้ “…อะไรที่ข้าอยากทำกับท่านน่ะ”
แขนข้างหนึ่งยังคงโอบรอบคอ…แต่ปลายนิ้วของมืออีกข้างเลื่อนมาเกี่ยวพันปอยผมสีสว่างเล่น ก่อนที่จะผละจาก…ลากไล้จากผิวแก้มลงมาถึงต้นคอ แตะเบาๆ ที่กลางแผ่นอก เสียงกระซิบถามย้ำ…ระริกอย่างออดอ้อน
“ท่านไม่คิดถึงมันบ้างหรือ…อะไรที่ท่านอยากทำกับข้าน่ะ…?”
ธอร์รู้ว่าตนกำลังจะห้ามความรู้สึกไม่ไหว โลกิพูดถูก เขาคิดถึงมันเสมอ…สิ่งที่เขาอยากทำกับอีกฝ่ายมาตลอดหากได้แต่เก็บกลั้นความต้องการนี้ไว้ แต่ตอนนี้…ร่างที่แนบชิดกับถ้อยคำของน้องชายไม่ช่วยให้เขาอยากเก็บความคิดนี้ไว้ในใจอีกแล้ว
ทุกเหตุผลและการหักห้ามใจพังทลาย…มือใหญ่รั้งอีกฝ่ายให้เข้ามาชิด เชยคางขึ้นก่อนจะประทับริมฝีปากของตนเข้ากับเรียวปากสีเรื่อนั้น ความคิดในหัวสับสน…ทั้งบอกให้ตัวเองหยุดและทั้งต้องการให้จูบนี้ยาวนาน ธอร์อยากบังคับให้ตัวเองทำเรื่องที่ควรทำ แต่ก็รู้ใจตัวเองดีว่าเขาต้องการสิ่งตรงข้ามกับคำบอกนั้น…และอีกสิ่งที่ทำให้ยากขึ้นก็คือเรียวปากที่ตนกำลังครอบครอง สัมผัสหอมหวานนี้มีแต่จะปลุกเร้าให้ต้องการไม่สิ้นสุด ร่างบางของน้องชายบดเบียดเข้าหา เรียวแขนโอบเขาไว้ ริมฝีปากเรียวสวยนั่นจูบตอบ…ร้อนรุ่มและหิวกระหายจนทำให้หัวหมุน
เมื่อถอนจูบ ธอร์ก็พยายามผลักร่างที่แนบชิดออก บังคับให้ตัวเองคิดถึงสิ่งที่ควรทำมากกว่าความต้องการของร่างกาย…โลกิเป็นน้องชาย ถึงจะรู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร…แต่เป็นใครก็คงเลิกมองแบบนั้นไม่ได้ และที่สำคัญ…อีกฝ่ายเลือกที่จะเป็นศัตรูกับเขา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรที่สุด…และทุกอย่างควรหยุดเสียตั้งแต่ตอนที่ยังไม่สายเกินไป
โลกิฝืนแรงผลัก ไม่ยอมละแขนที่โอบรอบคอร่างสูงไว้ กระซิบเสียงหอบพร่า…ลมหายใจระริกเพราะรสจูบ “มันจะเป็นแค่คืนนี้คืนเดียวเท่านั้นเอง…เลิกลังเลเสียทีเถอะท่านพี่ ข้ารู้ว่าท่านต้องการข้า”
ธอร์หลับตา…คำเรียกหาเช่นในวันวาน แต่เขาไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะทำให้ใจเต้นแรงได้ถึงเพียงนี้ยามที่ถูกเอ่ยด้วยเสียงสั่นไหวเจือลมหายใจขาดห้วงของน้องชาย…และชายหนุ่มก็เพิ่งตระหนักได้ว่ามันสายเกินไปแล้วที่จะห้ามตัวเอง
เสียงในหัวบอกให้หยุด…แต่สิ่งเดียวที่ร่างกายทำคือโอบร่างเพรียวให้เข้ามาชิดอีกครั้ง มือแข็งแรงเชยตรึงวงหน้าสีน้ำนมไว้เพื่อกดจูบลงบนเรียวปาก ชายหนุ่มผมทองแทบจะได้ยินเสียงร่างในอ้อมแขนหัวเราะเบาๆ ตอนที่ตนถอนจูบ…พอใจที่เห็นเขาพ่ายแพ้กับความรู้สึก มือเรียวนั้นละเรื่อยจากรอบคอแล้วรั้งกระดุมเสื้อของเขาให้หลุดออกจากกัน
ธอร์คงคิดว่าน้องชายใจร้อนไปแล้วถ้าไม่ติดที่ว่าเป็นเขาเองต่างหากที่ใจร้อนกว่า…มือแข็งแรงกระชากเสื้อตัวบางที่อีกฝ่ายสวมอยู่ เสียงขาดของผืนผ้าดังแทรกลมหายใจที่หอบกระเส่า
โลกิดูตกใจเล็กน้อยกับการกระทำนี้ แต่เสียงหัวเราะคิกอย่างเจ้าเล่ห์ก็ดังแผ่วตามมา ไหล่เพรียวขยับให้เสื้อเลื่อนหลุดไปจากตัว มือเรียวรั้งกระดุมทุกเม็ดบนเสื้อของเขาให้หลุดจากกัน ก่อนที่จะวกกลับมา…เอื้อมดึงคอเสื้อให้เขาเข้ามาชิด ร่างบางเขย่งขึ้น…กดจูบลึกล้ำแต่รวดเร็ว ก่อนที่จะผละออก ระยะห่างเพียงลมหายใจกั้น
ชายหนุ่มผมดำผลิยิ้มบางๆ…ปลายนิ้วไล้ข้างแก้มของเขา ลากอ้อยอิ่งมาแตะที่ริมฝีปาก เสียงกระซิบนั้นทั้งเจ้าเล่ห์และเชิญชวน…คำแทนตัวออดอ้อนแบบที่เคยใช้เมื่อวัยเยาว์ “น้องว่า…ที่เตียงน่าจะดีกว่านะท่านพี่”
เสียงยั่วเย้านั้นทำให้ทุกความคิดผิดชอบชั่วดีหายไป ธอร์รั้งร่างบอบบาง…กดจูบหนักหน่วง เรียวลิ้นแทรกเข้าในโพรงปาก โลกิหอบหายใจ ผละหนีเมื่อลมหายใจหมดลง…แต่พี่ชายไม่ยอม มือแข็งแรงตรึงเขาไว้…แผ่นหลังเสียดสีกับผนังเมื่อทั้งสองร่างแนบชิด
โลกิรู้สึกเหมือนน้ำหนักของตนถูกลืมไปจนถึงวินาทีที่ร่างถูกกดคร่อมให้จมลงในผืนฟูก ธอร์สัมผัสได้ถึงปลายนิ้วของน้องชายที่จิกลงบนต้นแขนตอนที่เขาประทับริมฝีปากตรงต้นคออีกฝ่าย…กดเม้มให้เป็นรอยสีกุหลาบ ชายหนุ่มรู้ว่าผิวขาวๆ แบบนี้จะยิ่งขับให้รอยเด่นชัด แต่อีกฝ่ายไม่ได้ขัดขืนและเขาก็ไม่อยากจะคิดอะไรให้วุ่นวายอีกแล้ว…สิ่งเดียวที่ธอร์ต้องการตอนนี้คือร่างในอ้อมแขนและคำโกหกว่าวันพรุ่งนี้จะไม่มาถึง
โลกิหอบหายใจ ผลักมือออกไปตามสัญชาตญาณเมื่อเรียวปากของพี่ชายเลื่อนไปตรงยอดอกของตน ก่อนที่จะหัวเราะเบาๆ ออกมาเมื่อมือใหญ่เอื้อมมารวบแขนข้างนั้นแล้วกดมันให้ขยับไม่ได้ราวกับเป็นการตักเตือน แต่แล้วเสียงหัวเราะก็โดนแทนที่ด้วยลมหายใจหนักหน่วงเมื่อสัมผัสร้อนๆ นั้นไล้เรื่อยลงไปที่หน้าท้อง…และไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น
“อึก…” เสียงทุ้มหวานพร่านิดๆ เพราะลมหายใจที่สะดุดกับสัมผัสของปลายลิ้น ในหัวทั้งสับสนและเป็นสีขาวโพลน…โลกิรู้ดีว่าจะต้องตื่นมาในตอนเช้าด้วยความรู้สึกว่าตนช่างเป็นคนโง่เง่าที่สุด แต่ก็รู้ดีพอกันว่าเขาจะไม่เสียใจ…และเดาว่าพี่ชายก็คิดเหมือนกัน
ต่างก็รู้ดี…ไม่เคยมีคำว่าเหตุผลอยู่ในความปรารถนาที่พวกเขาทั้งคู่มีให้กันอยู่แล้ว
ทั้งๆ ที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่น้อง…แต่โลกิและธอร์ต่างก็รู้ดีว่าฐานะนี้ไม่ได้แข็งแรงพอจะมาหักล้างความต้องการทางร่างกายได้ ความปรารถนาที่มีเป็นเหมือนไฟ…และมันพร้อมจะเผาไหม้ทุกเหตุผลที่ขวางหน้าเสมอ ความจริงที่ได้รู้ถึงสายเลือดอาจเป็นเหมือนการทุบแผ่นกระจก…ทุกอย่างแตกร้าวเกินจะประสานเป็นเนื้อเดิม แต่มองในอีกแง่…พวกเขาก็ไม่ได้ต้องการความจริงแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะไม่ว่าจะจริงหรือไม่…ฐานะที่พวกเขาเป็นสำหรับกันและกันก็ไม่ใช่สิ่งที่สามารถจะหยุดเปลวเพลิงได้อยู่แล้วตั้งแต่ต้น
เรียวขาของโลกิสั่นระริก…พยายามฝืนเข้าหากันตามสัญชาตญาณ ชายหนุ่มหอบหายใจ…ก่อนจะหัวเราะแผ่ว พึงใจกับรสสัมผัสที่พี่ชายปรนเปรอให้…ความจริงอาจเป็นดั่งเศษกระจกที่บาดลึก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเขายินดีจะรับรู้ถึงความเจ็บปวดนี้ เพราะนั่นหมายความว่าจะไม่มีอะไรมาฉุดรั้งความต้องการที่มีได้อีกแล้ว
ลมหายใจขาดห้วงเมื่อพี่ชายถอยห่าง…รอยยิ้มยังคงหลงเหลืออยู่บนริมเรียวปากของโลกิ หากมันก็อ้าค้างนิดๆ…ความต้องการแล่นพล่านจนทำให้ทุกอย่างพร่าเบลอ แต่เขามองเห็นชัด…ชายหนุ่มผมทองกำลังยิ้มเจ้าเล่ห์ และทุกครั้งที่ธอร์ยิ้มแบบนี้…โลกิรู้ว่าจะต้องมีใครสักคนที่ต้องโดนแกล้งให้สาแก่ใจเจ้าตัว
…และไม่ต้องเดาก็รู้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังต้องการจะเห็นใครหัวปั่น
“ท่านพี่…อย่า…” โลกิไม่ได้อยู่ในเวลาที่จะถือดี…อารมณ์ที่โหมไหม้ไม่เปิดโอกาสให้เขาทำสิ่งอื่นใดนอกจากร้องขอ และในวินาทีนี้…ชายหนุ่มก็ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าคนตรงหน้า เขาตัดสินใจแล้วว่าจะลืมทุกเหตุผลและขอเป็นคนที่โง่ที่สุดสักคืน “อย่าแกล้งกันแบบนี้….”
ธอร์เชยคางอีกฝ่ายขึ้น นัยน์ตาสีน้ำทะเลที่ตวัดมองอย่างดื้อๆ และสีหน้าที่ชักใส่ทำให้ยิ้มมุมปากบางๆ…กดจูบแผ่วเบาแบบหยอกเย้าให้รู้ว่าตนไม่คิดจะเปลี่ยนใจเลิกแกล้ง…เขากำลังพอใจ ถึงจะรู้ว่าพรุ่งนี้ความรู้สึกผิดมากมายจะต้องตามมา…แต่ชายหนุ่มไม่คิดจะหยุดตัวเอง มันจะเป็นแค่คืนเดียวเท่านั้นที่เขาจะขอไม่คำนึงถึงผลใดๆ ที่จะเกิดจากการกระทำไร้หัวคิดแบบนี้
นัยน์ตาโตสีสวยของน้องชายจ้องเขม็งนิดๆ…มันดูแวววาวด้วยแรงอารมณ์ ก่อนจะหยัดร่างตนขึ้นนั่ง เรียวปากนั้นจะยกยิ้ม…เจ้าเล่ห์ซุกซนอย่างน่าลงโทษที่สุด น้ำเสียงนุ่มนวลหากท้าทายเหมือนลูกแมวอวดดีและดื้อดึง
“ท่านพี่คิดว่าข้าจะแพ้หรือ…?”
แล้วชายหนุ่มผมทองก็กลายเป็นฝ่ายที่ลมหายใจติดขัดบ้างเมื่อมือเรียวของร่างตรงหน้าเลื่อนลง…สัมผัสส่วนอ่อนไหวของเจ้าตัว ลำคอขาวนวลขยับเมื่อเจ้าตัวเก็บกลั้นเสียงครางไว้ นัยน์ตาสีเขียวพริ้มหลับ…ราวกับสิ่งเดียวที่รับรู้คือสัมผัสจากมือของตัวเองที่รูดไล้ร่างกาย ผิวแก้มดูแดงซ่านและเสียงแผ่วเบาที่เจ้าตัวพยายามฝืนกลั้นไว้ก็ดังให้ได้ยินชัดขึ้นเรื่อยๆ ตามแรงอารมณ์
ธอร์รู้สึกลำคอแห้งผาก…ลมหายใจติดขัดดังชัด เรียกให้นัยน์ตาสีน้ำทะเลของอีกฝ่ายช้อนขึ้นมองสบ…เรียวปากยิ้มยั่ว บอกให้รู้ว่ากำลังสาสมใจที่ชนะเขาได้ ก่อนที่มันจะถูกเม้มแน่น…ดวงตาหลับลงอีกครั้ง…ลมหายใจกระเส่าตอนที่มือขยับรวดเร็ว ก่อนที่เสียงครางจะดังในความเงียบอันร้อนรุ่ม…ระริกหวานไหวและปลุกเร้าได้อย่างไม่น่าเชื่อ
โลกิพยายามบังคับให้จังหวะลมหายใจกลับมาเป็นปกติ…แต่หัวใจที่เต้นรัวไม่อนุญาต สัมผัสได้ถึงของเหลวอุ่นๆ บนฝ่ามือ…เขาเงยหน้าขึ้น ต้องการจะยกยิ้มท้าทายให้อีกฝ่าย…ไม่ได้คิดไว้ว่าร่างสูงนั้นจะขยับเข้ามาชิดอย่างรวดเร็วแบบนี้ เขาโดนกดให้นอนลงไปบนฟูกอีกครั้ง…ท่อนแขนแข็งแรงกักไว้ให้ขยับไม่ได้ตอนที่พี่ชายโน้มตัวคร่อม มือใหญ่ข้างหนึ่งเชยคางเขาไว้แน่นหนา…ส่วนอีกข้างก็เกี่ยวรั้งเส้นผมสีดำตอนที่กดจูบลงมา
มันเป็นการกระทำที่รวดเร็วชนิดที่เขาตั้งตัวไม่ทัน และจูบนั้นก็รุกรานเอาแต่ใจราวกับจะบอกถึงความต้องการของเจ้าตัว…หากโลกิก็ไม่ได้คิดจะบ่นแต่อย่างใด เข้าใจความรู้สึกตอนนี้ของพี่ชายดี…เพราะสิ่งที่อยู่ในใจของเขาก็ไม่ได้ต่างกัน อารมณ์ปรารถนาร้อนแรงที่ครอบงำทุกอย่าง…เหลือไว้เพียงความหิวกระหายที่แผดเผา
มือเรียวโอบรอบคออีกฝ่าย…สัมผัสของปลายนิ้วที่กรีดบนผิวทำให้ธอร์ยิ่งรู้สึกต้องการครอบครองมากขึ้น โลกิหอบหายใจ…รู้สึกเหมือนเรียวปากของพี่ชายสามารถหลอมละลายตนได้ แต่ก็ไม่สนใจ ต่อให้การกระทำนี้จะนำไปสู่จุดจบ…เขาก็ยังคงจะเลือกมัน ร่างบางจึงหยัดตัวขึ้นกระซิบตอนที่อีกฝ่ายถอนริมฝีปาก…เสียงหัวเราะหอบพร่าด้วยพิษจูบและความปรารถนา
“ให้ตายเถอะท่านพี่…นี่น่ะหรือที่ท่านบอกว่าท่านไม่ต้องการข้า?”
คำตอบของประโยคหยอกเย้านี้คือเรียวนิ้วของอีกฝ่ายที่แทรกเข้ามาในร่างกาย…โลกิเผลอจิกเล็บลงบนไหล่หนา กลั้นเสียงร้องไว้ด้วยการซุกหน้าเข้ากับซอกบ่ากำยำ…แต่ประสาทสัมผัสที่ยังชัดเจนก็บอกให้รู้ว่าจำนวนนิ้วถูกเพิ่มและแทรกลึกเข้ามาในร่างตน
ไม่รู้ทำไม…การตระหนักได้ว่าตนกำลังถูกครอบครองกลับทำให้รู้สึกพึงใจได้ถึงเพียงนี้
แว่วเสียงพี่ชายหัวเราะเยาะๆ แผ่วเบา…ถึงจะไม่จริงจังแต่โลกิก็ไม่ชอบสักนิด เขาเกลียดเวลาที่ต้องอยู่ในฐานะฝ่ายพ่ายแพ้ เรียวปากจึงประทับบนผิวร้อนผ่าวนั้น…ขบเม้มหยอกเย้า แอบยิ้มเจ้าเล่ห์ตอนที่รู้สึกได้ว่าพี่ชายชะงักงัน ก่อนที่จะต้องลืมทุกอย่างไปเมื่อความเจ็บปวดตอนที่ปลายนิ้วถูกแทนที่ด้วยแก่นกายของอีกฝ่าย
ความเจ็บปวดรุนแรงพอที่จะทำให้ทุกอย่างกลายเป็นภาพเบลอ โลกิทำได้เพียงกอดร่างตรงหน้าเอาไว้…ลมหายใจที่หอบกระชั้นไม่ลดจังหวะลงเลย ความเจ็บปวดนั้นเปลี่ยนเป็นสัมผัสที่น่าพึงใจ…และนั่นเองที่ทำให้หัวใจยังคงเต้นแรง น้ำหนักของพี่ชายที่คร่อมทับกดให้แผ่นหลังของเขาบดเบียดความนุ่มของผืนฟูก ทุกสัมผัสร้อนรุ่มเหมือนเปลวไฟ…เขาเอื้อมมือออกไป รั้งให้ใบหน้าของอีกฝ่ายเข้ามาชิดจนเรียวปากนั้นครอบครองเรียวปากของตน…โลกิจำไม่ได้ว่ามันเป็นจูบที่เท่าไหร่ แต่ทุกอย่างดูจะไม่เพียงพอเลยเมื่อคิดถึงช่วงเวลายาวนานของที่ผ่านมาการหักห้ามใจ
ไม่ต้องคิดหรอกว่าอะไรจะตามมา…มันจะเป็นแค่คืนนี้คืนเดียวเท่านั้น…แค่คืนเดียวเท่านั้น…
ธอร์หอบหายใจ…เขารู้ดีมาตลอดว่าตัวเองต้องการคนเพียงคนเดียว และคนคนนั้นก็คือคนที่เขาไม่ควรต้องการมากที่สุด ต่อให้จะมีหรือไม่มีเรื่องบาดหมางใดๆ…โลกิก็เป็นน้องชาย เป็นคนที่เขารักได้แค่ในฐานะนั้น แต่ข้อเท็จจริงนั้นไม่เคยหยุดความปรารถนาที่เป็นเหมือนยาพิษนี้ได้เลย…ความปรารถนาที่รุนแรงพอจะทำให้ลืมทุกกฎเกณฑ์ของความผิดชอบชั่วดี เพราะอย่างนั้น…ความจริงถึงสายเลือดของโลกิจึงเป็นดั่งการตัดด้ายบางๆ ที่ดึงรั้งทุกอย่างไว้ และธอร์ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าต่อให้ไม่มีความจริงนี้…เขาเองก็ไม่ลังเลในการจะตัดด้ายเส้นนี้ด้วยตัวเองเหมือนกัน
ร่างสูงใหญ่ขยับกาย…ยอมโน้มลงชิดเมื่อคนในอ้อมแขนเอื้อมมือมาประคองใบหน้า รสจูบนั้นโหยหาราวกับความต้องการที่มีนั้นมากมาย…ซึ่งธอร์เองก็รู้ดีว่ามันไม่ได้ผิดไปจากความจริงสักเท่าไหร่ ความปรารถนาที่เฝ้าข่มกลั้นไม่มีวันมอดดับได้ง่ายๆ ด้วยสัมผัสเพียงน้อยนิดแน่นอน…เขาเลิกสนใจไปแล้วว่าตนเคยให้สัญญาอะไรกับตัวเองไว้ เพราะไม่ว่าสมองจะสั่งให้ปฏิเสธสักกี่ครั้ง แต่ร่างกายกลับเรียกร้องให้อย่าหยุด…คำสัญญาว่าจะไม่มีอะไรเกินเลยถูกลบลืมไปตั้งแต่วินาทีที่ริมฝีปากของพวกเขาประทับจูบแรกให้กันแล้ว
แค่คืนนี้เท่านั้น…แค่คืนนี้เท่านั้นที่เขาจะปล่อยให้ความคิดผิดชอบชั่วดีเงียบหาย…เพราะทุกอย่างจะเป็นแค่เพียงค่ำคืนเดียวเท่านั้น…
ลมหายใจหอบกระชั้นตามจังหวะของการขยับตัว ร่างบอบบางนั้นกอดเขาไว้แน่น…เสียงครางสั่นระริกข้างหูฟังแล้วชวนให้ทะนุถนอม แต่ตอนนี้ธอร์ไม่มีความคิดถึงการกระทำอ่อนโยนใดๆ…เขารั้งน้องชายให้เข้ามาชิดตอนที่แรงอารมณ์เอ่อสูงเกินต้านทาน ทุกเสียงโดนเก็บกลั้นไว้ได้ในลำคอ…แต่ไม่ใช่โลกิ เสียงร้องแว่วหวานดังชัดเจนอยู่ข้างหู ร่างบางสั่นระริกตามแรงหอบ ลมหายใจติดขัดนิดๆ
“อื้อ…”
โลกิครางประท้วงเบาๆ เมื่อพี่ชายถอยห่าง…รู้สึกได้ถึงของเหลวอุ่นๆ ที่ซ่านในตัวและต้นขาแต่ไม่ได้สนใจ เขานอนนิ่ง…พยายามบังคับให้ตัวเองกลับมาหายใจสม่ำเสมอ หันมองพี่ชายที่ก็กำลังก้มมองตนอยู่เหมือนกัน…มืออบอุ่นลูบแก้มเขาแผ่วเบา โลกิจึงเอื้อมมือออกไปบ้าง ไล้ตามท่อนแขนแข็งแรงขึ้นไปจนถึงวงหน้าคมสัน ก่อนที่จะค่อยๆ หยัดตัว…ก่ายเกยขึ้นนั่งบนตักของพี่ชาย สองแขนโอบรอบคอพลางก้มให้หน้าผากทั้งคู่แตะกัน
“มันจะเป็นแค่คืนนี้คืนเดียวเท่านั้น…” ธอร์มองตาคนพูด…สีเขียวน้ำทะเลพริบพราวด้วยเปลวเพลิงที่ยังไม่มอดดับ “…จะไม่มีอีกแล้ว…เข้าใจใช่ไหม?”
“อืม…” มือข้างหนึ่งของพี่ชายโอบเอวเขาไว้ ส่วนอีกข้างเอื้อมขึ้นลูบเส้นผมสลวย…ก่อนเลื่อนปลายนิ้วลากไล้ตามเรียวปากที่ช้ำนิดๆ “เข้าใจสิ…แค่คืนนี้เท่านั้น”
ถ้อยคำเน้นย้ำหากเสียงกระซิบกลับแหบพร่า…ราวกับจะบอกถึงความไม่แน่นอนของสัญญานี้ ทั้งคู่สบสายตาในความเงียบ…สัมผัสของร่างกายที่แนบชิดทำให้ไม่มีใครอยากผละจาก โลกิหอบหายใจตอนที่มือพี่ชายลากไล้ลงมาตามแผ่นหลังของตน เสียงทุ้มหวานกระซิบประโยคเดิมเบาๆ…ถ้อยคำที่ไม่อยากทำตามสักนิด
“หลังจากคืนนี้…มันจะไม่มีอีกแล้วเข้าใจไหม?”
ธอร์อยากหัวเราะกับเสียงที่ถูกบังคับให้ไม่สั่น…ความพยายามที่ไร้ผล เขาสบตาน้องชาย…ยิ้มมุมปากเมื่อเห็นคนที่ปฏิเสธกลับมีสีหน้าเว้าวอนเสียยิ่งกว่าอะไร และเขาก็รู้ดีว่าอะไรคือสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังร้องขอ
“พี่เข้าใจ…แค่คืนนี้คืนเดียวเท่านั้น” คำแทนตัวเย้าๆ โดนใช้คู่กับเสียงนุ่มนวลแบบที่เคยไว้ปลอบเด็กน้อย…หากนัยน์ตาสีฟ้าพราวระยับตอนมองผิวละมุนของร่างในอ้อมแขนที่มีรอยแดงประปราย “…แต่นี่มันยังไม่เช้าเลยไม่ใช่หรือ?”
สีหน้าหวั่นไหวแบบเด็กน้อยที่กลั้นใจรอฟังคำสำคัญหายไป…แทนที่ด้วยรอยยิ้มมุมปากที่เจ้าเล่ห์เย้ายวนอย่างเคย มือเรียวเลื่อนมาประคองใบหน้าของเขาเอาไว้…เรียวปากประทับจูบ ลึกล้ำอ้อยอิ่ง…หากมากพอจะทำให้ร่างกายปั่นป่วนอีกครั้ง คนในอ้อมแขนกดรั้งให้คนกำลังที่โอบตนไว้เอนตัวลงไปนอนบนผืนฟูก…ร่างกายที่แนบชิดเข้าหากันทุกส่วนทำให้หัวใจยิ่งเต้นแรง หัวเราะแผ่วจางตอนที่ถอนริมฝีปาก…กระซิบเบาๆ ก่อนที่จะไม่เหลือสติมาสนใจอะไรอีกนอกจากคนตรงหน้า
“ท่านพี่รู้ไหม…น้องล่ะชอบจริงๆ เวลาที่พวกเราคิดอะไรตรงกัน”
Fin.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in