* แฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของไรเตอร์และแต่งขึ้นเพื่อความบัง เทิง ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น และแฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นแฟนฟิคชั่น boy’s love…ถ้าใครไม่ชอบแนะนำให้ปิดค่ะ *
REMARK: มัน เป็นฟิคเรท ตัวคนเขียนเองให้เรทไม่ถูก เอาเป็นว่ามันเรท…ไม่น่าเหมาะกับเยาวชนเท่าไหร่ ใครรู้ตัวว่าอายุไม่ถึงควรพิจารณาก่อนอ่านนะจ๊ะ
***************************************
ประตูสีทองบานยักษ์ฟาดกับผนังเสียงดังก้องตามแรงผลักของคนที่เดินเข้ามา…ถึงสีหน้าจะเรียบเฉย หากแววคุกรุ่นก็ฉายชัดในดวงตาสีฟ้า ขัดกับร่างบางที่เจ้าตัวอุ้มพาดอยู่บนไหล่…ชายหนุ่มผมดำสลวยระต้นคอที่ได้แต่ดิ้นรนแม้จะไร้ประโยชน์
คนโดนอุ้มส่งเสียงอุทานออกมาเมื่อตนโดนเหวี่ยงลงบนเตียงใหญ่สีขาว…หากเสียงที่เล็ดรอดออกมาก็มีเพียงน้อยนิดด้วยที่ปิดปากที่พาดทับ เขาพยายามขยับให้ข้อมือที่โดนพันธนาการไว้ด้วยโซ่เงินเป็นอิสระแม้จะรู้ว่าไม่มีหวัง…ก่อนจะสะดุ้งกับเสียงประตูปิดดังสนั่น
นัยน์ตาสีน้ำทะเลตวัดปราดไปทางต้นเสียง…หากสัมผัสของพื้นเตียงที่ยวบลงไปก็บอกเขาในอีกเสี้ยววินาทีถัดมาว่าคนเป็นพี่ชายไม่ได้ออกไปแล้วปิดประตู
…อีกฝ่ายอยู่กับเขาในห้องนี้แล้วปิดประตูต่างหาก
ร่างบางหันขวับกลับมา…ก่อนที่จะสะดุ้งเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มผมทองยืนค้ำศีรษะอยู่ตรงข้างเตียง กริยาของเขาคงทำให้อีกฝ่ายพอใจ…เพราะเจ้าตัวหัวเราะออกมาเบาๆ
“เจ้าตกใจง่ายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันโลกิ…?”
คำเย้ากลั้วหัวเราะไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกสบายใจขึ้นเลย…เพราะมันเจือความเย็นชาไว้จนสัมผัสได้ และเขาก็อยู่กับคนตรงหน้ามานานพอที่จะรู้ว่าน้ำเสียงแบบนี้เป็นสัญญาณว่าเจ้าตัวกำลังโกรธถึงขีดสุด ร่างบางเผลอตัวขยับถอยหนี…หากมือแข็งแรงของอีกฝ่ายก็พุ่งปราดมากระชากข้อมือที่โดนรวบไว้ด้วยกันของเขาให้เข้าไปใกล้ ก่อนที่มืออีกข้างจะเอื้อมมากระชากที่ปิดปากของเขาทิ้ง…สัมผัสที่บาดผิวทำให้โลกิเผลอนิ่วหน้า ขยับจะร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อร่างของตนโดนรั้งขึ้น…หากเสียงอุทานก็หายไปเมื่อริมฝีปากของคนตรงหน้าบดเบียดลงมา
มันเป็นจูบที่รุนแรงและไร้หัวใจเสียจนเขานึกกลัว…ระหว่างทางที่กลับมาจากมิดการ์ด พี่ชายนิ่งเฉยจนเขาเดาไม่ถูกว่าตนจะต้องพบบทลงโทษอะไร…สิ่งที่เขาทำไปมีความผิดเทียบเท่าได้กับการก่อกบฏ และแอสการ์ดไม่เคยยอมให้อภัยคนทรยศ
ธอร์รู้แล้วว่าการเนรเทศไม่มีทางหยุดเขาได้…สิ่งเดียวที่เหลือคงเป็นโทษประหาร
หากการคาดเดามากมายของเขาถูกพิสูจน์ว่าผิดหมดในวินาทีนี้…โลกิได้แต่กรีดร้องอย่างหวาดกลัวในใจ รู้ดีแล้วว่าพี่ชายคิดจะทำอะไรกับตน
คนตรงหน้าถอนจูบ…รั้งร่างเขาให้ขยับตามด้วยการกระชากโซ่เงิน โลกิรู้สึกได้ว่าความกลัวในใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ…พยายามจะขัดขืน…แต่ก็สู้แรงชายหนุ่มผมทองไม่ได้ ร่างสูงเอนตัวคร่อมเขา มือแข็งแรงนั้นปลดห่วงที่คล้องรอบข้อมือของเขาออกเพียงเพื่อจะพันธนาการมันใหม่…รวบให้ข้อมือทั้งสองของเขาอยู่เหนือศีรษะ
ลมหายใจของโลกิติดขัดด้วยความตื่นตระหนก เสียงแหบโหยพูดอย่างสิ้นหวัง
“อย่า…ท่านพี่…ได้โปรด…น้องขอโทษ…”
หากเสียงก็โดนกักกั้นด้วยเรียวปากของคนเป็นพี่ชายที่กดจูบลงมาอีกครั้ง ชายหนุ่มผมดำพยายามจะขัดขืน หากมือของอีกฝ่ายที่เลื่อนมาบีบคางก็ทำให้เขาต้องยอมแพ้…ริมฝีปากโดนแยกออกเพื่อที่คนตรงหน้าจะได้รุกรานเข้ามาได้มากขึ้น
โลกิหอบหายใจเมื่อโดนปล่อยให้เป็นอิสระ…ความกลัวแสดงออกมาให้เห็นในรูปของน้ำตาที่เริ่มปริ่ม หายใจไม่ออกพร้อมหัวใจเต้นแรงด้วยความตระหนก เพราะรอยยิ้มและนัยน์ตาเยียบเย็นที่เห็นบอกชัดว่าวินาทีนี้…เหตุผลใดๆ ก็คงไม่อาจเปลี่ยนใจพี่ชาย
ธอร์มองร่างที่สั่นระริกอยู่บนเตียง นึกสงสัยว่าอีกฝ่ายจะเคยรู้ไหม…ความรู้สึกที่ไม่ควรมีของเขา…ความรู้สึกเขาฝืนใจเก็บกลั้นไว้ด้วยคำว่าพี่น้อง
แต่ตอนนี้…ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
โลกิคงไม่มีทางจะเดาได้ว่าที่ผ่านมา…เขาต้องห้ามตัวเองกี่ครั้งกี่หนไม่ให้เผลอทำอะไรเกินเลย คงไม่มีทางจะเดาได้ว่าเขารู้สึกยังไงในวินาทีที่ต้องเห็นร่างบางหายลับไปในความมืดมิด
และคงไม่มีทางจะเดาได้…ว่าเขาดีใจแทบบ้าแค่ไหนตอนที่รู้ว่าพวกเขาทั้งสองไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ กัน
ดวงตาสีฟ้ามองใบหน้าสวยที่ตอนนี้ขาวซีด…รู้ดีว่าตัวเองกำลังจะทำสิ่งที่ไม่มีวันแก้ไขได้ การตัดสินใจครั้งนี้จะนำพาไปสู่เส้นขนานไม่รู้จบของเขากับน้องชาย สีหน้าหวาดหวั่นของอีกฝ่ายทำให้หัวใจอ่อนยวบลงวูบหนึ่ง…หากธอร์ก็ตัดความสงสารนั้นทิ้งไป
ถ้าปล่อยให้เป็นอิสระแล้วจะหนีจากไป…ตอนนี้ก็ขอหักปีกทิ้งเสียเพื่อกักให้อยู่เคียงข้างยังจะดีเสียกว่า
โลกิพยายามเขย่าโซ่เงินอีกครั้งเมื่อเห็นพี่ชายค่อยๆ ปลดผ้าคลุมสีแดงแล้วเหวี่ยงลงกับพื้น…ร่างสูงไม่ได้สนใจ แผ่นหลังกว้างยังคงหันให้จนกระทั่งเจ้าตัวปลดเสื้อหนังและเกราะทั้งหมดออก น้ำตาในดวงตาสีเขียวเจียนจะร่วงรินแล้วตอนที่หันกลับมาสบ…แววตาหวาดกลัวฉายชัดยามที่อีกฝ่ายกวาดมองร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่าของเขา
“ท่านพี่… น้องขอโทษ…อย่า…อย่าทำแบบนี้เลย…” เสียงทุ้มหวานพยายามขอร้อง แต่ธอร์ไม่สนใจ มือใหญ่กระชากผ้าคลุมสีเขียวสดของน้องชายทิ้งไป ตอบเสียงเรียบเย็นชา
“เจ้าชอบเอาแต่ย้ำนักนี่ว่าเราไม่ใช่พี่น้องกัน” แว่วเสียงอีกฝ่ายหอบหายใจเมื่อเขากระชากเกราะอ่อนและเสื้อจนขาดแล้วเหวี่ยงทิ้งไป “…เพราะงั้นมันก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่”
คำพูดกรีดใจคนฟัง…ความกลัวและความเสียใจคืบคลานขึ้นมาจนรู้สึกหนาวเยือก โลกิรู้สึกได้ว่าน้ำตาของเขากำลังจะไหลออกมา…ได้แต่กัดริมฝีปากตัวเองจนรู้สึกเจ็บเมื่อพี่ชายโน้มตัวลงมากระซิบข้างหู
“รู้ไหม…การลงโทษน่ะมีไว้ให้เด็กดื้อที่ก่อเรื่องวุ่นวาย”
เสียงนุ่มนวลหากเยียบเย็น…เหมือนยาพิษที่แสนหวาน ร่างบางสั่นระริกเมื่อมือของอีกฝ่ายแตะบนแผ่นอกของตนแล้วค่อยๆ เลื่อนลงไปเรื่อยๆ…ธอร์ประทับริมฝีปากที่ข้างแก้มขาว กระซิบแผ่วเบา…หากแค่คำพูดก็มากพอที่จะทำให้อีกฝ่ายดิ้นรน
“ไม่ต้องห่วงหรอก…พี่ไม่ได้คิดจะให้ตัวเองได้สนุกคนเดียวหรอกนะ”
โลกิหลับตาแน่นเมื่อริมฝีปากนั้นประทับลงมา…ขบเม้มตรงต้นคอของเขา ก่อนลมหายใจจะขาดห้วงตอนที่สัมผัสร้อนๆ นั้นเลื่อนลงมาที่แผ่นอก…โซ่เงินที่รัดรอบข้อมือส่งเสียงกระทบกันเบาๆ ตอนที่พยายามถอยหนี หากมือแข็งแรงนั้นก็ตรึงเขาไว้…สิ่งเดียวที่เหลือให้ทำได้จึงมีแค่กัดริมฝีปากตัวเองแน่นจนมั่นใจว่าอีกไม่นานคงได้รสเลือด
ถ้าความอับอายของเขาคือสิ่งที่เป็นที่ต้องการ…พี่ชายก็จะไม่มีวันได้มันไป
หากความตั้งใจนี้ก็ดูจะทำได้ยากยิ่งเมื่อมือแข็งแรงเลื่อนลงต่ำ…โลกิเผลอตัวหอบหายใจพร้อมงอร่างหนี แต่ก็ไม่มีประโยชน์…โซ่เงินกระแทกดังกังวานพร้อมกับที่ธอร์ตะปบมือลงบนบ่าของเขาเพื่อกดให้ขยับไม่ได้
“หยุดทำอะไรไร้สาระแบบนี้ซะทีเถอะ” เสียงทุ้มเจือความรำคาญ โลกิกลืนก้อนสะอื้น…ก่อนจะพูดเสียงระริกด้วยแรงอารมณ์
“น้องจะไม่มีวัน…ไม่มีวันให้อภัยท่านพี่…ไม่มีวัน…”
วินาทีนั้น…ดวงตาสีฟ้าสวยดูจะหม่นลง สิ่งที่จุดประกายอยู่ในนั้น…ถึงจะเป็นแค่เสี้ยววินาที…แต่โลกิก็ไม่คิดว่าเขาจะมองผิด
มันคือความเจ็บปวด
ชั่วครู่…ก่อนที่ธอร์จะถอนหายใจ เสียงทุ้มพูดเยียบเย็น…หนักแน่นราวกับจะเน้นย้ำว่าทุกคำคือความจริง
“ถ้าอย่างนั้น…เจ้าก็โกรธเกลียดพี่ได้ตามใจ…โลกิ”
คำพูดเย็นชา…หากจูบที่ตามมากลับนุ่มนวล ชายหนุ่มผมดำหอบหายใจเมื่อมือแข็งแรงเลื่อนลงต่ำ…กอบกุมส่วนอ่อนไหวของเขาเอาไว้ ทุกสัมผัสและการขยับทำให้โลกิรู้สึกว่าการเก็บกลั้นเสียงร้องเอาไว้เป็นเรื่องยากขึ้นเรื่อยๆ…ตัวสั่นระริกยามที่ริมฝีปากร้อนๆ นั้นสัมผัสระเรื่อยลงบนแผ่นอกของเขาอีกครั้ง
“อื้อ…”
เขานิ่วหน้ากับความเจ็บปวดบนริมฝีปาก สัมผัสได้ถึงรสเลือดจางๆ…ธอร์เงยหน้าขึ้นมอง มือข้างที่ตรึงเขาไว้อยู่เอื้อมมาแตะแก้มเบาๆ…เสียงทุ้มพูดอย่างอ่อนใจเหมือนเวลาที่จับได้ว่าเขาแอบไปทำเรื่องวุ่นวายเอาไว้
“เลือดออกเลย…” นัยน์ตาสีฟ้าพราวระยับกับประโยคหลัง…คำพูดท้าทาย “เลิกซะเถอะ…เจ้ากลั้นเสียงร้องไว้ไม่ได้หรอก”
ดวงตาสีน้ำทะเลวาววับกับน้ำเสียงเย้าๆ นั้น วงหน้าหวานเชิดขึ้นอย่างถือดี เม้มปากแน่นให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขาพร้อมรับคำท้า…กริยาที่ทำให้คนมองขมวดคิ้ว รอยยิ้มหายไปจากมุมปาก แล้วโลกิก็ต้องเสียใจกับการกระทำโง่เง่าของตนเมื่ออีกฝ่ายประกบริมฝีปากลงมา…บดเม้มอย่างไม่ถนอม รสเลือดซ่านเพิ่มขึ้นในโพรงปาก…ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแผลที่เปิดกว้างมากขึ้นหรือเพราะเรียวลิ้นที่แทรกเข้ามากันแน่
ธอร์ถอนจูบเพียงเพื่อจะประทับเรียวปากลงไปตรงต้นคอของอีกฝ่าย…ช่วงคอดูระหงบอบบางเกินจะเชื่อได้ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่หญิงสาว ผิวขาวนุ่มนวลตัดกับเส้นผมสีดำสนิท…ขาวเสียจนทำให้เขานึกอยากตีตราเป็นเจ้าของเหลือเกิน
โลกิขยับร่างหนีอย่างไม่รู้ตัวอีกครั้งเมื่อมือของพี่ชายเร่งจังหวะในการขยับ…ในหัวพร่าเลือนกับอารมณ์ที่ตนควบคุมไม่ได้ ร่างบางสั่นระริก…ลมหายใจหอบกระเส่า โซ่เงินส่งเสียงกระทบกันเบาๆ ตามการขยับของท่อนแขนที่แข็งเกร็ง แว่วเสียงหัวเราะเบาๆ ของพี่ชายข้างหู…และรู้ตัวว่ากำลังจะพ่ายแพ้
“อึก…”
ชายหนุ่มครางเบาๆ… และนั่นก็ราวจะเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายรอฟัง ธอร์รั้งให้ร่างเขาเข้ามาชิดมากขึ้น จังหวะของมือที่ขยับรอบแก่นกายทำให้หัวใจโลกิเต้นแรงด้วยอารมณ์สับสนปนเปมากมาย นึกอยากเบือนหน้าหนีจุมพิตอุ่นๆ ที่ข้างแก้ม…คำปลอบโยนอันลวงหลอกของพี่ชาย แต่ก็ทำได้เพียงฝังหน้าของตนลงกับบ่ากำยำ…เจ็บใจกับความจริงที่ตนไม่อยากยอมรับ
เขาไม่เคยชนะคนคนนี้ได้…ไม่เคยมีสักครั้ง…
การยอมแพ้ของเขาคงไม่ชัดเจนจนเป็นที่พอใจ…พี่ชายจึงรามือ โลกิรู้สึกว่าน้ำตาของเขากำลังจะไหลอีกครั้ง…คราวนี้ไม่ใช่เพราะความกลัวหรือความเสียใจ…หากเป็นความปรารถนาที่กำลังแผดเผา
“ฮึก…ท่านพี่…”
เสียงทุ้มหวานเล็ดรอดออกมาจากเรียวปากที่สั่นระริก…ภาพที่เห็นพร่ามัวเพราะหยาดน้ำตา ร่างกายและในหัวกรีดร้องเพียงแค่คำเดียว
ต้องการ…ต้องการ…ต้องการ…
พี่ชายส่งเสียงเบาๆ ในลำคอกลับมาเป็นเชิงถาม…การเสแสร้งที่ทำให้โลกินึกอยากฆ่าอีกฝ่ายนัก หากตอนนี้…ใจที่ปั่นป่วนเหมือนพายุของเขาต้องการเพียงสิ่งเดียว
“ท่านพี่…น้อง…” ถึงน้ำตาจะหยดรินและร่างกายปวดร้าวด้วยแรงอารมณ์…แต่โลกิก็ยังพบว่าตัวเองยังไม่อาจทำใจรับความพ่ายแพ้ถึงขั้นยอมกล่าวขอร้องออกมาได้ ธอร์เองก็ดูจะรู้เช่นกัน หากนัยน์ตาสีฟ้าที่พริบพราวอย่างสนุกสะใจนั้นก็บอกเขาชัดเจน
พี่ชายต้องการเห็นเขาพ่ายแพ้…ต้องการเห็นเขาสิ้นหวังจนต้องคุกเข่าขอร้อง
“พี่ต้องสอนเจ้าอีกกี่ครั้งกันนะ…ว่าคำพูดแบบนี้ไม่มีทางจะเกลี้ยกล่อมใครได้” ศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีทองส่ายเบาๆ อย่างล้อเลียน…การกลั่นแกล้งที่ดูจะไม่สาแก่ใจอีกฝ่ายเสียทีทำให้โลกิเม้มปากแน่น เสียงทุ้มหวานถาม…รุนแรงหากตัดพ้อราวกับจะขาดใจ
“ฮึก…ถ้าอย่างนั้น…ท่านพี่…ต้องการอะไรกันแน่?”
ใช่…พี่ชายต้องการอะไร?…อยากจะเห็นเขาพ่ายแพ้…สิ้นหวัง…หรืออยากจะให้เขาตายไปต่อหน้าถึงจะพอใจ?
“เจ้าอยากให้พี่ช่วยทำอะไรให้ไม่ใช่หรือ…?” เสียงทุ้มนุ่มนวล…หากทั้งหมดเป็นเพียงน้ำผึ้งที่เคลือบยาพิษไว้เท่านั้น มือใหญ่เอื้อมไปที่ข้อมือของเขาที่โดนรวบไว้เหนือหัว…นัยน์ตาสีเขียวเบิกกว้างเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ว่าโลหะเย็นๆ ที่พันธนาการตนเอาไว้ถูกปลดออก
ชายหนุ่มผมทองยิ้มเยียบเย็น ปล่อยให้โซ่เงินหล่นกระแทกลงบนพื้นพร้อมกล่าวตอนท้ายของประโยค
“…ก็ทำให้พี่รู้สึกอยากช่วยสิ”
โลกิหอบหายใจ น้ำตาปริ่มขึ้นมาอีกครั้ง…เกลียดคนตรงหน้ามากพอๆ กับที่ต้องการ ฝืนตัวขยับเข้าไปใกล้…หยัดกายขึ้นเพื่อที่จะสามารถประทับริมฝีปากของตนกับริมฝีปากของอีกฝ่ายได้ จูบแผ่วเบารวดเร็วราวกับการขยับของปีกผีเสื้อ…เสียงหวานสั่นระริกกระซิบยามกล่าวเว้าวอน
“ได้โปรด…ท่านพี่…” คนพูดหน้าแดง อับอายกับสิ่งตัวเองกำลังร้องขอ…พยายามบังคับให้เสียงไม่สั่นแม้จะไม่มีประโยชน์ “…น้องต้องการท่านพี่”
รอยยิ้มแบบผู้ชนะของชายหนุ่มผมทองกรีดแทงใจจนนึกอยากจะเบือนหน้าหนี ร่างของเขาโดนกดลงบนพื้นเตียงอีกครั้ง…พี่ชายประทับจูบจากแผ่นอกไล่เรื่อยลงไปที่หน้าท้อง ทิ้งสัมผัสแผดเผาที่ทำให้ทุกอย่างดูเป็นภาพเบลอ ลมหายใจตัดขัดตอนที่ริมฝีปากนั้นสัมผัสลงบนส่วนอ่อนไหว…เรียวลิ้นที่รูดไล้ทำลายทุกความคิดควบคุมตัวเอง
“อึก…ท่านพี่…”
มือเรียวกำแน่นเข้าหากัน…ปลายเล็บจิกแน่นเข้าในเนื้อ หากไม่มีความเจ็บปวดใดๆ…ความปั่นป่วนในใจตอนนี้ดูจะทำให้สิ่งเดียวที่เขารับรู้ได้คือสัมผัสของริมฝีปากของอีกฝ่าย
ลมหายใจหอบกระเส่าขึ้นเรื่อยๆ…ก่อนที่เสียงกรีดร้องจะหลุดรอดออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ทุกความรู้สึกถ่าโถม…เหมือนมีแสงสว่างจ้าและในวินาทีต่อมาก็เหลือเพียงความมืดมิด
ชั่วครู่…ที่โลกิค้นพบว่าความมืดมิดที่เห็นนั้นเป็นเปลือกตาที่ปิดสนิทของเขาเอง ลมหายใจหวนคืนสู่จังหวะเดิม…แม้ว่ามันจะยังขาดห้วงเป็นพักๆ ก็ตาม คลื่นความคิดย้อนกลับมาทำให้ชายหนุ่มผมดำกัดริมฝีปากตัวเองอย่างเจ็บใจ…ความรู้สึกอับอายและพ่ายแพ้ที่ซัดสาดเป็นเหมือนกับการตบหน้าฉาดใหญ่
เกลียด…เขาเกลียดคนคนนี้ที่ทำให้เขาต้องรู้สึกแบบนี้เหลือเกิน
น้ำตาไหลรินออกมา…โลกินึกอยากนึกอยากจะปาดมันทิ้งเสีย เพราะถ้าได้เห็น…มันก็รังแต่จะทำให้อีกฝ่ายได้ใจเสียเปล่าๆ
แค่ตอนนี้…เขาก็ดูตกต่ำไร้ค่ามากพอแล้ว
โลกิยิ้มขื่นๆ เพราะรู้ดีว่าความจริงแล้ว…คนที่เขาเกลียดที่สุดไม่ใช่พี่ชาย
เขาเกลียดตัวเองต่างหาก…ที่จนถึงวินาทีนี้…ก็ยังนึกอยากได้รับการให้อภัยจากคนคนนี้
สัมผัสได้ถึงนิ้วมือที่เอื้อมมาเกลี่ยหยดน้ำตา…โลกิลืมตาขึ้น วงหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มผมทองที่ก้มลงมองเขานั้นไม่มีอารมณ์ใดๆ…ความเฉยเมยราวรูปสลักนั้นทำให้ใจคนมองเจ็บจนเจ้าตัวนึกสงสัย
หัวใจที่แตกสลายของเขา…ยังรู้สึกเจ็บปวดได้ถึงขนาดนี้อีกหรือ…?
โลกิซ่อนทุกความอ่อนแอของตนไว้ในใจ เคลือบสายตาของตนด้วยความเฉยเมยดุจเดียวกัน…เพียงแต่เจือความเกลียดชังเข้าไปด้วย คำพูดร้ายกาจถูกกล่าว…เนิบช้าราวกับจะให้มันตรึงในความทรงจำคนฟังอย่างชัดเจนที่สุด
“…น้องเกลียดท่านพี่”
เมื่อพูดออกไปแล้ว…นัยน์ตาสีฟ้าสวยก็ดูจะระริกไปวูบหนึ่ง โลกินึกอยากร้องบอก…อธิบายว่าทุกอย่างเป็นเพียงคำลวง แต่สิ่งเดียวที่ทำก็คือใส่หน้ากากสีหน้าถือดีเพื่อเป็นการยืนยัน
เขาจะไม่ยอมเป็นฝ่ายแพ้อีกแล้ว…แม้ว่านั่นจะหมายถึงต้องทิ้งความรักเพื่อชัยชนะก็ตาม
ไม่มีคำตอบ…อีกฝ่ายเพียงแค่โน้มตัวลงมา ริมฝีปากของเขาโดนครอบครองอีกครั้ง รสชาติขื่นๆ บนปลายลิ้นของอีกฝ่ายทำให้ความร้อนพุ่งปราดบนผิวแก้ม…รู้ดีว่ามันคืออะไร
อีกฝ่ายถอนริมฝีปาก เสียงทุ้มเอ่ยเรียบๆ…เย็นชากรีดเฉือนเหมือนคมมีด
“บอกแล้วไม่ใช่หรือ…เจ้าอยากจะโกรธหรือเกลียดพี่ยังไงก็ได้ตามใจ…?”
ถ้อยคำไร้หัวใจที่ได้ฟังทำให้อารมณรุนแรงพุ่งปราดในใจ…มือเรียวตวัดออกไป ถึงพี่ชายจะรวบมันไว้ได้…แต่ปลายเล็บก็ได้ทันตวัดสร้างแผลที่ข้างแก้ม นัยน์ตาสีฟ้าที่วาวโรจน์บอกโลกิว่าเพลิงโทสะของพี่ชายกำลังลุกโหมอย่างที่ต้องการแล้ว…มันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชนะและคนที่โง่ที่สุดไปพร้อมๆ กัน เพราะรู้ดีว่าธอร์ไม่เคยยอมละเว้นใครสักคนที่หยามหน้าตัวเอง
“โกรธน้องหรือ…?” เสียงทุ้มหวานพยายามเติมเชื้อไฟด้วยน้ำเสียงท้าทายยั่วเย้า นัยน์ตาระริกวูบหนึ่งตอนที่พูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นก็ฆ่าน้องซะเลยสิ…แอสการ์ดไม่จำเป็นต้องไว้ชีวิตคนทรยศไม่ใช่หรือ?”
ใช่…ฆ่าเขาซะ…เพราะเขาจะยอมรับความตายจากมือของพี่ชายเท่านั้น
ร่างของเขาโดนกระชากเข้าไปใกล้…ก่อนที่โลกิจะตระหนักได้ว่าตัวเองกำลังสั่นอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อได้เห็นนัยน์ตาสีฟ้าเยียบเย็นที่มองประสาน ความกลัวซ่านขึ้นในใจกับคำพูดของอีกฝ่าย
“ไม่ต้องห่วง…” นิ้วมือไล้ข้างแก้ม…หากไม่รู้ความจริง โลกิคงบอกได้ว่ามันเป็นการกระทำที่เต็มไปด้วยความรักและทะนุถนอม “…พี่มีวิธีที่จะทำให้คนทรยศอย่างเจ้ารู้สึกว่าความตายยังเป็นบทลงโทษที่ตัวเองต้องการมากเสียกว่าอีก”
สิ้นคำ…ความอ่อนโยนก็แปรเปลี่ยนเป็นความรุนแรง มือแข็งแรงกระชากร่างบาง…โลกิหอบหายใจ ดิ้นรนพร้อมผลักไส แต่พี่ชายก็ไวกว่า…เสียงขาดของผ้าปูที่นอนดังเสียดหู ก่อนที่ข้อมือของเขาจะโดนรัดรวบไว้อีกครั้ง… ปิดกั้นโอกาสขัดขืนโดยสมบูรณ์ ชายหนุ่มผมดำได้แต่หอบหายใจตอนที่ร่างของตนโดนพลิกให้หน้าฝังลงในหมอน…ทุกการตระหนักรู้กรีดร้องและเผาไหม้ เรียกให้น้ำตาปริ่มขึ้นมาอีกครั้ง
พี่ชายพูดถูก…ความอับอายของเขาตอนนี้มากพอที่จะทำให้รู้สึกอยากวอนขอความตาย
“อย่าเพิ่งร้องไห้สิโลกิ…” เสียงทุ้มนุ่มนวล…หากกระด้างด้วยคำพูดที่เอ่ยออกมา “…มันยังไม่ถึงเวลา”
ชายหนุ่มผมดำหายใจอย่างยากลำบาก ฝืนพูดอย่างโกรธแค้น “ไปตายซะ…น้องเกลียดท่านพี่”
บรรยากาศเครียดขึงจนสัมผัสได้ที่ตามมาบอกว่าเขายั่วโมโหอีกฝ่ายสำเร็จอีกครั้ง…แต่ความสะใจของเขาก็หายวับไปในทันใดเมื่อความเจ็บปวดชำแรกเข้ามาในกาย โลกิหอบหายใจอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้…เสียงครางที่หลุดออกจากปากแว่วหวานจนเขานึกละอาย ฝังหน้าลงในหมอน…พยายามเม้มริมฝีปากที่บวมช้ำของตัวเองเอาไว้
ธอร์มองการดิ้นรนไร้ประโยชน์นั้นแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ…ร่างบอบบางของน้องชายสั่นสะท้านเมื่อเขาเพิ่มจำนวนนิ้วที่รุกราน ไหล่ขาวนวลระริกด้วยเสียงกรีดร้องที่เก็บกลั้น…ธอร์รู้จักอีกฝ่ายดี โลกิไม่เคยจะยอมแพ้แม้รู้ดีว่าตัวเองไม่มีทางชนะ และนั่นก็ยิ่งทำให้เขานึกอยากเห็นวินาทีที่เจ้าตัวหมดสิ้นซึ่งการควบคุมตัวเองแล้วเว้าวอนขอร้องเหลือเกิน
“…น้องต้องการท่านพี่”
ภาพของนัยน์ตาสีเขียวที่ฉ่ำน้ำตาและเสียงเจือความต้องการนั้นทำให้เขาต้องสูดลมหายใจลึกๆ…น้องชายบิดตัวเมื่อเขากดมือให้หนักขึ้น โลกิรู้สึกได้ว่าทั้งร่างของตัวเองกำลังสั่น…ข้อมือเจ็บจนไม่น่าเชื่อว่าผ้าไหมเนื้อดีจะบาดผิวได้ถึงเพียงนี้ จังหวะการรุกรานของพี่ชายทำให้ทุกอย่างเป็นภาพเบลอ…ก่อนที่ทุกอย่างจะดำสนิทตอนที่ความเจ็บปวดที่เทียบกับตอนแรกไม่ได้แทรกเข้ามา เสียงร้องที่เพียรเก็บกลั้นไว้ดังก้องอย่างควบคุมไม่ได้
หากชายหนุ่มผมทองก็ดูจะไม่ได้สนใจว่าเขารู้สึกอย่างไร มือใหญ่กระชากร่างของเขาให้เข้ามาชิด…ความเจ็บปวดลึกล้ำมากขึ้น โลกิรู้สึกเหมือนร่างของตนเหมือนโดนฉีกกระชากเมื่อพี่ชายขยับตัว…มันทั้งเจ็บปวดและน่าอับอาย หากสิ่งที่เขาไม่อยากรับรู้ที่สุดก็คือ…ตนปฏิเสธไม่ได้ว่ามันหอมหวานน่าพึงใจ
ริมฝีปากของอีกฝ่ายกดจูบหนักๆ ตรงซอกคอ…ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าตอนนี้มันคงเต็มไปด้วยรอยสีกุหลาบจากฝีมือพี่ชาย และความคิดที่ว่าคนข้างกายทำสิ่งที่เหมือนตีตราเป็นเจ้าของบนตัวเขาก็ทำให้โลกิตัวสั่น…ความยินดีที่น่ารังเกียจ
“อึก…”
ความปรารถนาที่เริ่มก่อตัวอีกครั้งทำให้เขารู้สึกเกลียดตัวเองมากกว่าเดิม คนเป็นพี่ชายก็ดูจะรู้ใจ…มือใหญ่เลื่อนลงเพื่อกอบกุมรอบส่วนอ่อนไหวของเขาอีกครั้ง ทุกสัมผัสของพี่ชายที่โอบล้อมทำให้เขารู้สึกปั่นป่วน…ไม่ว่าจะเป็นการขยับไหวของร่างกายหรือแรงอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูงเรื่อยๆ
เสียงกรีดร้องดังก้องอีกครั้งเมื่อความรู้สึกที่มีมากเกินต้านทาน…โลกิหอบหายใจ สัมผัสได้ถึงของเหลวที่หยาดรินลงมาตามต้นขา…หายใจหนักขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ซ่านในกายตน อีกฝ่ายถอยออกห่าง แนบวงหน้าลงบนแผ่นหลังของเขา…ประทับจูบบางเบาไล่เรื่อยมาจนถึงข้างหูราวกับจะเป็นการปลอบโยน
…และโลกิก็รู้ดีว่าการปลอบโยนนี้สามารถทำให้กำแพงความเกลียดชังที่เขาเพียรสร้างพังทลายได้ในเสี้ยววินาที
ไม่…เขาพ่ายแพ้ให้พี่ชายเห็นมากพอแล้ว
“ข้าเกลียดเจ้า…” คำเรียกหาเปลี่ยนไป…คนพูดหวังเหลือเกินว่ามันจะฟังดูไม่เหมือนการโกหก “จำไว้เถอะ…ว่าข้าเกลียดเจ้า…ข้าจะไม่มีวันหยุดจนกว่าจะฆ่าเจ้าได้…”
คำหลอกลวงถูกกล่าว…เพราะเขาไม่มีทางจะยอมบอกความจริงให้อีกฝ่ายรู้ ไม่มีทางจะแย้มพรายให้ฟัง…ว่าแม้ตอนนี้เขาจะโดนปฏิบัติราวกับเป็นเชลยไร้ค่าคนหนึ่ง สิ่งเดียวที่เขาปรารถนาก็ยังเป็นอ้อมกอดของคนตรงหน้า
นัยน์ตาของคนฟังหม่นแสงชั่ววินาทีกับคำพูดนี้ มือใหญ่เชยคางเขาขึ้น…โลกิพยายามขืนตัวออก หากมือแข็งแรงทั้งสองข้างก็ประคองใบหน้าของเขาเอาไว้…ตรึงให้หลบริมฝีปากที่ประทับลงมาไม่ได้
ผิดกับจูบแรก…มันลึกล้ำหากอ่อนโยน โลกิหลับตาเพื่อลบภาพใบหน้าอีกฝ่ายที่เลื่อนเข้ามาใกล้ หวังให้ตัวเองสามารถลืมได้ว่าจูบนี้นุ่มนวลและอ่อนหวานเพียงใด สัมผัสของริมฝีปากนั้นเต็มไปด้วยความโหยหา…จนเผลอทำให้คิดไปวูบหนึ่งว่าตนเป็นที่รัก…เป็นคนที่เจ้าของจุมพิตนี้มอบหัวใจให้
ไม่รู้ทำไม…แต่มันช่างเหมือนกับเป็นจูบลาครั้งสุดท้ายเหลือเกิน
อีกฝ่ายถอนริมฝีปากพร้อมกับที่โลกิปัดความคิดไร้สาระนี้ออกไป ดวงตาของคนที่เคยเป็นพี่ชายของเขากลายเป็นสีฟ้าเรียบนิ่งเหมือนท้องฟ้าฤดูร้อนดังเดิม…เย็นชาและไร้หัวใจพอๆ กับคำพูด
“ถ้าอย่างนั้น…ข้าก็จะไม่ยั้งมือใดๆในการจะฆ่าเจ้าเช่นเดียวกัน…โลกิ”
ดวงตาทั้งสองคู่สบประสาน…ฝังทุกความรู้สึกไว้หลังความเกลียดชัง เพราะการเปิดเผยความจริงหมายถึงความพ่ายแพ้
ไม่…เขาจะไม่แพ้…
วงหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มผมทองไร้อารมณ์ใดๆ…ส่วนชายหนุ่มผมดำก็เชิดหน้าอย่างถือดี
เขาจะต้องเป็นผู้ชนะ…แม้ชัยชนะจะหมายถึงการยืนอยู่บนซากแหลมคมของหัวใจที่แตกสลายก็ตาม
Fin.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in