เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ชีวิตวัยเด็กของเราlookputty
ชอบ

  • สวัสดีค่ะ เราเป็นนักเขียน 'ผู้ขี้เกียจเป็นหนึ่ง' ในวัยเด็กมีความฝันว่าอยากเป็นทั้งนักร้อง นักแสดง หรือนักเขียน ปัจจุบันเรามีผลงานไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลย ยังมีความสับสนกับเส้นทางของตนเองตลอดเวลา เรามีเรื่องที่จะได้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ แต่ก็ยังไม่มีอารมณ์เอ็นจอยกับสิ่งเหล่านั้น บางครั้งบางคราก็ดองเรื่องไว้มากมายผ่านพ้นมาเป็นเดือนหรือเป็นปี ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นเพราะตัวเราเองมีความเกียจคร้านและเบื่อหน่าย แทรกแซงไปด้วยอารมณ์หลากหลายที่ทำให้ดำดิ่ง

     

    เรื่องที่จะนำเสนอในวันนี้ก็คงเป็นเรื่องของความ 'ชอบ' ภัทรหรือ 'แพท' ในนามของวงการก็ชื่นชอบการเป็นผู้หญิงมาตั้งแต่เด็ก เป็นวัยอนุบาลที่ตัวเองรู้สึกรักในการละเล่นแบบผู้หญิง ฮ่าๆ สมัยก่อนมันก็จะมีตุ๊กตากระดาษใช่ไหมคะ ประมาณห้าบาทสิบบาทนี่แหละเท่าที่จำได้ จะมีรูปการ์ตูนผู้หญิงที่ไม่รู้จักบ้าง บางครั้งก็เป็นเซเลอร์มูนที่ตัวเองชมชอบมาตั้งแต่เล็กจนโต ภัทรก็จะนำมาเล่นที่บ้าน เปลี่ยนชุดอาภรณ์ด้วยกระดาษที่จะมีรอยพับเล็กๆ ที่มันมักจะฉีกขาดได้ทุกเมื่อหากไม่ทะนุถนอมมัน พลางจินตนาการพูดคุยกับตัวเองภายในหัว บางครั้งก็พูดคุยซุกซนเหมือนเด็กทั่วไป ภัทรมองว่าเป็นการชอบอย่างหนึ่ง

     

    ชอบที่จะเล่น 

     

    ชอบที่จะแต่งตัว

     

    ชอบที่จะเต้นไปกับเสียงร้องของเพลงและเสียงดนตรี

     

    ชอบแม้กระทั่งเวลาตัวเองร้องเพลงเหมือนเสียงผู้หญิง

     

    ภัทรเป็นเด็กชายคนหนึ่งที่ชื่นชอบสิ่งเหล่านั้นเยอะแยะเต็มไปหมด รวมถึงการของเล่นแต่งหน้าที่แม่ซื้อมาให้น้องสาวคนที่สอง เพราะภัทรนั้นเป็นพี่ชายคนโต ภัทรก็จะแอบไปเล่นใต้เตียงกับน้องสาว พลัดกันแต่งหน้าแต่งตา สีสันมันมากมาย มีทิ้งลิปกลอสทาปากให้มันวาว พอออกจากใต้ตั่งเตียงแม่ก็จะเข้ามาเห็นให้ไปล้างหน้าล้างตา และอีกอย่างที่ภัทรชอบมากที่สุดก็คงเป็นการเล่นเกมค่ะ ภัทรชอบเล่นมาตั้งแต่เด็ก เวลาเล่นภัทรมักจะมีความสุขอยู่เสมอ จนตอนนี้ก็ยังฉุกคิดอยากเป็นนักแคสเกมอยู่เลยค่ะ แต่ยังไม่มีคอมซีพียูดีๆ สักเครื่องให้มาเล่นหรือนั่งแคสได้ทดลอง อีกอย่างภัทรเคยเป็นเด็กตั้งใจเรียนในสมัยอนุบาลด้วย เคยชื่นชอบวิชาคณิตศาสตร์ เกณฑ์ดีหัวดีจนคุณครูเอ่ยปากชมเปาะ พ่อแม่รับรู้ก็พลอยดีใจ จนกระทั่งพ่อซื้อคอมให้มาเป็นของขวัญ สมัยนั้นเริ่มมีการเล่นอินเตอร์เน็ตได้ ภัทรก็จะชอบนั่งเล่นเกมต่อสู้ โดยเฉพาะได้เล่นตัวละครผู้หญิงตัวหนึ่ง ลักษณะจะคล้ายๆ ลูกคุณหนู คาแรคเตอร์มีอาวุธเหมือนเครื่องจักรกล ภัทรชอบตัวละครนั้นมาก แถมตอนนี้ก็จำชื่อเกมไม่ได้แล้วด้วย ภัทรมักจะเล่นจนดึกดื่นจนพ่อต้องห้ามปราม ขอเล่นอีกสักตาก่อนจะไปอาบน้ำนอนเหมือนชาวบ้านก่อนที่จะเตรียมตัวไปโรงเรียนในวันถัดไป

     

    วัยเด็กเป็นวัยที่ภัทรจดจำได้แม่น ปัจจุบันภัทรมีอายุ21ปีย่างเข้าสู่วัย22 ภัทรเกิดเดือน 29 มีนาคม 2541 ราศีมีน ปีขาล ณ ตอนนี้ไว้ผมยาวและเทคฮอร์โมนเพศหญิงอย่างต่อเนื่อง และได้รับการรักษาตัวจากโรคซึมเศร้า แต่สาเหตุเหล่านี้เราค่อยมาพูดกันทีหลัง เอาเป็นว่าค่อยๆ อ่านเรื่องราวของภัทรกันไปก่อน เพราะภัทรก็อยากเล่าประสบการณ์ความชอบของตนเองที่มีมาตั้งแต่เล็กจนโต ภัทรคิดว่าตัวเองมีความสามารถหลากหลายมากมายเลยนะคะ หากได้ลองเก็บเกี่ยวประสบการณ์ดู เคยได้เต้นเป็นหัวหน้ากลุ่มสมัยเรียนอนุบาลอีกด้วย เวลาคุณครูฝึกซ้อมเพื่อเป็นการแสดงปิดภาคเรียน ภัทรก็จะตั้งใจมากเป็นพิเศษ และอยากเป็นที่หนึ่งอยู่เสมอ เพราะตอนนั้นคุณครูจะคัดเด็กที่เต้นดีและจำท่าเต้นได้แม่นได้มายืนแถวหน้า ซึ่งตัวภัทรก็อยากเป็นจุดเด่น อีกทั้งก็เป็นเพราะอยากให้แม่ได้เห็นการแสดงของภัทรที่ตั้งใจทำอย่างเต็มที่

     

    แต่ทว่า...พอถึงวันจริงๆ ในการแสดงโชว์ แม่ของภัทรกลับไม่สามารถมาดูการแสดงได้ ทั้งที่ภัทรตั้งใจอย่างมากเพื่อให้แม่ได้เห็น คาดหวังให้แม่มองความสามารถบางสิ่งที่ภัทรชื่นชอบมาตั้งแต่เด็ก ตอนนั้นกลับมีป้ามาดูแทนเสียนี่ ส่วนหนึ่งในใจลึกๆ ทั้งเสียดายและเศร้าสร้อยในคราเดียวกัน ภัทรได้แสดงถึงสองเพลง จำได้ว่าเป็นเพลงเด็กดอยใจดี ก่อนจะมาหลังฉากเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดผีเสื้อ น่าจะเป็นเพลงหนอนผีเสื้อไรสักอย่างนี่แหละค่ะ ภัทรก็จะได้ใส่ชุดผีเสื้อคล้ายๆ กับเด็กผู้หญิงอีกคนที่ชื่อ 'ฝ้าย' จำได้แม่นแม้กระทั่งว่าเรียนสมัยอนุบาลเดียวกันจนจบประถมศึกษาปีที่หก ฮ่าๆ น่าเหลือเชื่อใช่ไหมคะ เหตุผลเหล่านี้คงเป็นเพราะคนเรามักจะจดจำเรื่องราวที่ไม่ดีมากกว่าเรื่องราวดีๆ ในครั้งเยาว์วัย แต่ส่วนหนึ่งก็ไม่ใช่เพราะว่าฝ้ายหรอกค่ะ เธอก็แค่เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่หัวดีและเรียนเก่ง ตอนนั้นเรายังอนุบาลต้องแสดงเป็นผีเสื้อตัวใหญ่ๆ ที่ต้องบินรอบฝูงแถวของตนเอง เหมือนโบยบินผ่านตัวหนอนต่างๆ ที่ต้วมๆ เตี้ยมๆ

     

    ภัทรว่าภัทรหลงรักการแสดงเข้าให้แล้วล่ะค่ะ…


    ภัทรชอบการถูกกอดมากเลยนะคะ ชอบที่เวลาพ่อแม่พูดจาสุภาพและเอ็นดูเรา ตอนเรามีแค่พี่น้องสองคนพ่อแม่ดูเอ็นดูเรามาก จนภัทรได้น้องคนที่สามที่ชื่อ ‘พงศ์’ พงศ์เป็นตัวอ้วนจ้ำม่ำหน้าตาจิ้มลิ้มมากค่ะ เป็นน้องชายที่ภัทรเอ็นดูมากในตอนนั้น แต่ภัทรก็รักน้องคนที่ชื่อ ‘พั้นช์’ หรือ ‘หมวย’ ที่ยายตั้งให้ไม่ต่างกันนะคะ 


    ภัทรมองว่าการชอบอะไรบางสิ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข อย่างที่ทุกวันนี้ที่ภัทรเริ่มชอบการเขียน อยากจะระบายหรือเขียนเรื่องไรก็ได้โดยไม่สนใจคำครหา และแล้วภัทรก็ถูกคำครหาโจมตี เหตุผลเพราะภัทรได้สร้างนิยายที่แตกต่างจากชาวบ้าน มีชื่อเรื่องว่า ‘เป็นนักเขียนมันเหนื่อยขายตัวแม่งเลย’ คาดหวังตีแผ่บางสิ่งบางอย่างในวงการที่น่าขบขัน ภัทรถูกถ้อยคำรุนแรงจู่โจมโดยเว็บโม่ง หรือพวกไร้ตัวตนที่เป็นนักเลงคีย์บอร์ด แต่ภัทรอยากบอกว่าสาเหตุที่ตนเองรักษาตัวเพราะโรคซึมเศร้าไม่ใช่เพราะเรื่องพรรค์นี้หรอกค่ะ มันค่อนข้างไร้สาระ ภัทรมองว่าเป็นเรื่องปกติที่จะมีคนชอบก็ย่อมมีเกลียด 


    อีกอย่างหนึ่งเว็บไซต์เหล่านั้นที่ตีตราว่าภัทรเป็นนักเขียนขยะ ก๊อปคาแรคเตอร์มาจากผู้อื่นมันยิ่งทำให้ภัทรขำเข้าไปใหญ่ มันค่อนข้างตลกร้ายมากเลยค่ะ ภัทรกลับไม่เจ็บเลยสักนิดกับคำรุนแรงที่ด่าทอและเสียดสี ทั้งด่าว่าผลงานขยะนักเขียนก็ขยะ แต่ถ้อยคำเหล่านั้นก็คงเป็นแค่ขยะที่ภัทรต้องกำจัดด้วยตัวภัทรเอง เหมือนเราปามันโยนใส่ถังขยะ หลังจากนั้นคืออะไร ? เราจะเก็บมันมาใส่ใจเหรอคะ ? หรือจะนึกขึ้นได้ว่าสิ่งที่ปาไปมีอะไรบางเรื่องที่เราต้องนำมาใช้ หากขยะเหล่านั้นสามารถมารีไซเคิลเพื่อใช้ประโยชน์ได้ ภัทรก็คงเก็บมาคิดใคร่ครวญและพัฒนาต่อๆ ไป แต่ถ้ามันเป็นแค่ขยะที่ส่งกลิ่นเหม็นเน่า ไม่สามารถนำมารีไซเคิลให้เกิดผลประโยชน์ได้อีก สุดท้ายก็คือการกำจัดมันทิ้ง


    การไม่เก็บคำพูดบางคำที่มากระทบต่อจิตใจ ก็เหมือนการที่คุณมัดถุงกระดาษสีดำขลับและโยนลงใส่ถังขยะสีเขียวและหันหลังให้กับมัน


    โอ้ แต่ถึงจะพูดให้ดูดีมีหลักการ บอกตามตรงว่าภัทรก็ไม่ได้เป็นเด็กดีอะไรมากหรอกค่ะ พอโตเข้าก็ยิ่งติดเกม เริ่มเข้าใจในบางเรื่องที่เด็กไม่ควรรับรู้ แต่ภัทรก็ได้แต่เสแสร้งทำเป็นไม่ประสีประสา ภัทรว่าตัวเองเป็นคนตบตาตบสีหน้าเก่งนะคะ ไม่ได้หมายถึงตบหน้าใคร แต่หมายถึงการที่เราไม่แสดงท่าทางให้อีกคนรับรู้ว่าเราคิดอะไรอยู่


    ปัจจุบันภัทรยังหาคำตอบไม่ได้ว่าเส้นทางที่ตัวเองเลือกเดิน เส้นทางไหนจะประสบความสำเร็จมากกว่ากัน เพราะภัทรก็อายุแค่21ปี แม้จะไม่ได้เด็กแล้ว แต่ก็ข้ามผ่านช่วงวัยรุ่น เพื่อดิ้นรนต่อสู้กับการใช้ชีวิตในแต่ละวัน ภัทรก็คาดหวังอยู่เสมอนะคะว่าตัวเองจะได้หาจุดที่ตัวเองต้องการได้สักที เป็นคนใหม่ที่สันทัดในบางสิ่ง และเชี่ยวชาญในความสามารถให้หลายๆ คนได้ประจักษ์


    ภัทรชอบการถูกด่าค่ะ แต่เอาจริงๆ ก็ไม่ชอบหรอกค่ะ ฮ่าๆ ดูย้อนแย้งใช่ไหมคะ มันมีสองประเภทของคำด่าทอที่ชอบและไม่ชอบ คือหนึ่งคำด่าทอที่สามารถส่งผลกระทบให้เกิดผลประโยชน์ได้ด้วย ทั้งในการปรับปรุงและแก้ไข สองคือคำด่าทอที่ทำร้ายจิตใจ ซึ่งไม่ช่วยอะไรดีขึ้นมา ฉะนั้นภัทรจึงโยนข้อที่สองทิ้งไป


    การ ‘ชอบ’ มีหลายแบบ อยู่ที่ว่าเราจะชอบเสพสิ่งไหนมากกว่ากัน เสพให้เป็นทุกข์ หรือเสพให้เป็นผลดีต่อจิตใจ ?


    บางคนชอบฝืนความ ‘ชอบ’ ของตนเอง ชอบที่จะเป็นเหมือนชาวบ้าน มากกว่าที่จะชอบการเป็นตนเอง หรืออาจจะถูกบังคับจากความ ‘ชอบ’ ผ่านพ่อแม่หรือคนรอบข้าง จนดับมอดสิ่งที่ตัวเองมุ่งมั่นปรารถนา


    มันอยู่ที่ว่าความชอบของคุณจะถูกจำกัดด้วยตัวคุณเองหรือคนอื่นๆ แทน


    แต่จงอย่างลืม ชีวิตนี้มีแค่ครั้งเดียว คุณจะจมอยู่กับความชอบที่ทนฝืนหรืออิสระกันแน่ นั่นคือคำตอบที่ต้องเลือกเอง อย่าให้ใครมาล้ำเส้นขอบเขตความ ‘ชอบ’ ของคนเรา


    ก็เหมือนที่ผู้หญิงบางคนชอบแต่งหน้า แต่บางคนก็ชอบที่จะไม่แต่งหน้าเช่นเดียวกัน เรื่องราวเหล่านี้ต่างเป็นสิทธิของตัวเราทั้งนั้น


    นิยายวายหรือนิยายรัก อาจไม่ได้จำกัดแค่เพศหญิงหรือเพศที่สาม รวมไปถึงนิยายต่อสู้หรือการเล่นเกม ก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งเหล่านี้คือความชอบของผู้ชายเพียงฝ่ายเดียว


    ทุกคนต่างมีสิทธิที่ชื่นชอบแตกต่างกันไป จงเคารพสิทธิความชอบของผู้อื่น ด้วยมารยาทที่ควรพึงมี


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in