เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Somewhere in hellGirlwearsblue
เปลือยนิพนธ์
  • เรามาพบกันวันหนึ่งในฤดูฝน
    มีคนเคยบอกฉันว่า เขาเป็นผู้ชายปากร้าย แค่พูดประโยคเดียวอาจทำให้คนอ่อนไหวน้ำตาซึมได้ง่ายดาย
    ฉันก็เลยนัดพบเขา

    เพราะฉันอยากร้องไห้จริงๆจังๆมานานแล้ว 








    "คุณชอบงานเขียนของผมหรือ" 
    นี่คือประโยคแรกที่เขาเปรยเมื่อเห็นหน้าฉัน

    "ค่ะ ฉันรักงานเขียนของคุณ"  

    "แล้วคุณต้องการลายเซ็นของผม...รึไง?"

    "เปล่าค่ะ ฉันไม่ต้องการอะไรจากคุณเลย"  ฉันเงียบ เขาก็เงียบ เลิกคิ้วเหมือนคำถามว่าแล้วจะนัดเขามาให้เสียเวลาทำไมกัน "สั่งเค้กมั้ยคะ?"

    "แล้วแต่คุณ ผมไม่กินของหวาน" 
    เรามองตากันพักเล็กๆ กลิ่นอายคนแปลกหน้าคละคลุ้งอยู่ที่เบื้องหน้าของเราทั้งคู่ ผู้ชายวัย 45 ที่เพิ่งหย่าเมียและอยู่กับลูกติดอย่างเขา กับผู้หญิงวัยแรกเริ่มทำงานอย่างฉัน ทุกอย่างดูผิดที่ผิดทางและขัดเขิน จนกระทั่งสายฝนแรกตกลงมาจากฟ้า แล้วกระหน่ำลงมาราวฟ้ารั่ว

    "งานเขียนของคุณมักจะมีฝนตกอยู่เสมอเลยนะคะ" ฉันพูดไปตามสถานการณ์

    และจากนั้น เราก็เริ่มเปิดใจกันมากขึ้น ราวกับม่านบางอย่างละลายไปพร้อมกับสายฝน 











    เขาเกลียดการพูดคุย เขาชอบการเขียน เพราะการเขียนสามารถสื่ออารมณ์ได้ลึกกว่า 

    "พอคนมาเจอลุงก็บอกว่าลุงไม่เป็นอย่างที่พวกเขาคิดไว้ ไม่คูลพอ ไม่เศร้าพอ ไม่เหงาพอ" เขาเล่าโดยยืนยันที่จะเรียกตัวเองว่าลุงทั้งที่เด็กกว่าพ่อของฉันหลายปี "ไอ้ห่า พวกมึงคิดเองเออเองกันทั้งนั้น" 

    ฉันหัวเราะ "หนูว่าลุงคูลออกจะตาย" 

    "ลุงไม่ชอบลงลึกเรื่องความรู้สึก ลุงว่าเด็กวัยรุ่นมักอินกับเรื่องความรัก-ความไม่รักมากเกินไป จะเป็นจะตายกับมันเสียเหลือเกิน" เขาว่าพลางจิบกาแฟอึกใหญ่  "ลุงชอบเรื่องที่คนอื่นว่าไร้สาระมากกว่า พวกเรื่องที่ว่าคนๆนึงชอบใช้ดินสอกดหรือดินสอเหลา ชอบกินโกโก้ ไม่กินชาเย็น ชอบตากผ้ากลับด้านหรือเปล่า..." 

    "หนูก็เอียนเรื่องรักๆอยู่เหมือนกัน" ฉันคล้อยตาม "หนูคิดว่าเราให้คุณค่ากับมันมากเกินไป คิดเอาเองว่าความรักนั้นยิ่งใหญ่ ทั้งๆที่ความสัมพันธ์คือการเสือกกันไปมาเท่านั้นล่ะ" 

    "ความรักก็แค่ชื่อเรียกของสภาวะก่อนการสืบพันธุ์" เขาว่า

    "ถ้าอย่างนั้น แล้วคนรักร่วมเพศ หรือเป็นหมันล่ะคะ จะมีความรักไปเพื่ออะไร?" ฉันถามไปโดยไม่ทันนึก กว่าจะยั้งปากได้ อีกฝ่ายก็มองหน้าฉันเนิ่นนาน

    "บางคนก็มีความรัก แค่เพื่อรัก ไม่มีเหตุผลอย่างอื่น"
    เขาตอบมาแบบนั้น 














    โลกนี้มีแต่การสื่อสารที่ไร้ความหมาย

    เขาบอกฉันว่าเราพูดกันมากเกินไป ตีความน้อยเกินไป ใช้ใจตัดสินไปเองแบบผิดๆเยอะเกินไป โลกมันเลยวุ่นวาย มันเลยสับสน

    เขาเลยเลือกที่จะเขียน แทนการสื่อสารด้วยคำพูด เพราะเมื่อเขาเขียน คนอ่านไม่อาจพูดแทรกเขาได้ พวกเขามีใจเปิดกว้างที่จะรับข้อมูลบนหน้ากระดาษนั้น และหากสงสัย ค่อยมาคุยกันนอกรอบก็ได้...อย่างน้อยตัวหนังสือเหล่านั้นก็ได้รับการรับฟังแล้ว 

    เรานั่งคุยกันแบบนั้น เล่าสารพัดสิ่งที่ไร้ความหมาย เขาเล่าให้ฉันฟังถึงแฟนคนแรกที่เป็นสาวคอนแวนต์หน้าตาน่ารัก ฉันเล่าให้เขาฟังถึงคนเคยรักของฉัน ที่เลิกคบกันไปแบบงงๆ 

    "หลังจากวันที่ทะเลาะกัน เขาก็ไม่มองหน้าหนูอีกเลยนะลุง เราทำงานแผนกเดียวกันแต่เขาไม่มองหนู พูดด้วยก็ไม่พูด จนเขารู้กันทั่วว่าเราทะเลาะกัน"

    "เด็กก็แบบนี้ล่ะ" เขาหัวเราะอย่างผู้กร้านโลก 

    "ไม่เด็กนะคะ แก่กว่าหนูรอบนึงแน่ะ" ฉันเถียง 

    "ผู้ชายน่ะ เริ่มเป็นผู้ใหญ่ตอนอายุ 40 นั่นล่ะ" 

    ฉันลอบมองดูตีนกาและไรหนวดบนหน้าของนักเขียนใหญ่


     "ลุงรู้มั้ยคะ การที่เขาเมินหนูแรงๆแบบนั้น หนูไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย หนูขำด้วยซ้ำนะ เพราะรู้สึกว่าการมีอยู่ของหนูมันสำคัญ จนเขาไม่กล้าที่จะรับรู้มันตรงๆ" 

    เขารอฟังว่าฉันจะพูดอะไรต่อไป  ฉันนิ่งคิด แล้วพูดต่อ "แต่สิ่งที่ทำให้เจ็บปวดจริงๆ ก็คือคนที่ทำเหมือนแคร์เรา ทั้งที่ความจริงแล้ว เขาไม่เคยสนใจใยดีเราเลย" 

    "ยังไงหรือ?"

    "อย่างเช่นหนูบอกว่าชอบงานเขียนของลุงมากๆ...หนูอยากให้ลุงอ่านงานเขียนหนูแล้วติชม ลุงยิ้มรับ บอกจะอ่านแน่ๆ แล้วสุดท้าย ลุงก็ไม่อ่านมัน" 

    เขาทำหน้ายุ่งกับตัวอย่างที่ฉันยกมา ท่าทางของเขาทำให้ฉันยิ้มขัน "...ตัวอย่างนี้แทงใจลุงเกินไปรึเปล่าคะ?" 

    "สิ่งนึงที่หนูต้องรู้ไว้นะ...คือคำสัญญามันไม่มีอยู่จริงมาตั้งแต่แรกแล้ว ในโลกของผู้ใหญ่" 

    "แต่มีผู้ใหญ่คนนึงที่รักษาสัญญากับหนูเสมอนะคะ"

    "นั่นเป็นเพราะหนูยังรู้จักเขาน้อยเกินไป" เขายิ้มเยาะ เลิกคิ้วเป็นคำถาม 
    "หรือว่าไม่จริง?"









    อย่าไปรู้สึกอะไรมากกว่าที่มันเป็นอยู่
    อย่าเข้าไปอินกับมัน
    ทุกอย่างในโลกนี้หลอกลวง
    เราก็ต้องหัดที่จะเป็นคนหลอกลวงเอาไว้บ้าง 

    เขาทิ้งท้ายไว้แบบมึนๆอย่างนั้น 

    ฉันไม่ค่อยเข้าใจพวกนักเขียนนักหรอก รู้แค่ว่าฉันไม่ได้ร้องไห้กลับมา
    และไม่ได้รู้สึกผิดหวังกับการพูดคุยในวันนี้


    สายฝนยังคงสาดเทไม่หยุดหย่อน ฉันกางร่มใสๆ มองดูน้ำฝนที่ตกกระทบร่ม คิดถึงเรื่องแต่งของเขา...ที่สายฝนมักจะนำพาตัวเอกให้ไปเจอกับอะไรบางอย่างที่พิเศษเสมอ

    มันก็แค่นิยายเรื่องนึง...





    ฉันหยุดคิด




    แล้วเดินไปตามถนนที่เจิ่งนอง 

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in