ท่ามกลางกลุ่มคนที่ลานดาดฟ้า ชายหนุ่มยืนอยู่ที่นั่น กำลังยกมือขึ้นบังแสงแดด
เขามองกลับมาบังเอิญสบตากันโดยไม่ตั้งใจ หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ
พยายามนึกว่าทำไมถึงมองเห็นเขาก่อนใครคนอื่นตลอดเลยเชียว
คิดย้อนไปแล้วเธอพบเขาครั้งแรกในงานปฐมนิเทศของโรงเรียน
“ คุณครูคิดยังไงกับเรื่องที่คนจบมหาลัยถูกมองว่าทำงานดีกว่าราชภัฎครับ” เขาถามขึ้น เธองุนงง คำถามนั้นไม่ใช่สิ่งที่เธอคาดหวังเอาไว้เลยสำหรับคนที่เพิ่งพบหน้ากันครั้งแรก
บางทีเรื่องประวัติการทำงาน สาขาที่เรียนจบ หรือสภาพอากาศ อาจเป็นหัวข้อที่ปกติสามัญกว่าไหมนะ
แต่เพราะเขาดูตั้งใจ และใช้ถ้อยคำสุภาพกับเธอทั้งที่อายุมากกว่า หญิงสาวจึงรู้สึกว่าคำถามนี้เป็นเรื่องที่จริงจังขึ้นมา
“ ก็น่าจะขึ้นอยู่กับแต่ละคนนะคะ” เธอตอบ อันที่จริงแล้วอาจจะชอบใจอยู่เหมือนกันที่ถูกถามในเรื่องอันคาดไม่ถึง คล้ายกับการถูกคนแปลกหน้าที่นั่งรอรถเมล์ข้างกันโพล่งขึ้นว่า ควรใส่อะไรในก๋วยเตี๋ยวดีระหว่างมะนาวกับน้ำส้มสายชู
จริงอยู่ที่หัวข้อตามมารยาทนั้นสุภาพ
แต่จะมีประโยชน์ใดหรือ หากไม่ใช่เรื่องที่อีกฝ่ายอยากจะพูดจริงๆ
“งั้นหรือครับ แล้วคิดว่า...” เขาซักต่อ
ยิ่งคุย เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาถามเพราะอยากรู้ มากกว่าจะถามเพื่อพูดคุย หรือเพื่อให้เธอประทับใจ
เป็นคนประหลาดจริงๆ
แต่ประหลาดก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ดี
หลังจากนั้นทั้งสองก็ได้พบกันบ้างบางโอกาส ทุกครั้งที่เจอกัน เขาก็มักจะมีคำถามอันคาดเดาไม่ได้เช่นนี้ ด้วยท่าทีจริงจังแบบเดิม ถ้าเป็นคนอื่นคงงุนงงไม่น้อย น่าแปลกที่เธอสามารถตอบได้อย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนเป็นเพื่อนเก่าที่สามารถคุยกันในเรื่องความเป็นไปอะไรก็ได้ของโลก
แต่พวกเขาไม่ใช่เพื่อนไม่ใช่รุ่นพี่รุ่นน้อง ไม่ได้สนิทสนม ไม่มีความสนใจเดียวกัน ไม่รู้จักกันมากไปกว่าคนรู้จัก
เป็นดวงดาวที่ไม่มีวงโคจรทับซ้อนกันก็ว่าได้
ด้วยเหตุนั้นเธอจึงสงสัยว่าทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคยกับเขานัก
ครั้งหนึ่งเธอเดินผ่านห้องพัก เห็นเขากำลังนั่งรออยู่
“ พอดีเลยครับ ผมขอถามหน่อย”เขามีท่าทางโล่งใจที่เห็นเธอ
“ ตรงจุดนี้ในงานของนักเรียน ผมไม่เข้าใจว่าทำไมถึงใช้คำนี้ได้ ”
โดยไม่มีปี่ขลุ่ยเช่นเคย เขามักมาพร้อมคำถาม ไม่ได้เจาะจงว่าต้องถามเธอ ขอแค่ใครก็ได้ที่มีความรู้เรื่องนี้
ช่างเป็นเรื่องเล็กน้อยเหลือเกิน
แค่คำๆเดียวในหน้ากระดาษที่ลายตาด้วยตัวอักษร ต้องใส่ใจมากถึงเพียงนั้นหรือ ปล่อยผ่านก็ได้ไม่ใช่หรือ เพราะใครๆก็ทำเช่นนั้น
แต่เพราะเขาใส่ใจ จึงได้นั่งรอใครสักคนที่หน้าประตูห้องอยู่เสียนาน
เป็นสิ่งละอันพันละน้อยที่เธอค่อยๆสังเกตเห็น
บางครั้งก็เห็นเขายืนอยู่กลางแดดตอนเที่ยงเพื่อสอนนักเรียน
บางครั้งก็เห็นเขาอยู่ในห้องเรียนวันหยุดเพื่อเตรียมอุปกรณ์
บางครั้งเขาก็สวนทางกับเธอ ยิ้มให้ แล้วหันกลับไปอ่านเอกสารต่อ
บางครั้งก็ได้ยินเขาหัวเราะเสียงดังในวงสังสรรค์ และปฎิเสธเพื่อนอย่างนุ่มนวลในสิ่งที่ไม่อยากทำ
ตั้งใจ ใส่ใจ จริงใจ และไม่สนใจอีกฝ่าย
มีช่วงเวลาของตัวเองและโลกอย่างชัดเจน
เธอคิดว่าช่างคุ้นเคยเหลือเกิน
เหมือนใครที่เธอเคยรู้จักมาก่อน
ครั้งนี้เขายืนปรับเช็คกล้องโทรทรรศน์อยู่กลางสนาม ตอบคำถามให้นักเรียนสิบกว่าคนที่รายล้อม
บ่ายคล้อยแล้ว แต่เวลาของห้องเรียนเป็นนิรันดร์
คงเพราะความร้อน ทรงผมกระเซิงถึงได้ลีบไปเพราะเหงื่อ เขายกมือเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก อากัปกิริยาคล้ายแมวเช็ดหน้านั้นทำให้เธอนึกขึ้นได้
อ้อ นึกออกแล้ว
ทั้งความสุภาพแต่กระตือรือร้น
ทั้งนิสัยที่ชอบอยู่คนเดียวแต่ก็เป็นที่รักของเพื่อนฝูง
ทั้งความใส่ใจต่อคนอื่นแต่ไม่ได้สนใจลึกซึ้ง
เหมือนแมวดำไม่มีผิด...
ต้องเป็นแมวดำเท่านั้น เพราะว่าในความคิดของเธอ แมวดำเป็นแมวที่สุภาพกว่าแมวสีใดๆ แต่ถึงแม้มันจะนุ่มนวลเพียงใด ก็ยังเว้นช่องว่างระหว่างกับผู้อื่น คงความเป็นตัวของตัวเองไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ
น่ารักจริงๆ
ด้วยเหตุนั้นเองทุกครั้งที่สวนกัน เธอจึงมักจะอมยิ้มอยู่ร่ำไป
วันนี้แมวดำตัวนั้นก็ยังคร่ำเคร่งอยู่เช่นเคย
===========================
ตะวันส่องจ้า แสงแรงเสียจนแทบทำให้มองไม่เห็นกลุ่มคนที่หลบแดดอยู่ใต้เงาไม้ แต่ว่าเขาก็มองเห็นหญิงสาวคนนั้น เธอส่งยิ้มมาทางนี้ คงจะยิ้มให้ใครสักคนที่เธอสนิทสนมด้วย อาจเป็นนักเรียนในชั้นของเธอก็ได้กระมัง
เขารู้สึกตะหงิดใจเล็กน้อย สงสัยอยู่เหมือนกันว่า ทำไมนะ
ทำไมถึงมักสังเกตเห็นเธอก่อนคนอื่นๆอยู่ตลอดเชียว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in