เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First Storywhenlilymetyou
กี่เพ้าเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของจีน
  • กี่เพ้าชุดกระโปรงยาว รัดรูป ปัจจุบันมีหลากหลายสีสันนั้นนับว่าเป็นอีกหนึ่งในเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของจีนที่เป็นการบ่งบอกการมาถึงของเทศกาลตรุษจีนหนึ่งในเทศกาลที่สำคัญที่สุดของชาวจีน โดยถือว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามแบบปฎิทินจีน ซึ่งชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนทุกคนล้วนให้ความสำคัญกับวันนี้เป็นอย่างมากมีการหยุดงานเป็นเวลายาว โรงเรียนสถาบันการศึกษาปิดเทอม ในช่วงนี้ มีการทำความสะอาดบ้านเรือนให้ผ่านปีใหม่อย่างสะอาดสดใสร้านค้า ห้างสรรพสินค้า ต่างเต็มไปด้วยผู้คนมาจับจ่ายใช้สอย ซื้อเสื้อผ้าใหม่แก่เด็กๆญาติสนิทมิตรสหาย และ กี่เพ้า นั้น จึงนับได้ว่าเป็นเสื้อผ้าที่นิยมใส่อย่างแพร่หลายทั้งชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนในวันสำคัญต่างๆ อย่างเช่น วันตรุษจีน


            

    ฉีผาว 旗袍 หรือกี่เพ้า เป็นชุดที่ดัดแปลงมาจากชุดของหญิงชาวแปดกองธงในสมัยราชวงศ์ชิงมีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ สมัยศตวรรษที่ 17 ประมาณปี 1636 ซึ่งก็เกือบ 400 ปีที่แล้วเป็นเครื่องแต่งกายของหญิงแมนจูในยุคราชวงค์ชิง ชุดกี่เพ้า เป็นเครื่องแต่งกายชั้นสูงสำหรับสตรีในราชสำนักจีนเท่านั้น  แต่ภายหลังจากมีการปฏิวัติโค่นล้มราชวงศ์ชิงภายใต้การนำของ ดร.ซุนยัดเซ็นก็มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองครั้งใหญ่หลายๆ ด้านรวมถึง วัฒนธรรมการแต่งกาย ของสตรีชาวจีนด้วยเช่นกัน และเมื่อราชวงศ์ชิงล่มสลายชุดกี่เพ้าลวดลายมังกรและหงส์ ก็ไม่ถือเป็นของต้องห้ามเฉพาะในหมู่พระราชวงศ์ โดยในยุคเรืองอำนาจของดร.ซุนยัดเซ็นสตรีสามัญชนในระดับชั้นนำของจีนก็เริ่มนำชุดกี่เพ้ามาสวมใส่เป็นแฟชั่น นำเทรนด์โดยภริยาของ ดร.ซุนยัดเซ็น” เอง ต่อมาในช่วงทศวรรษ 1920 เป็นยุคที่ชุดกี่เพ้าแพร่หลายอย่างมากในเมืองเซี่ยงไฮ้ โดยได้รับอิทธิพลจากสไตล์ทางเหนือของชาวปักกิ่ง ยุคนี้สตรีในแวดวงสังคมชั้นสูงได้พัฒนาชุดกี่เพ้าให้ดูทันสมัยขึ้นโดยปรับปรุงรูปทรงให้แนบสรีระ เข้ารูปและเน้นทรวดทรงของผู้สวมใส่จากเดิมที่ตัดเย็บเป็นทรงตรงๆไม่มีส่วนโค้งเว้า



    ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง แผ่นดินจีนเต็มไปด้วยความอดอยากยากแค้น ทำให้ชุดกี่เพ้าไม่เป็นที่นิยมของชาวจีน ยิ่งมาถึงยุคที่เหมาเจ๋อตุงการปฏิวัติทางวัฒนธรรมเกิดขึ้นส่งผลให้ชุดกี่เพ้าก็ถูกนำมาเผาทำลายด้วย เพราะถือเป็นเครื่องหมายของอดีตและความไม่เจริญก้าวหน้า

    ประมาณ ยุค 1980 เกียรติยศศักดิ์ศรีของ ชุดกี่เพ้าได้รับการฟื้นฟูกลับคืนมาอีกครั้ง ภายหลังจากการเปิดประเทศของจีน ก็มีการรื้อฟื้นนำชุดกี่เพ้ากลับมาสวมใส่ พร้อมเลื่อนสถานะขึ้นเป็นชุดประจำชาติโดยมีนครเซี่ยงไฮ้เป็นศูนย์กลาง


  • ตามคำนิยามความหมายของแฟชั่นการสวมใส่กี่เพ้านับว่าป็นแฟชั่นด้วยหรือไม่?

    ในมุมมองทางปรัชญาแฟชั่น Anne Hollander ได้ให้คำนิยามความหมายของแฟชั่นว่าแฟชั่น คือที่ที่รวมทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในเครื่องแต่งกายไว้ด้วยกัน รวมไปถึง ทั้งที่คนนิยมfashion และ non-fashion จะฮิตหรือไม่ฮิต สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นแฟชั่นตามการให้คำนิยามของ Anne Hollander

    ดังนั้นแล้ว หากลองพิจารณาตาม Anne Hollander ก็อาจบอกได้ว่าการสวมใส่กี่เพ้าเป็นแฟชั่น เพราะไม่ว่าจะเป็น ลวดลายที่ปัก สีหรือแม้แต่รูปทรงที่อยู่บนชุดกี่เพ้าที่เป็นเครื่องแต่งกายของสาวแดนมังกรไปจนถึงการนิยมชมชอบของกลุ่มผู้สวมใส่การสวมใส่กี่เพ้าจึงนับว่าเป็นแฟชั่นอย่างหนึ่ง

    ทางด้านของ Elisabeth Wilson นั้น มองว่า แฟชั่น คือ เสื้อผ้า ที่เป็นหัวใจหลัก และมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาแต่สำหรับการเปลี่ยนแปลงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอต่อการอธิบายคำว่า แฟชั่นจึงต้องมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น ทิศทางการเปลี่ยนแปลงของเวลา

    ดังนั้นแล้ว หากลองพิจารณาตาม Elisabeth Wilson การสวมใส่กี่เพ้าก็นับว่าเป็นแฟชั่นเพราะในการสวมใส่กี่เพ้าในแต่ละช่วงของทิศทางเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงไปของจีนกี่เพ้าก็มีวิวัฒนาการการเปลี่ยนแปลงลักษณะของตัวชุดให้เหมาะสมกับรูปร่างลักษณะที่เป็นที่นิยมในขณะนั้นเช่นเดียวกันเช่น ในปี 1920 กี่เพ้ามีการปรับปรุงรูปทรงให้แนบสรีระมากขึ้น โดยได้มีการเข้ารูปและเน้นทรวดทรงของผู้สวมใส่ให้ต่างไปจากเดิมที่ตัดเย็บเป็นทรงตรงๆ ไม่มีส่วนโค้งเว้า ส่งผลให้กี่เพ้าเองก็มีความทันสมัยมากขึ้นค่ะ  

  • “กี่เพ้า” สะท้อนวัฒนธรรมจีนอย่างไร?

    หากลองพิจารณา “กี่เพ้า” ในมุมมองทางปรัชญาแฟชั่นแล้วทำให้เรานึกถึงคำนิยามแฟชั่นของ Roland Barthes ที่กล่าวว่า เสื้อผ้าเป็นสิ่งพื้นฐานทางแฟชั่น คือ เป็นระบบความหมายในทางวัฒนธรรม กล่าวคือเสื้อผ้าเป็นแฟชั่นที่เป็นสิ่งที่ช่วยสื่อสารให้เรามองเห็นถึงวัฒนธรรมของกลุ่มคนหรือสังคมนั้นๆ

    อย่างแรกที่ทำให้เรามองเห็นว่า กี่เพ้า” สะท้อนวัฒนธรรมจีน คือ ชุดกี่เพ้านั้นไม่เพียงแต่เป็นเอกลักษณ์ที่เพิ่มเสน่ห์ให้กับสาวแดนมังกร หากแต่รูปแบบที่พัฒนาและเปลี่ยนไปตามแต่ละยุคยังสอดคล้องกับวิถีชีวิตและสภาพสังคม ไปจนถึงการออกแบบ และลวดลายที่บ่งบอกถึงตัวตนของผู้สวมใส่ ไม่ได้เน้นลวดลายสวยงาม ชุดสตรีที่ตัดเย็บด้วยผ้าต่วนปักบริเวณปกคอ ให้ความสำคัญที่ความยาวคลุมถึงเท้านั้นก็เพื่อปกป้องฝุ่นจากทะเลทราย และลำตัวกว้างใหญ่เพื่อสะดวกในการขี่ม้า นี่คือชุดกี่เพ้าของสาวแมนจูที่ออกแบบและตัดเย็บให้เข้ากับวิถีชีวิตของผู้สวมใส่ในช่วงปีค.ศ. 1616 - 1911 สมัยต้นราชวงศ์ชิง ภายหลังวัฒนธรรมตะวันตกเริ่มแพร่เข้าสู่ประเทศจีน ส่งอิทธิพลต่อวัฒนธรรมการแต่งกายอย่างกี่เพ้า ทำให้มีรูปร่างโค้ง เว้า และเข้ารูปมากขึ้น ขณะที่แขน และความยาวก็เปลี่ยนไปตามความนิยมของสาวจีนในแต่ละช่วงเวลาและกี่เพ้าไม่เพียงแต่เป็นชุดเอกลักษณ์ของหญิงสาวแดนมังกร หากความนิยมในการสวมใส่โดยเฉพาะในงานพิเศษจึงถูกให้ความสำคัญทั้งการตัดเย็บ ลวดลาย และการออกแบบอย่างพิถีพิถันที่ผู้สวมใส่มักถ่ายทอดความเป็นตัวตนผ่านลายปักบนกี่เพ้า เช่น ความงดงามของดอกโบตั๋นสีขาว ราชินีดอกไม้แห่งฤดูร้อน ถูกนำมาประดับบนชุดกี่เพ้าของซ่งชิงหลิง หรือมาดามซ่ง ภรรยาของดอกเตอร์ซุนยัดเซ็น ผู้มีบทบาทสำคัญทางการเมืองจีน ไม่เพียงสอดคล้องกับชื่อเก่าที่แปลว่าดอกโบตั๋นสีขาว แต่ยังกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเจ้าตัวอีกด้วย

    อย่างที่สองที่ทำให้เรามองเห็นว่า “กี่เพ้า” สะท้อนวัฒนธรรมจีนอีกอย่างนั่นก็คือ การปักลวดลายต่าง ๆ บนชุดกี่เพ้า ที่นอกเหนือจากชุดเข้ารูปที่เผยให้เห็นความเป็นหญิงแล้ว ลวดลายที่แฝงความหมายเฉพาะ และต้องใช้ฝีมือปักเย็บที่ละเอียดแม่นยำของช่างปักเย็บชาวจีน จึงทำให้ชุดกี่เพ้าไม่ต่างจากผลงานศิลปะบนผืนผ้า แถมแต่ละลวดลายบนกี่เพ้ายังสะท้อนคติความเชื่อของชาวจีนที่คัดเลือกเฉพาะลายมงคลมาตัดเย็บไว้บนกี่เพ้า เช่น ลายดอกโบตั๋นที่หมายถึงโชคลาภ ความยุติธรรมขณะที่ดอกเหมยหรือราชินีดอกไม้แห่งฤดูหนาว สื่อถึงอายุที่ยืนยาว มีเพียงบางลายที่สงวนไว้เฉพาะราชสำนักเท่านั้นเช่นลายมังกร 5นิ้ว เครื่องหมายของรัชทายาท และมังกร 9 นิ้ว สื่อถึงจักรพรรดิและจักรพรรดินี อีกทั้ง การปักลายต่าง ๆบนกี่เพ้าก็มีการแพร่หลายไปหลากหลายพื้นที่จนก่อให้เกิดลวดลายที่มีความเฉพาะตัวของแต่ละพื้นที่ในประจีนด้วยเช่นกัน 

  • เเล้วในปัจจุบันการสวมใส่กี่เพ้ายังเป็นเเฟชั่นเเละสะท้อนวัฒนธรรมเหมือนเดิมหรือไม่?

    แน่นอนว่าในปัจจุบันนี้ การสวมใส่ชุดกี่เพ้านั้น ยังเป็นแฟชั่นค่ะเพราะกี่เพ้าคงความเป็นแฟชั่นที่แสดงถึงวัฒนธรรมของสาวแดนมังกรได้อย่างชัดเจนทั้งเรื่องของ สีชุด หรือลวดลายต่าง ๆบนตัวชุดกี่เพ้าที่หากมองมาก็จะรู้ว่าเป็นลายที่มาจากแดนมังกรเป็นแน่ เพราะมีความคงเอกลักษณ์เฉพาะตัวไว้ดังเดิม อีกทั้งในปัจจุบันนี้ยังมีการนำกี่เพ้ามาเป็นชุดยูนิฟอร์มด้วยในบางสายการบินของจีนเอง เช่น สายการบิน HainanAirlines หรือแม้แต่โรงเรียนประถม มัธยมในฮ่องกงก็มีการใช้กี่เพ้าเป็นชุดยูนิฟอร์มด้วยเช่นกัน 



    ด้วยเหตุนี้ กี่เพ้าจึงเรียกได้ว่าเป็นเครื่องแต่งกายประจำชาติที่เกิดจากการหลอมรวมเป็นหนึ่งของชนชาติต่าง ๆ ของจีน ถือว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมการแต่งกายของชาวจีนเพราะกี่เพ้านับได้ว่าเป็นสิ่งที่สื่อให้เรามองเห็นถึงวัฒนธรรมการแต่งกายของจีนตั้งแต่ยุคราชวงศ์ชิงมาจนถึงปัจจุบัน ว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร อีกทั้ง กี่เพ้ายังเป็นงานตัดเย็บที่รวมเอาศิลปะหลายแขนงไว้ด้วยกันไม่ว่าจะเป็นหัตถกรรมการปักลวดลาย ภาพดอกไม้และนกหรือภาพอื่น ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่สะท้อนให้เห็นถึงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของจีนอย่างชัดเจน ดังนั้นแล้วหากหลายๆท่านนึกถึงประเทศจีน, วันตรุษจีนวัฒนธรรมจีนต่าง ๆ คงต้องมีการนึกถึงชุดกี่เพ้าแวบขึ้นมาในหัวไม่มากก็น้อยแน่นอนค่ะ

  • ภาพ : 蔚蓝小空, 煲劇學歷史, Jsmchrd

    อ้างอิง :

    https://mgronline.com/china/detail/9580000136953

    https://m.sohu.com/n/488530328/?wscrid=95360_6

    https://www.sanook.com/women/141201/

    https://news.thaipbs.or.th/content/124962

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in