เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ความอินเดียMossy Tanayakorn
สวัสดี...คนหน้าแปลก (2)
  • -2-

    วันสุดท้ายก่อนที่จะนั่งรถไฟกลับเบงกาลูรู เราโบกรถเมล์ไปลงที่ชายหาดแห่งหนึ่งใกล้ๆ มังกาลอร์ ชื่อว่าชายหาด 'Ullal' ทรายที่นี่เป็นทรายเม็ดหยาบ มีขยะปะปนบ้างนิดหน่อยพอรับได้ ตลอดแนวชายหาดมีบ้านขนาดย่อมเรียงรายเป็นแถว คลื่นทะเลรุนแรงมากถึงมากที่สุด กระแทกโขดหินทีนึงน้ำกระจายเป็นฝอยเชียว 


    เราแอบสังเกตเห็นคุณลุงคนหนึ่งนั่งทอแหอยู่ใต้ร่มชายคาบ้าน คุณลุงเห็นปาปารัซซี่มือใหม่แอบถ่ายรูปเลยกวักมือเรียกไหวๆ ให้เข้าไปหา นี่ว่าใช้เลนส์ซูมแล้วนะ ทำไมคุณลุงยังรู้ตัว ด้วยความเป็นคนใจง่าย อีกทั้งไม่มีอะไรต้องเสีย ทั้งเนื้อทั้งตัวสิ่งที่แพงที่สุดก็คือกล้อง เงินติดตัวก็มีอยู่ไม่กี่ร้อยรูปี ถ้าจะเสียกล้องขอเม็มโมรี่การ์ดไว้ก็ยังดี

    คุณลุงชักชวนเราให้เข้าไปนั่งในร่มชายคาบ้านอย่างดิบดี พร้อมหยิบถุงพลาสติกมารองให้นั่งด้วย คงกลัวว่าเราจะเปื้อนทราย คุณลุงเล่าเรื่องสัพเพเหระให้ฟังหลายเรื่อง ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง ความสนุกอยู่ตรงที่คุณลุงเหมือนจะพูดอังกฤษคำอินเดียสามคำ เราเลยสวนกลับไปด้วยอังกฤษคำไทยสี่คำ  

    "ลุงเป็น fisherman ใช่มะ" 
    "Yes, yes"

    คุยกันไปสักพัก ชายหนุ่มอีกสองคนก็เดินเข้ามาสมทบ อัตราส่วนสามต่อหนึ่ง มีผู้ชายล้อมรอบแล้วรู้สึกเหมือนเป็นดอกไม้ที่มีแต่คนจ้องจะเด็ดดม คุยกันต่อไปเรื่อยเปื่อย เสียงคลื่นกระทบฝั่งสองสามลูกผ่านไป ชายหนุ่มอีกสองคนก็ทยอยเดินมาร่วมวงด้วย


    ห้าต่อหนึ่งดิฉันก็รับไหว หมายถึงรับมือกับบทสนทนาที่มาจากทุกสารทิศ ตีลูกรับส่งทางภาษากันไปมาจนเหนื่อย ชายหนุ่มอีกสองคนก็เข้ามาแจมด้วย เจ็ดต่อหนึ่งแล้วค่ะ รอบข้างเงียบงันไม่มีใครเลย แล้วเขามาจากไหนกัน แล้วพุ่งตรงมาที่บ้านหลังนี้ด้วยจิตใจแน่วแน่สุดๆ 

    นี่โทรจิตหากันหรือเปล่า...

    เหมือนจะยังไม่หนำใจ พี่คนนึงเดินออกไปตามเพื่อนให้มาแจมด้วย นำเสนอกันสุดฤทธิ์ว่านี่ "He's thai, he's thai" แต่มองซ้ายทีขวาที หรือจะกี่ทีเพื่อนของพี่แกก็ไม่ใช่คนไทย จนเขาโชว์รูปครอบครัวตอนที่ไปภูเก็ตจากโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่กว่าโนเกียลูเมียของเราให้ดูนั่นล่ะถึงเข้าใจว่า สงสัยคงจะสื่อว่าพี่คนนี้เคยไปประเทศไทย

    นั่งล้อมวงคุยกับพี่ๆ ลุงๆ ชาวประมงแห่งชายหาด Ullal ไปเกือบสองชั่วโมง ตีซี้สำเร็จจนคุณลุงคนที่ทอแหเอ่ยปากชวนให้มาใหม่พรุ่งนี้เช้า เดี๋ยวจะพาไปออกเรือ ช่างน่าเสียดายเพราะวันนั้นเป็นวันสุดท้ายของเราแล้วเลยปฏิเสธไป เกือบได้เป็นสาวชาวเลตกปลาไดหมึกแล้วเชียว  


    -3-

    ห่างจากเบงกาลูรูประมาณสองชั่วโมงครึ่งคือภูเขานานดิ เราเป็นคนชอบภูเขา ถ้าไปเที่ยวที่ไหนแล้วที่นั่นมีภูเขาอยู่ใกล้ๆ หรือไกลแต่เดินทางสะดวก เราจะต้องไปเยือนให้ได้ ซึ่งภูเขาลูกนี้ขอจัดให้เป็นลูกที่ง่ายที่สุดที่เคยขึ้นมาในชีวิต เพราะรถเมล์ขึ้นไปจอดถึงบนยอด เดินไม่ถึงสิบห้านาทีก็ถึงจุดชมวิวแล้ว สะดวกมาก

    ด้วยความที่สะดวกเกินไปจนทำให้หลงระเริง หลังจากสอบถามกับคุณลุงคนขับรถจนมั่นใจแล้วว่าขากลับให้มารอรถลงเขาตอนบ่ายสอง เราก็สวมวิญญาณนักสำรวจบุกป่าฝ่าดงเต็มที่ กลับลงมาตรงลานจอดรถเวลาบ่ายหนึ่งต้นๆ


    เพื่อที่จะพบว่า...
    "This bus is cancelled" 

    ...อะไรนะพี่ ไหนนัดหนูดิบดีว่าให้ลงมาตอนบ่ายสอง นี่ยังไม่ถึงบ่ายสองเลย แล้วกว่ารถเที่ยวต่อไปจะมาก็ห้าโมงเย็น แต่เราต้องกลับไปขึ้นรถไฟไปต่างเมืองให้ทันสองทุ่ม ตอนนั้น ตกใจมาก นอกจากจะโดนผู้ชายเทบ่อยๆ แล้ว รถเมล์ยังเทกันได้ลงคอ

    เก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่ เริ่มลนลานอย่างโอเวอร์แอ็กติ้งจนคนรอบข้างรู้สึกได้ ครอบครัวหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ จึงส่งเด็กชายวัยไม่น่าเกิน 15 ขวบมาหาเรา น้องเริ่มต้นบทสนทนาว่า "Hello, please tell me your beautiful name" ณ จุดนั้นคือลืมความลนลานก่อนหน้านี้ไปเลย บิดตัวหันไปตอบอย่างเขินอายว่า "My name is Mossy" 

    และน้องก็เดินจากไปอย่างไร้เยื่อใย... หลอก!

    น้องบอกว่าให้ขึ้นรถคันเดียวกันกับพวกเขาไปลงเมืองที่ชื่อว่า 'Chikballapur' ซึ่งอยู่ห่างจากเบงกาลูรูมากกว่าภูเขานานดิซะอีก แต่ลองคำนวณเวลาดูแล้วยังไงก็คงถึงก่อนรถไฟออกแน่นอน หนูช่างเหมือนเทวดาองค์น้อยลงมาโปรดพี่มากเลยลูก 

    ด้วยความเฟี้ยวฟ้าวของรถเมล์อินเดีย เราเลยชิงหลับไปซะเลยเผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้ไปสบายหน่อย ตื่นมาก็ถึงเมืองชิกๆ นั่นแล้ว น้องและครอบครัวน่ารักขนาดที่ยอมพาเราฝ่าสมรภูมิรถยนต์กลางถนนและเดินย้อนมาส่งเราถึงหน้าประตูรถเมล์ ทั้งที่รถเมล์ที่ตัวเองต้องขึ้นอยู่อีกฝั่งหนึ่ง 

    น่ารักขนาดนี้อีกสิบปีเจอกันค่ะน้อง ในภาพน้องคือคนเสื้อดำที่นั่งหันหลังอยู่


    ---

    เราชอบที่คนอินเดียเป็นคนช่างพูดช่างเจรจา และชอบเข้าหานักท่องเที่ยว ซึ่งบางครั้งก็แอบรู้สึกเหมือนถูกคุกคามอยู่นิดๆ แต่เรากลับชอบนะ เรียกได้ว่าถ้ามีคนถามเราว่าชอบประเทศอินเดียเพราะอะไร เราคงตอบได้อย่างไม่ต้องลังเลเลยว่า...

    "เพราะคนอินเดีย" 

    ขอบคุณคนอินเดียที่ต้อนรับคนแปลกหน้าและหน้าแปลกอย่างเราแบบที่ไม่มีวันลืม

    คลิกอ่าน Episode 1 - ถ่ายรูปให้หน่อย ได้ที่นี่

    คลิกอ่าน Episode 2 - สวัสดี...คนหน้าแปลก ได้ที่นี่


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in