คลื่นกำลังเคลื่อนไหวเป็นระลอก ฟองอากาศนับไม่ถ้วนลอยอยู่เหนือผิวน้ำทะเลสีน้ำเงินเข้ม
"เครื่องดื่มครับ"
"ผมขอน้ำเปล่า"
"ครับผม สักครู่นะครับ" เขายิ้มแย้มอย่างบริกรดีเด่น
มาร์คลีเลิกดื่มมาหลายเดือนแล้ว เขากำลังรักษาสุขภาพ หมอที่โรงพยาบาลประจำสั่งให้มาร์คเพิ่มวันออกกำลังกายและหันมาทานอาหารที่มีประโยชน์มากขึ้น ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาแทบจะไม่สนมัน เพราะหลังจากที่ผลตรวจสุขภาพบอกว่าผลเลือดของเขาออกมาไม่ค่อยดี เขาจึงเริ่มหันมาใส่ใจตัวเองมากขึ้น
แรกๆก็ลำบากหน่อยเพราะกว่าจะจัดการกับตารางชีวิตตัวเองได้ต้องใช้เวลาสักพัก
"น้ำเปล่าครับ" บริกรหนุ่มใช้เวลาไม่นาน เขากลับมาพร้อมกับน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว มาร์คพยักหน้าเป็นเชิงขอบคุณ รับแก้วมาถือไว้และพิงสบายๆกับที่กั้นเรือ
สำรวจผู้คนบนเรือที่เป็นแขกในงานแต่งงานพี่จอห์นนี่ หลายคนที่มาร์คเห็นนั้นคุ้นๆหน้าเขาอยู่บ้าง ส่วนใหญ่ผู้โดยสารรอบนี้จะเป็นเพื่อนเจ้าสาวซะมากกว่า
ต้องโทษที่ตัวเองจำเวลาออกเรือผิดนั่นแหละ เขาเลยต้องมาเลี่ยงตัวเองออกมาอยู่บริเวณท้ายเรือคนเดียว
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเป็นพี่เป็นน้องกันมาสิบกว่าปี มาร์คคงไม่ผละออกมาจากงานที่ยังคั่งค้างเพื่อเดินทางมาไกลถึงทะเลนี่หรอก
"แกๆนั่นมาร์คป่ะวะ"
"มาร์คไหน"
"ก็มาร์คลีไง แขกพี่จอห์นนี่ แกกรี๊ดเขาไม่ใช่รึไง" เสียงกระซิบของผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังดังพอที่จะทำให้มาร์คได้ยิน ทั้งคู่น่าจะอยู่ห่างจากตััวเขาไปไม่ไกล
พวกเธอต้องตื่นเต้นอยู่แล้ว บนเรือนี้มีผู้ชายนับคนได้ นอกจากคนขับเรือ บริกรหนุ่มหน้าตาดีที่ถูกจ้างมาเพื่อเอาใจบรรดาสาวโสด(ที่อาจถูกเรียกไปบริการหลังจากถึงเกาะแล้ว)
ก็มีแต่มาร์คลีที่แหละที่เป็นเหมือนของหวานล้ำค่าท่ามกลางมหาสมุทรในตอนนี้
ทั้งหล่อ รวย แถมยังนิสัยดี ข่าวคาวไม่เคยมีให้เสียชื่อเสียง
มาร์คคือศิลปินเดี่ยวและนักแต่งเพลงหนุ่มที่น่าจับตามอง เขามีภาพลักษณ์ที่ดีจนใครหลายคนในวงการชื่นชม
มาร์คไม่เคยขาดเหลืออะไรในสิ่งที่ต้องการ
หน้าที่การงานดี ชีวิตที่สะดวกสบาย และคอนเนคชั่นในวงการ
แต่ถ้าถามถึงอย่างอื่น ..
เขาคิดว่าเขาขาดมันมานาน
ส่วนๆนั้นยังรอให้มันถูกเติมเต็ม และเขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเมื่อไหร่
มาร์คโสด-- โสดมาสักพักแล้ว
มีผู้หญิงหลายคนเสนอตัวให้เขาไม่เว้นแต่ละวัน อย่างเช่นสาวสองคนนี้ที่พร้อมจะปรี่เข้ามาหามาร์คในทุกวินาที ทั้งคู่ยังสาว สวยและเพียบพร้อม
แต่ถึงเป็นอย่างนั้น เขาเลือกที่จะทำเป็นจดจ่ออยู่กับคลื่นทะเลแทนเพราะไม่อยากจะเอาเวลาไปวุ่นวายกับใคร
ครั้งสุดท้ายที่มาร์คสนใจเรื่องผู้หญิง มันนานเกินกว่าที่เขาจะจำมันได้
และตอนนี้เขายังไม่อยากเสวนากับใครทั้งนั้นจนกว่าจะถึงที่เกาะ
สู้เอาเวลาไปมองหานกนางนวลหรือโลมาสีชมพูอะไรแบบนั้นยังดีกว่า
"โอ๊ยแกกกมาร์คตัวจริงน่ารักมากๆๆ"
"อยากเข้าไปคุยด้วยอะ เขาโสดใช่มะ"
"น่าจะโสดนะ ฉันไม่เห็นเคยได้ยินข่าวเรื่องผู้หญิง"
"เออก็จริง ฉันว่าเขาน่าจะโสดแหละ! ไม่งั้นคงควงใครมาด้วยละป่ะ"
"เริ่ด งั้นเข้าไปทักเลยมั้ย"
พอมาถึงตรงนี้ เขาคิดว่าคงต้องปลีกตัวไปทางอื่นแล้วแหละ
มาร์คมีมารยาทพอที่จะหันไปทางด้านหลัง เขายิ้มบางๆเป็นเชิงทักทาย ก่อนจะก้าวขาเดินไปอีกทาง
"แกๆๆๆเห็นนั่นมั้ย เขายิ้มให้ฉันนนน"
"ตื่นค่าเพื่อน เขายิ้มให้ฉันต่างหากล่ะยะ!"
"แกสิตื่นอีบ้า"
"ฉันเพื่อนแกนะยะแอนนี่!! นังผีร้าย"
และไม่กี่วิถัดมา มาร์คก็ได้ยินเสียงแว้ดๆไล่ตามหลัง
เขาอยากขอบคุณพระเจ้าเหลือเกินที่ตัวเองตัดสินใจเดินหนีมาที่ห้องน้ำ ถึงจะรู้สึกผิดอยู่หน่อยๆ ..
แต่ก็ช่างเถอะ
พระอาทิตย์ตกดินพอดีเมื่อเรือเทียบท่าเกาะ มาร์คเจอหน้าจอห์นนี่แล้วเมื่องานตอนกลางวันที่โบสถ์ของฝั่งเมือง
เขาค่อนข้างจะยุ่งกับการทักทายบรรดาแขกเหรื่อในงาน ไหนจะต้องถ่ายรูปและทำพิธีอะไรอีกมากมาย
มาร์คจึงยังไม่มีโอกาสได้คุยอะไรด้วยมากนัก
เขาแค่กล่าวแสดงความยินดีกับเจ้าบ่าวหน้าใหม่อย่างจอห์นนี่และเจ้าสาวคนสวยที่เขาเพิ่งจะเคยเจอตัวจริงในวันนี้เท่านั้น
มาร์คคิดว่าพวกเขาเหมาะสมกันดี
ครั้งนี้จะเรียกได้ว่ามาร์คลีมาที่งานแต่งคนเดียวก็ได้ เขาไม่มีเพื่อนหรือคนติดตามมาด้วย
ที่จริงมันออกจะเขินๆนิดหน่อย อย่างที่บอก เขามีสิทธิที่จะปฏิเสธคำเชิญเพราะงานที่รัดตัว
แต่เขาคิดว่าเขาควรมาเพื่อเป็นเกียรติให้กับพี่จอห์นนี่ในงานสำคัญครั้งนี้
อีกอย่างก่อนหน้านี้ พี่จอห์นนี่ย้ำนักย้ำหนาว่าเขาต้องร่วมงานให้ได้ มาร์คเลยตอบตกลงและมาที่นี่
ก็ใช่ว่าจะใครเขาจะแต่งงานบ่อยๆเมื่อไหร่
ตอนนี้- มาร์คเลยใช้เวลาอยู่ที่ห้องของโรงแรมเพื่ออาบน้ำให้สบายตัว เขาเตรียมเสื้อผ้าง่ายๆไว้สำหรับใส่ในปาร์ตี้คืนนี้
ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้แล้ว เหลือแค่รอเวลาเท่านั้น
"มาร์ค จะดูมั้ยเนี่ยหนัง"
"อื้อ ดูสิ"
"..."
"..."
"มาร์คคค หนัง!"
"แปปนะๆ"
"ดูซี่!!"
"..."
"ไปละ"
"อื้อๆ แปป.. อ่าว ไปแล้วหรอ"
"ง่วงแล้ว นายเอาแต่เขียนเพลงอยู่ได้ไหนว่าจะดูหนังด้วยกันไงวะ"
"โอเคๆๆ ดูแล้วๆ"
"ไม่ต้องมาจับ ขี้เกียจดูละ ไปนอนดีกว่า บาย"
"เดี๋ยวสิ เฮ้!"
"หลับยังครับ"
"Babe.."
"มีอะไร"
"...หิว"
"ไม่ จะนอน"
"อ่า .. ฝันดีครับผม"
Your heart is glowing
And I’m crashing into you
"กินอะไรล่ะนั่น"
"ก็.."
"ซีเรียล? อีกแล้ว? สารอาหารมันจะไปพอมั้ย นายผอมไปแล้วนะ"
"เอาไปเก็บเลยไป"
"แต่มาร์คยังกินไม่เสร็จ.."
"เฮ้อ.. กินแค่นั้นมันคงจะอิ่มหรอก"
"มีเส้นสปาเกตตี้อยู่ เดี๋ยวทำให้ รอหน่อยละกัน" "เป็นบ้าอะไรมาร์ค.. นี่ ยิ้มหน้าโง่มากรู้ตัวมั้ย"
"แฟนใครน่ารักจริง"
"อย่ามากวนน่าา"
"คุณแฟนของผมน่ารักทีี่สุดด เย้"
"เงียบน่ะ ไปรอตรงนู้นไป๊"
หาดทรายเปลี่ยนเป็นสีเข้มจนเกือบดำ บรรยากาศรอบๆปาร์ตี้คืนนี้เรียกได้ว่าชวนฝัน
ซุ้มด้านหน้าทางเข้าเต็มไปด้วยดอกไม้สีขาวหลายพันดอก
นอกจากดอกไม้แล้วก็มีผ้าผืนบางจับเป็นจีบ โคมไฟบรรจุเทียนหอมวางเรียงเป็นทางเดินทอดยาว
คบเพลิงทำจากไม้วางกระจายเป็นจุด
การตกแต่งของงานในวันนี้เรียบง่ายและเป็นกันเอง เจ้าสาวของงานไม่ต้องการให้ปาร์ตี้ทำลายธรรมชาติรอบๆหาดมากจนเกินไป ซึ่งเป็นที่ยอมรับว่าผู้จัดทำมันออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม
มีโต๊ะเล็กๆ ให้แขกในงานได้นั่งพักผ่อนตามอัธยาศัย
ดินเนอร์ด้วยจานอาหารรสเลิศจากเชฟฝีมือดีของโรงแรมรวมถึงบาร์บีคิว
บาร์เทนเดอร์ขึ้นชื่อเตรียมเสิร์ฟเครื่องดื่มสุดพิเศษที่ทุกคนปราถนาจะได้ลิ้มลอง
นอกจากนั้นยังพร้อมด้วยวงดนตรีสดชื่อดัง ทั้งหมดถูกเตรียมมาอย่างดีเพื่อแขกในงาน
มาร์คยืนอยู่คนเดียวบริเวณบาร์ เขาน่ามองโดยไม่ต้องพยายามในชุดลำลองสบายๆอย่างเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงขาสามส่วนและรองเท้าแตะสีน้ำตาลเข้ม
In the darkest night,I'll
I’ll search through thecrowd
มองแขกหลายคนที่เริ่มสนุกสนานไปกับบรรยากาศอันสวยงามของหาดแห่งนี้ หลายคนมากันเป็นคู่ๆ
ไม่ก็อยู่รวมกันหลายคน พวกเขายิ้มแย้มและหัวเราะด้วยกันอย่างมีความสุข มาร์คคิดถึงช่วงเวลานั้นของตัวเอง ซึ่งเขาเองก็ลืมไปแล้วว่าตอนนั้นมันคือเมื่อไหร่
"มาร์ค"
"หืม"
"จุ๊บหน่อย"
"อารมณ์ไหนเนี่ย"
"จุ๊บหน่อยน่า"
"เชื่อฟังดีมาก"
"มาร์ค จุ๊บเราอีกได้มะ"
"..."
"เก่งมากเจ้าลูกหมา"
"แปลกๆอะ มีแผนอะไรป่ะ"
"แผนเผินอะไร ซี้ซั้วพูด"
"อะ เราให้"
"นี่อะไรครับ"
"ของขวัญไง"
"เนื่องในโอกาส ?"
"เอ่ออ ก็.. ขอบคุณที่มาร์คแต่งเพลงให้เราไง"
"แค่แต่งเพลงเอง ไม่เห็นต้องให้เลย"
"เถอะน่ะ ลองเปิดดูๆๆๆ"
"เฮ้ อะไรเนี่ย what ฮ่าๆ"
"แกะให้เสร็จสิ เร็วๆๆ"
"aww babe, thank yo.... FU*K!!! แมงมุม!!!"
"ฮ่าๆๆๆๆ"
อยู่ดีๆก็หลุดขำออกมา เชื่อเถอะว่าถ้าใครผ่านมาเห็นได้เป็นอันงงแน่นอน ในเมื่อมาร์คยืนอยู่คนเดียวแล้วเขาจะหัวเราะกับใคร
แต่มันก็ช่วยไม่ได้
มาร์คเผลอคิดถึงวันเก่าๆ
วันที่เขารู้สึกได้ว่าชีวิตเคยถูกเติมด้วยความรู้สึกหลากหลาย
นอกจากความสุขแล้ว ความเศร้า สมหวัง ผิดหวัง ตื้นตันใจ ความอบอุ่น ความรัก
ทั้งหมดที่กล่าวมามาร์คเคยได้รับมันมาจากคนๆนึง
เพียงแต่ตอนนี้ใครคนนั้นไม่ได้อยู่ข้างมาร์คแล้ว
"แฮชาน.."
นั่นคือเจ้าของชื่อของคนที่มาร์คกำลังนึกถึง
Your face is all that I see
I’ll give you everything
มาร์คคงไม่หลุดชื่อๆนี้ออกมาหรอก ถ้าหากสายตาไม่ดันเหลือบไปเห็นแฮชานยืนอยู่ตรงนั้น
ท่ามกลางผู้คน แฮชานในสายตามาร์คโดดเด่นเกินกว่าใครๆ
แฮชานยังคงน่ารักเหมือนเคย เขาดูผอมลงไปนิดหน่อย
เขากำลังยืนอยู่กับเจ้าสาวและคนอื่นๆ แฮชานอยู่ในชุดลำลองผ้าฝ้ายกับกางเกงด้วยผ้าชนิดเดียวกัน รอบๆคอสีน้ำผึ้งน่าสัมผัสประดับด้วยสร้อยที่ทำจากดอกกล้วยไม้สีม่วงขาว ในมือถือแอลกอฮอล์รสเข้มสีฟ้าสดใส
ทั้งๆที่เมื่อก่อนเขาแทบจะไม่แตะมันเลยด้วยซ้ำ
มาร์คตกใจและดีใจในเวลาเดียวกัน
เขาไม่ได้เจอแฮชานมาสามปีแล้ว
หลายๆอย่างไม่เหมือนเดิม
ความรู้สึกไม่เหมือนเดิม
ความสัมพันธ์ที่ลดระดับจนกลายเป็นแค่คนเคยรู้จัก
เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองมองแฮชานด้วยสายตาแบบไหน และไม่แน่ใจว่าตอนนี้ตัวเองควรทำอย่างไรต่อ ไม่รู้ว่าแฮชานมาที่นี่ได้ยังไง อยากถามว่าสบายดีมั้ย เป็นยังไงบ้าง
อยากถามว่าชีวิตหลังจากที่ไม่มีเขาแล้วแฮชานรู้สึกยังไง
มาร์คยืนมองแฮชานอยู่แบบนั้นเหมือนคนโง่ เขาทำตัวไม่ถูก มาร์คลีนักแต่งเพลงชื่อดังคนนี้กำลังหวั่นไหว
และวินาทีที่ใบหน้าแฮชานแต้มไปด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่งดงามเหมือนเดิมนั่นเอง
ภายใต้แสงละมุนจากเทียนหอมหาดทราย ลมทะเล และคลื่นที่กำลังพัดเข้าหาฝั่ง
มาร์คค้นพบว่า เขายังไม่ลืมแฮชาน
ไม่เคยลืมเลย
"Hey!! Mark Lee!" เป็นเสียงของจอห์นนี่ เจ้าบ่าวสุดฮอตของงานนี้นี่เอง เขาเดินตรงเข้ามาหามาร์คที่บาร์ที่ยืนอยู่ มือถือแก้วเครื่องดื่มเหมือนกับแขกคนอื่นๆในงาน
"Ayo Bro" มาร์คยื่นมือไปไฮไฟว์กับจอห์นนี่อย่างที่เคยทำเป็นประจำ
"โทษทีที่ไม่ได้มีโอกาสเข้ามาคุยด้วยเลย พี่เห็นนายตั้งแต่เมื่อตอนกลางวันแล้วแหละ พอดียุ่งๆ"
"ไม่เป็นไรพี่ผมเข้าใจ ยินดีด้วยนะ" มาร์คกล่าวยิ้มๆ
"ขอบใจมากน้อง อีกก้าวของชีวิตว่ะ" จอห์นนี่พูดแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ
เขาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะมาก ตั้งแต่เรียนจบมหาลัยจนทำงานมาร์คก็แทบไม่ได้เจอกับเจ้าบ่าวคนนี้เลย แรกๆก็รู้สึกแปลกๆบ้าง เพราะจอห์นนี่กับเขาเรียกได้ว่าโตมาด้วยกัน เห็นกันตั้งแต่เขาเสียงยังไม่แตกหนุ่ม
แต่อย่างว่า ธรรมชาติของชีวิต way ใคร way มัน มาร์คมีสิ่งที่ตัวเองต้องทำ จอห์นนี่เองเช่นกัน
ถึงจะไม่ได้เจอกันบ่อยแบบแต่ก่อน ยังดีที่ได้ทักทายกันบ้างผ่านเฟสบุ๊ค
เมื่อไหร่ก็ตามที่มาร์คเข้าไปเช็คดูน่ะนะ
"พี่สบายดีนะ"
"ดีไปกว่านี้ไม่ได้แล้วน้องรัก นายล่ะ"
"ก็..ช่วงนี้ทำแต่งาน" เขาตอบไปตามจริง เพียงแต่ไม่ได้พูดออกไปทั้งหมด
เขาไม่ค่อยสบายนักหรอก ทั้งร่างกาย และจิตใจ ทั้งสองอย่างเลย
"มาร์ค, ขอบคุณที่สละเวลามานะ จริงๆ - ดีใจว่ะ"
"เล็กน้อยน่า พี่ชายแต่งงานทั้งทีนะ"
"ฮ่า ชื่นใจละ อะไรก็ได้แต่อย่าหักโหมจนเกินไป ตกลงมั้ย"
"ไม่ได้หักโหมหรอก"
"Nahh ไม่เอาน่ะพ่อหนุ่ม ดูจากสีหน้าเหนื่อยๆของนาย พี่ว่าไม่น่าใช่นะ" เขายังคงมองมาร์คออกเสมอ สมแล้วที่โตมาด้วยกัน
มาร์คไม่ตอบอะไร เขาดื่มโคล่าในมือแก้เก้อ
"นายเจอแฮชานรึยัง" ชื่อนี้ทำให้มาร์คหันหน้าขวับ
จอห์นนี่รู้เรื่องของทั้งคู่
แน่ล่ะ ในเมื่อเขาเป็นคนแนะนำให้มาร์ครู้จักแฮชานเอง
เรียกได้ว่าเขาอยู่กับสองคนนี้ในทุกๆสถานการณ์
ทั้งตอนที่ทั้งคู่รักกันปานจะกลืนกิน ทะเลาะกันร้องไห้จนตาบวม หรือลงไม้ลงมือใส่กัน
นั่นทำให้ตอนที่พวกเขาเลิกกันทำเอาจอห์นนี่ประสาทจะเสีย
คนกลางอย่างเขาทำอะไรมากไม่ได้
จอห์นนี่ไม่มั่นใจว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ทั้งคู่เลิกกันอย่างจริงจังได้นานขนาดนี้
แต่ที่เขามั่นใจคือ เขาคิดว่าทั้งสองควรได้รับโอกาสเพื่อปรับความเข้าใจกัน
ระยะเวลาที่ผ่านมาน่าจะนานพอที่จะทำให้ความบาดหมางในใจของทั้งคู่เบาบางลง
ก็มาร์คกับแฮชานรักกันมากนี่
"เจอแล้วสินะ"
"นี่คือเหตุผลที่พี่อยากให้ผมมานี่ใช่มั้ย"
".. ก็ใช่... แต่นั่นคือเหตุผลรอง เหตุผลหลักก็คือนายเป็นแขกคนสำคัญของงานพี่เว้ย"
มาร์คมองเหมือนไม่เชื่อ
"เฮ้ยพูดจริง อีกอย่างนะ ทางนู้นน่ะ ญาติฝ่ายเจ้าสาวฉันด้วย" เขาไม่ได้โกหก
แฮชานคือลูกพี่ลูกน้องของเจ้าสาวเขาจริงๆ และก็เป็นที่เอ็นดูมากด้วย ทุกอย่างมันช่างบังเอิญไปหมด
"พี่แม่ง..." มาร์คยกดื่มโคล่าทีเดียวจนหมดแก้ว ทำท่าเหมือนกับว่าดื่มเหล้ายังไงอย่างนั้น
"ได้คุยกันบ้างรึยัง" ถามไปแบบนั้น แต่เชื่อเถอะว่ายัง
มาร์คส่ายหน้า คิดไว้ไม่มีผิดหรอก..
จอห์นนี่ถอนหายใจ มองมาร์คที่กำลังทอดสายตาไกลออกไป
"โอกาสมาถึงแล้วนะมาร์คจะทำอะไรก็รีบทำ เชื่อสิ"
คำพูดของจอห์นนี่ทำเอามาร์คเริ่มหวั่นใจ สายตาเขาหยุดอยู่ที่แฮชานเหมือนเดิม เจ้าสาวและญาติๆไม่ได้อยู่ตรงนั้นกับเขาแล้ว
มองจากตรงนี้ แฮชานดูผอมมากจริงๆ คนที่เคยบอกว่าเขาผอมอย่างงั้นอย่างงี้
ตอนนี้กลับเป็นคนผอมกว่าซะเอง มันใช้ได้ที่ไหน
"อยากคุยกันมั้ย"
"... ก็... อยาก" มาร์คตอบไปตามจริงอย่างไม่ปิดบัง
"ดี งั้นรอแปป" จอห์นนี่พูดแล้วรีบผละออกไป มาร์คตกใจอีกระลอก เขาเกือบจะคว้าจอห์นนี่ไว้ได้
แต่ก็ไม่ทัน... พี่ชายตัวโตเดินไปแล้ว
ขายาวๆของจอห์นนี่ก้าวย่ำไปบนทรายอย่างแน่วแน่ไปยังที่ๆแฮชานยืนอยู่ นั่นทำให้มาร์คใจกระตูกวูบ
มือไม้เริ่มเย็นเหมือนกับคนไม่มีแรง
เขามองเห็นจอห์นนี่ยืนพูดอะไรสักอย่างกับแฟนเก่าของตัวเอง
และแฮชานกำลังเดินตรงมาทางนี้
ทั้งคู่สบตากัน
เจ้าของหัวใจในอดีตของมาร์คเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาพอดี
ดูใกล้ๆแล้ว..
แฮชานน่ารักไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลย
"เอ่อ...ไง" มาร์ครู้สึกได้ว่าเขากล่าวคำทักทายออกไปอย่างยากลำบาก
รู้สึกเหมือนวันแรกที่เจอกันไม่มีผิด
"ไง" แฮชานยิ้ม
"สบายดีมั้ย" ตั้งแต่เลิกกัน
"สบายดี นายล่ะ" แฮชานเปลี่ยนอิริยาบถเป็นยืนพิงหันหน้าเข้ากับบาร์
"ก็..เรื่อยๆอะ" แม้ว่าอยากพูดออกไปแค่ไหนว่าไม่ดีเท่าไหร่ตั้งแต่ที่แฮชานไม่อยู่ แต่เขาทำได้มากสุดเท่านี้
เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแฮชานทั้งนั้น สามปีมาแล้วที่พวกเขาไม่ได้ติดต่อกัน นั่นนับว่าไม่น้อยเลย
เวลาของแต่ละคนต้องเดินต่อ แฮชานเองก็เหมือนกัน
ถึงตัวเขาอยากจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมแค่ไหน กลับไปมีช่วงเวลาดีๆแบบนั้นด้วยกันมากเท่าไหร่
แต่ถ้าแฮชานไม่ได้คิดอย่างนั้น
มาร์คลีจะทำอะไรได้
"เวลาผ่านไปเร็วเนอะ" แฮชานพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ
มาร์คเห็นด้วย เขาพยักหน้าเบาๆ "อื้ม..เผลอแปปเดียว พี่จอห์นนี่แต่งงานแล้ว"
"นั่นสิเนอะ.." แฮชานเว้นระยะ
"... แล้วนายล่ะ จะแต่งงานรึยัง"
คำถามของแฮชานเหมือนทำให้มาร์คมีความหวังขึ้นมาเล็กน้อย
"ยังหรอก" เขาไม่มีใครเลย สาบานว่าไม่ แม้แต่คนควงเล่นๆก็ยังไม่มี เหตุผลเดียวสำหรับมาร์คคือ
เขาคิดว่าไม่มีอะไรมาแทนแฮชานได้ ฟังดูขี้แพ้ชะมัด
"นายล่ะ" เขาคาดหวังในคำตอบนี้มากๆ มาร์คสบตาแฮชาน สื่อความรู้สึกเท่าที่จะทำได้
"คิดว่าไง?"
"เอ่อไม่รู้สิ" เขาก้มมองแก้วเปล่าในมือ เวรเอ๊ย รู้สึกอยากกินเหล้าขึ้นมาชะมัด
"เร็วๆนี้แหละมั้ง" คำตอบของแฮชานทำให้เขาใจหล่นวูบ
จบแล้วสินะ ..
"ล้อเล่นน่ะ ยังอยู่คนเดียวเหมือนเดิม"
"..."
"คนอย่างเรา..คงเหมาะจะอยู่คนเดียวแบบนี้ไปเรื่อยๆมั้ง ทำงาน กิน นอน เที่ยวบ้าง อะไรแบบนี้"
ให้ตายสิ มาร์คอยากเสนอตัวเองให้แฮชานเป็นบ้า
"แต่ฉันว่า.."
เขาอยากขอโอกาสนี้จริงๆ ขอแค่ครั้งนี้แหละ
"นายควรมีใครสักคนดูแลนะ"
แฮชานสบตามาร์ค ทำท่าเหมือนกำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่าง
"ดงฮยอกกกก!!" เจ้าสาวของจอห์นนี่วิ่งเข้ามาเกาะไหล่แฮชานอย่างไม่ทันตั้งตัว
"ว่าไงฮะ"
"หาตั้งนานมาอยู่ตรงนี้เอง ไปทางนู้นกัน สาวๆเต็มเลย ไปเต้นด้วยกัน เต้นๆๆ" มาร์คมองคุณเจ้าสาวที่แก้มเป็นสีแดงก่ำ ดูเหมือนเธอจะเริ่มเมาแล้ว
"แต่ผม.." แฮชานหันมามองเหมือนต้องการความช่วยเหลือ ถ้ามาร์คแค่เอ่ยปาก
เขาจะอยู่
"เถอะน่าไปกันเร้ววว สนุกให้เต็มที่! น้องชายที่รักกก"
"เอ่อ.."
แต่มาร์คกลับยิ้มให้เขาบางๆราวกับอนุญาตให้เขาไปได้
แฮชานจึงโดนลากตัวออกไป ปล่อยให้มาร์คยืนอยู่แบบนั้น
เขายังไม่ทันเริ่มที่จะขอแฮชานคืนดีเลย พระเจ้าก็เล่นตลกกับเขาแล้ว
มาร์คยังมีอะไรที่อยากพูดอีกตั้งหลายล้านอย่าง และถึงเขาจะไม่อยากให้แฮชานไปจากตรงนี้มากแค่ไหน
แต่เขาก็ไม่กล้าพอที่จะลากตัวแฮชานออกมาจากเจ้าสาวเจ้าของงานหรอก
ทุกอย่างคงจบแล้วจริงๆ
"มาร์ค!!" เสียงเรียกของจอห์นนี่ทำให้มาร์คที่กำลังหันหลังให้กับงานหยุดเดิน
"อ้อ ว่าไงพี่"
"แฮชานล่ะ?"
"เจ้าสาวพี่ลากตัวไปแล้ว"
"Shit.. จริงดิ!? แล้วได้คุยอะไรกันยัง"
"นิดนึง" สีหน้ามาร์คไม่สู้ดีนัก จอห์นนี่เลยพอเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลยสินะ
"Sorry bro"
"ไม่เป็นไรพี่ ผมขี้ขลาดเองแหละ" อยากแย่งแฮชานกลับมานะไม่ใช่ไม่อยาก เขาอยากทำใจจะขาดอยู่แล้ว แต่สถานการณ์กลับไม่เป็นใจเท่าไหร่เลย
จอห์นนี่ถอนหายใจ
"เอางี้.. สาวโสดในงานเยอะนะสนใจมั้ย"
"ไม่ล่ะพี่ เหอเหอ" มาร์คตอบเสียงเหมือนหุ่นยนต์ "I'm kidding.. ไม่อยากให้เครียดๆๆๆ"
หน้ามาร์คในตอนนี้บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าคำพูดของจอห์นนี่ทำให้เขาเครียดกว่าเก่า
"อ่า.. นายไปพักผ่อนที่ห้องเถอะ ใช้เวลานี้ให้เต็มที่"
"ฟังดูเข้าท่า เอ่อ ยังไงก็ตาม... ขอบคุณนะพี่จอห์น ได้เท่านี้ก็เกินคาดแล้ว" มาร์คหมายถึงเรื่องที่จอห์นนี่ช่วยเรียกให้แฮชานเข้ามาคุยกับเขา
"อื้อ เล็กน้อยน่ะ"
"คืนนี้เต็มที่นะ อยากเห็นหน้าหลานไวไวแล้ว" มาร์คกล่าวเป็นนัยๆ ทำเอาจอห์นนี่ยิ้มอย่างร้ายกาจ
"แน่นอน ซะอย่างฝีมือจอห์นนี่ซอ"
"ร้ายจริงๆ" มาร์คหัวเราะเบาๆก่อนจะแท็กทีมกับจอห์นนี่ "ฝันดีพี่"
ที่พักอยู่ไม่ไกลจากหาดที่จัดงาน เรียกได้ว่าใกล้พอจนเห็นคนประปราย เสียงเพลงเบาๆเป็นทำนองฟังแล้วโรแมนติกด้วยเสียงเครื่องดนตรีอย่างแซ็กโซโฟนและไวโอลิน บทเพลงบรรเลงคลอเบาๆพอให้มาร์คดื่มด่ำอยู่กับตัวเอง
มาร์คยังอยู่ในชุดเดิม เขานั่งอยู่ตรงระเบียงที่พักสูบบุหรี่
และเพราะเขาต้องการแอลกอฮอล์ในตอนนี้จริงๆ ในมือเขาจึงมีเบียร์อยู่หนึ่งกระป๋อง
เขาจิบเบียร์ไปเรื่อยๆ
กระป๋องที่หนึ่ง
กระป๋องที่สอง
มาร์คเริ่มแกะเบียร์กระป๋องที่สามหลังจากเขาโทรไปสั่งเพิ่มกับรูมเซอร์วิส
เขานั่งอยู่แบบนั้น นั่งมองทุกอย่างที่เกิดขึ้นในงานอย่างเงียบๆ
จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงจากประตูไม้ทางด้านหลังนั่นแหละ
"..มาร์ค"
มาร์คหันทันทีที่เสียงเรียกอันคุ้นเคยดังขึ้น น้ำเสียงที่เรียกชื่อเขาเป็นร้อยเป็นพันครั้ง
"แฮชาน.." คนตรงหน้าเขามีสีหน้าตกใจ มาร์คเองก็ไม่ต่าง
"เอ่อ... นายเข้าห้องผิดรึเปล่า"
"ไม่นะ นายล่ะ"
"แต่.. พี่จอห์นนี่บอกว่าห้องนี้ว่าง" แฮชานพูดราวกับคนกำลังสับสน
"นี่ห้องมาร์คเอง" พอเจ้าของห้องพูดแบบนี้ แฮชานจึงเข้าใจมันทั้งหมด
ที่พี่จอห์นนี่บอกว่ายกห้องแฮชานให้เพื่อนอีกคนที่เมานอนไปแล้วนี่เป็นเรื่องโกหกสินะ
ห้องนี้ไม่ได้ว่างอย่างที่คุณเจ้าบ่าวตัวโตบอก แถมยังเป็นห้องของมาร์ค แฟนเก่าของเขาอีกต่างหาก
"เอ้อ...งั้นเราไปขอห้องว่างห้องอื่นละกัน ไม่รบกวนละ" ถ้านอนกับแฟนเก่าคงจะรู้สึกแปลกๆสินะ
แต่ไม่ทันที่แฮชานจะได้ไปไหน "ไม่ต้องหรอก"
"..."
"นอนด้วยกันนี่แหละ"
แฮชานเดินหายเข้าไปในห้องเพื่อหยิบเบียร์ที่วางอยู่บนมินิบาร์
"ดื่มด้วยนะ" มาร์คพยักหน้าเป็นเชิงว่ายินดีให้แฮชานนั่งลง
"เดี๋ยวนี้หัดดื่มด้วยหรอ"
".. นิดหน่อย" ก็ตั้งแต่เลิกกันนั่นแหละ "นานๆที"
"อ่าห๊ะ..."
มาร์คเงียบเหมือนรอให้แฮชานจะพูดอะไร คนข้างๆเขาเอาแต่เงียบ
แฮชานมองตรงไปข้างหน้า
พอมาร์คจะเปิดปากพูดแฮชานกลับพูดขึ้นมาเหมือนกัน
"เมื่อกี้.. "
"ครับ?"
"นายบอกว่าเราควรมีคนดูแลหรอ" พูดแล้วก็ยกเบียร์ขึ้นดื่ม
".... อื้ม"
แสงไฟสลัวๆของงานที่อยู่ข้างหน้าทั้งคู่ ยิ่งพาไปทุกอย่างดำเนินไปอย่างที่มันควรจะเป็น
"...มาร์คคิดว่าตัวเองดูแลเราดีมั้ย" ปลายเสียงแฮชานบังคับให้มันฟังดูไม่สั่น ทุกอย่างรอบตัวตอนนี้ เขาพยายามคิดราวกับว่าวันนี้เป็นวันสุดท้าย
"...."
"ว่าไงล่ะ"
มาร์คเงียบไปแปปนึง
"...ที่ผ่านมา... "
"..."
"มาร์คทำดีที่สุดแล้ว..."
"..."
"เรา.. ผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ"
"..."
"เยอะจริงๆนะ"
"..."
"แต่มาร์คก็ยังทำให้แฮชานเสียใจอยู่ตลอดเลย"
"..."
"แบบนี้ก็แปลว่ามาร์คยังดูแลแฮชานไม่ดีใช่มั้ย"
"..."
"ขอโทษนะ"
"..."
"ขอโทษที่ไม่เคยพยามทำทุกอย่างให้ดีขึ้น"
สิ้นสุดประโยคนั้นคนที่อยู่ข้างๆเขาก็ซบหน้าลงกับเข่า ไม่สบตาใคร
"เป็นอะไรรึเปล่า"
"เปล่า"
".. บอกมาร์คสิ"
".. ไม่มีอะไรหรอก"
"ดงฮยอก.." มาร์คพูดเสียงอ่อนคล้ายเว้าวอน ชื่อจริงของแฮชานที่มาร์คชอบเรียกครั้งนี้มีความหมายมากกว่าครั้งไหนๆ
"เราแค่.."
"..."
"เราคิดถึงมาร์ค" แฮชานหันมายิ้มให้เขา น้ำตารื้นขึ้นมาเป็นประกาย
"ตลกเนอะ เป็นคนบอกเลิกเองแท้ๆ" หัวเราะยิ้มๆ แต่แววตาของแฮชานกลับไม่เป็นแบบนั้น
มาร์คเงียบ แฮชานดูเปราะบางราวกับจะแตกสลายหายไป นั่นทำให้เขาพูดไม่ออก สิ่งที่อยากจะบอกเหมือนหายไปซ่อนอยู่ที่ใดที่หนึ่ง
"..."
"ช่างเถอะ เข้านอนก่อนนะ เดี๋ยวเรานอนโซฟาก็ได้" แฮชานลุกขึ้นจากที่นั่ง เตรียมที่จะเดินออกไปพร้อมกับกระป๋องเบียร์ที่ยังเหลืออยู่อีกครึ่ง
"อย่าไป" มาร์คจับข้อมือเล็กๆของแฮชานไว้ก่อนที่คนข้างเขาจะได้หนีไปไหน
"..."
"เริ่มกันใหม่ได้มั้ย" มาร์คขอร้อง
นี่คงเป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว เขาไม่อยากปล่อยแฮชานไป เขาจะไม่ทำแบบนั้นแน่ๆ
เขาสูญเสียแฮชานไปไม่ได้ไม่ว่ายังไงก็ตาม
ฝ่ามือหยาบมือสัมผัสที่มือของแฮชานประสานกันแล้วออกแรงบีบเบาๆ
"นะ.."
คำพูดคำเดียวที่เหมือนเปลี่ยนแปลงทุกอย่างไปโดยสิ้นเชิง แฮชานสบตามาร์คอย่างมีความหมาย
มาร์คไม่ได้รออยู่ฝ่ายเดียว
และพอเขายิ้มออกมาเหมือนกับโล่งใจแฮชานก็สวมกอดเขาอย่างแรงราวกับรอเวลานี้มานาน
เขาไม่สนอะไรอีกแล้ว
"มาร์ค ฮึก..ขอโทษนะ... เราไม่ดี.. ฮึก เอง" พูดไปก็สะอื้นไป แฮชานร้องไห้ครั้งสุดท้ายเมื่อนานมาแล้วและแน่นอนว่าเหตุผลก็ไม่ได้ไกลตัวเขาเท่าไหร่
"ชู่..อย่าร้องนะ" มาร์คขยับตัวกอดคนในอ้อมแขนตอบ พลางฝ่ามือลูบหลังแฮชานไปด้วยเบาๆ เพราะเขาตัวสั่นไม่หยุด
"ไม่.. ไม่ มาร์คไม่ผิด ... เราขอโท ฮึก ขอโทษ" ส่ายหัวไปมาแล้วก็พูดขอโทษซ้ำไปซ้ำมาแบบนั้น
"ไม่เอาน่าอย่าร้อง"
"ฮือ ฮึก..."
"เลิกขอโทษได้แล้วนะ" มาร์คกอดแฮชานแล้วโอ๋อยู่แบบนั้นจนแฮชานเริ่มสงบ เขาลูบศรีษะเล็กๆนั่นด้วยความเอ็นดู แฮชานสะอื้นเอาแขนเสื้อปาดน้ำตาลวกๆเหมือนไม่กลัวว่าจะเจ็บ
เขาค่อยๆผละจากแฮชานอย่างช้าๆ มาร์คใช้นิ้วโป้งไล้ไปตามรอยน้ำตาของแฮชาน
คนตรงหน้าเขาไม่เหมาะกับของแบบนี้หรอก เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเหมาะกว่าเป็นไหนๆ
You better kiss me
Before our time is run out
ไม่ต้องรอให้เสียเวลา มาร์คประคองหน้าเขาด้วยฝ่ามือข้างหนึ่ง แฮชานวางสัมผัสจากฝ่ามือแถวๆคางมาร์ค
ทั้งคู่ค่อยๆเคลื่อนเข้าหากันอย่างเป็นธรรมชาติ นิ้วเรียวยาวของแฮชานลูบไล้ไปมาตรงริมฝีปากของคนที่เขาพูดได้เต็มปากว่ารักที่สุด
I love it like XO
You love me like XO
ริมฝีปากบรรจบกันในวินาทีนั้น สัมผัสตรงนี้ยังนุ่มนวลเหมือนเคย
ภาพวันเก่าๆ กลิ่นที่คิดถึง ความรู้สึกดีๆลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศ
รสข่มปร่าของเบียร์ติดอยู่ที่ปลายลิ้น
แฮชานเคลื่อนมืออย่างเป็นธรรมชาติไปที่คอมาร์ค ส่วนมือของมาร์คก็สอดไปที่ท้ายทอยหยอกล้อกับเส้นผมสีอ่อนของแฮชานที่ซอกซอนตามรอยแยกของนิ้ว
จังหวะหนึ่งแขนของใครบางคนชนเข้ากับกระป๋องเบียร์ที่ยังเหลืออยู่อีกครึ่ง อะลูมิเนียมกระทบกับพื้นปูนจนดังเกิดเป็นเสียงป๋อง พื้นด้านล่างเปียกไปด้วยเบียร์ที่ฟองเริ่มละลายหายไป แต่ทั้งคู่ไม่ได้สนใจ
เสียงดนตรียังคงทำหน้าที่ของมันราวกับนำทางให้อารมณ์ของทั้งสองเป็นไปตามจังหวะ
จากอ่อนหวานเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นร้อนแรง ดุดัน
ทั้งคู่โหยหาสิ่งที่อยู่หน้ามากเหลือเกิน
มาร์คถอนจูบออกและปล่อยให้แฮชานได้พักหายใจเพียงชั่วเดียว
เขาไม่รอช้าที่จะทำมันอีกครั้ง
อีกครั้ง
และอีกครั้ง
ถ้าเป็นแฮชาน มาร์คไม่เคยรู้สึกพอหรอก
You kill me boy XO
You love melike XO
"จูบอีกนะ" แฮชานเริ่มหายใจหอบ แก้มสองข้างเป็นสีเข้ม หัวใจของเขาสูบฉีดเลือดอย่างเร็วเพราะตื่นเต้น
มาร์คกัดปากพยายามห้ามใจ แต่สีหน้าแฮชานในสายตาเขาตอนนี้บอกกับเขาว่าแฮชานต้องการมันจริงๆ
มาร์คประกบปากตัวเองลงไปอีกครั้ง ครั้งนี้นานมากขึ้น แฮชานจูบตอบ บดเบียดริมฝีปากลงไป
ประทับลงไปซ้ำๆอยู่แบบนั้น เสียงหอบหายใจของพวกเขาดังแข่งกัน
"มาร์ค จูบอีกน.. ฮื้อ" ไม่รอให้แฮชานพูดต่อจนจบ ทั้งสองจูบกันอีกครั้ง
เสียงอื้ออึงเริ่มดังขึ้นในหูของแฮชาน ปากบางนุ่มชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำและแทบจะไม่ห่างกันสักวินาที
Baby love me lights out
มาร์คจะขาดอากาศหายใจอยู่แล้ว
ความโหยหา ความคิดถึง ความรู้สึกมันอัดแน่นเต็มไปหมด
เขาเตลิดเปิดเปิงไปไกล อารมณ์คุกกรุ่น ในหัวรู้สึกว่างเปล่า
สิ่งที่ทำให้มาร์ครู้สึกว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่คือสัมผัสที่ริมฝีปากของตัวเองตอนนี้
และเสี้ยววินาทีที่เขาคิดว่าแฮชานอาจจะหยุดหายใจไปซะก่อน เขาผลักแฮชานออกอย่างแรง
"แฮ่ก...ดงฮยอกอ่า... แฮ่ก"
"...แค่ก.."
"พอก่อน...นะครับ"
มาร์คเริ่มจะไม่ไหวแล้ว "อะ... อื้อ... " แฮชานพูดเสียงเบา หายใจแรงเหมือนคนที่เพิ่งโผล่พ้นจากน้ำหลังจมอยู่นานใต้มหาสมุทร
มาร์คหน้าแดงมองแฮชานที่ตอนนี้ผมเผ้ายุ่งเหยิง ริมฝีปากบวมเจ่อ ดวงตาท้ั้งสองข้างหวานหยาดเยิ้ม
ก็หวานเหมือนจูบเมื่อกี้นั่นแหละ
"Babe.."
"หืม.." ตอบรับเสียงหวาน แฮชานตอนนี้ช่างงดงามราวกับนายเงือก หลอกล่อให้คนอย่างเขาติดกับเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
"เลือด.." มาร์คทำหน้าเหยเก จะขำก็ขำไม่ออก เป็นห่วงก็เป็นห่วง แฮชานทำหน้างงก่อนที่มาร์คจะรีบจัดการถอดเสื้อตัวเองออกแล้วใช้ส่วนที่เขาคิดว่าสะอาดที่สุดซับไปตรงจมูกแฮชานเบาๆ
ดูเจ้าตัวแสบของเขาสิ
"อ๊ะ เอือดอำเดา?" พูดอู้อี้อยู่อย่างนั้นอยู่ใต้ผ้า
"อื้อ..ถ้าช้าอีกนิด นายคงเป็นลมละมั้ง"
"ออกเยอะมั้ย อื้อออ" เขาร้องโอดโอย แขนข้างหนึ่งจัดการตีไปที่ไหล่มาร์ค เป็นเพราะมาร์คกำลังบีบจมูกเขาอยู่
"ทนนิดนึงนะ เดี๋ยวเลือดไม่หยุด" เขามือท่าทีเงอะงะ ถึงแฮชานจะขัดขืนในตอนแรกๆ แต่มาร์คทำสายตาจริงจังจนคนตัวเล็กกว่ายอมสงบ
"ออแอ๊ว" พูดเสียงอ้อแอ้เหมือนคนไม่มีแรง แฮชานตอนไร้พิษสงแบบนี้น่าหมั่นเขี้ยวชะมัด
อยากจะฟัดให้หายอยากเป็นบ้า
แล้วพอเอามือที่บีบอยู่ออกออก "น่าจะหยุดล..." มาร์คก็หลุดหัวเราะออกมา
".. ขำอะไรของนายวะ"
พูดจาไม่น่ารักอีกแล้ว อยากจะงอนเหมือนกันแต่เห็นสภาพแฮชานตอนนี้แล้วขอขำก่อน
เจ้าจอมดื้อของเขามีคราบเลือดติดอยู่ทั้งแถวใต้จมูก บนเสื้อสีขาว แล้วก็กางเกง
แถมผมก็ยุ่งไม่เป็นทรง สภาพเหมือนไปรบมาไม่มีผิด
"อุ๊บ.. ก็..ฮ่าๆ"
"ขำมากมั้ย ตลกมากหรอ ห๊ะ ห๊ะ" กล่าวน้ำเสียงหาเรื่อง แฮชานเวลาไม่พอใจน่ะชอบแว้ดๆ ด้วยเสียงสูงๆ ขู่เหมือนกับลูกหมาตัวเล็กๆเลย ถึงอย่างนั้นมาร์คนึกรำคาญไม่ลงจริงๆสักครั้งหรอก
ออกไปทางเอ็นดูมากกว่า
"ก็... ไม่ตลกมากหรอก"
"แต่มันก็รู้สึกแบบ...แฮชานอยากจูบมาร์คขนาดนี้เลยหรอเนี่ย"
"...."
"ใช่แมะ"
"ไปละบาย"
มาร์คยักคิ้วใส่แฮชานที่ปึงปังกลับไปเข้าในตัวห้องเพราะเขินจนทำอะไรไม่ถูก
คงจะหนีไปนอนอีกนั่นแหละ
เดี๋ยวค่อยตามไปต่อละกัน
"มาร์คลี!"
"คร้าบ?"
"นายมันโง่! บูว!!"
เขาส่ายหน้าไปมาให้กับความแสบซนของเด็กดื้ออย่างแฮชาน
แต่ถึงจะดื้อแค่ไหน
ก็ชอบมากๆจริงๆนั่นแหละ
"นี่..."
"ครับ?"
"ขอยืมชุดนอนหน่อยนะ เสื้อผ้าข้าวของอยู่ห้องนู้นหมดอะ"
"หยิบเอาเลย" เสื้อผ้าของเขาก็เหมือนของแฮชานนั่นแหละ ยืมไปก็หลายต่อหลายครั้งแล้ว เขาไม่ได้ว่าอะไรหรอก ออกจะชอบด้วยซ้ำ
เพราะเวลาแฮชานใส่เสื้อผ้าของเขามันดูน่ารักกว่าเวลาอยู่บนตัวเขาซะอีก อันที่จริงจะใส่หรือไม่ใส่เขาก็ไม่ขัดหรอก
"แล้วก็.."
"ว่าไง"
"..."
"...?"
"รักมินฮยองนะ ฝันดี!" พูดจบก็รีบวิ่งจู๊ดหายไปเลย
นั่งนิ่งอยู่แบบนั้น พลางคิดว่าส่วนที่หายไปได้ถูกเติมเต็มอีกครั้ง
เขาไม่ต้องการใครอื่นอีกระยะเวลาที่เสียไป
บางทีอาจจะคุ้มแล้วกับการเรียนรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญและอะไรคือสิ่งที่มาร์คต้องการมากที่สุด
ถึงจะทะเลาะกันบ้างก็ไม่เป็นไร เขาจะไม่โง่ทำพลาดโดยการปล่อยแฮชานไปอีกซ้ำสอง
ยังพอมีเวลาเรียนรู้กับรักของเขาอีกเยอะ ถ้าหากพระเจ้าไม่ใจร้ายกับเขามากนักล่ะก็นะ..
หัวใจทั้งคู่พองโตรู้สึกมากไปด้วยความรักอันล้นปรี่ โดยที่แทบไม่ต้องพูดอะไรออกมา
งานปาร์ตี้เลิกแล้ว โคมไฟมอดลงเหลือเพียงประกายแห่งความสุขที่ยังคุกรุ่นอยู่รอบๆ
แล้วมาร์คก็ยิ้มออกมาอย่างเพ้อฝัน
แฮชานคือกอดและจูบที่มาร์คชอบที่สุด
I’llgive you everything
Baby love melights out
------------------------------------------------------------------
ทักทาย โย่ๆ
ปุรินจังค่ะ
เพลงนี้เพราะมากๆเลย :)
และนี่ก็คือสิ่งที่เราตีความได้จากเพลง
จนกลายเป็นเรื่องราวของมาร์คและแฮชาน
สนุกและเอ็นจอยกับการเขียนมากๆ
ยังไงก็ยังมือใหม่ T-T
หวังว่าจะมีคนชอบนะคะสักคนก็ดียังดี ฮึ้ย
พูดคุยกันได้ในแท็ก #ossfmh609
หรือจะคอมเม้นก็ยินดีมากมาย
เลิฟ ♥
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in