แม้เสียงเพลงดังคลอไปทั่วร้านทว่าก็ไม่ถึงขนาดรบกวนการสนทนาของลูกค้าดังนั้นพอมีเสียงแปลกๆ ดังขึ้นเจ้าของร่างบางก็หันไปมองโดยอัตโนมัติเป็นสัญชาตญาณของคนมากกว่าคิดว่าถูกทัก ทว่าพอพบว่าใครยืนอยู่ด้านข้าง ส่งยิ้มแฝงไปด้วยความดีใจมาให้ก็ถึงกับเผลอยิ้มตอบออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่”
ถึงหญิงสาวพูดแบบนั้นทว่าสิญจน์ไม่เห็นความแปลกใจในใบหน้าสวยสักนิดคงเพราะเธอเคยต้องรับมือพฤติกรรมแปลกๆของเขาตั้งแต่เจอกันวันแรกแล้วเรื่องนี้จึงไม่เกินความคาดหมาย
“ผมต่างหากล่ะครับไม่คิดว่าจะบังเอิญขนาดนี้” สิญจน์ตอบยิ้มๆ แล้วถือวิสาสะนั่งลงตรงสตูลตัวข้างๆโดยไม่สนใจว่าอีกคนอยากมีความเป็นส่วนตัวหรือเปล่า
“ทำไมคะหรือว่าร้านนี้มีข้อห้ามอะไร คุณถึงไม่คิดว่าจะเจอฉันที่นี่”
ท่าทางเอียงคอนิดๆขณะพูดนั้นจับตานัก
“ไม่มีข้อห้ามแบบนั้นหรอกครับร้านนี้ยินดีต้อนรับทุกคน” ตอบหญิงสาวแล้วหันไปพยักหน้าทักทายบาร์เทนเดอร์ประจำเคาน์เตอร์ซึ่งยืนเตรียมเครื่องดื่มสำหรับลูกค้าอยู่
“คุณพูดเหมือนกับว่าร้านนี้เป็นของคุณอย่างนั้นแหละ”
สิญจน์มองคิ้วเรียวที่เลิกขึ้นอย่างน่ารักของเจ้าหล่อนแล้วพยักหน้ารับดูเหมือนเธอทำอะไรก็น่ามองไปหมด แม้แต่เอี้ยวตัวใช้แขนค้ำกับเคาน์เตอร์แบบตอนนี้
“ไม่ใช่ของผมคนเดียวหรอกหุ้นกับเพื่อนน่ะครับ นี่ถ้าคุณมาเมื่อวานเราคงไม่ได้เจอกัน”
“บังเอิญจริงๆ”
แม้เจ้าหล่อนแค่พึมพำแต่คนที่สายตาไม่ละไปจากใบหน้าที่ตราอยู่ในความรู้สึกก็ได้ยินชัดเจนเลยทีเดียว
ใช่ เขาไม่คิดว่าจะบังเอิญขนาดนี้ในขณะที่พยายามติดต่อเธอหลายต่อหลายครั้งแต่สายโทรเข้าจากเขาไม่เคยถูกกดรับแม้สักครั้ง ใครจะคิดว่าจู่ๆเจ้าหล่อนก็มานั่งอยู่ตรงหน้าอย่างตอนนี้
“แล้วนี่สั่งอะไรหรือยังครับ”เห็นตรงหน้าหญิงสาวยังว่างเปล่าไม่แน่ใจว่าสั่งไปแล้วแต่อยู่ระหว่างผสมหรือว่ายังไม่สั่งกันแน่
“ยังเลยค่ะ ในฐานะเจ้าของร้านมีอะไรแนะนำไหมคะ”
“อืม คุณ” แล้วเขาก็นึกได้ว่าคราวนั้นถูกขัดจังหวะจึงไม่รู้แม่แต่ชื่อของหญิงสาว “ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย”
“อันนาค่ะ”
“อันนา...ชื่อเพราะนะคะ”
เจ้าของนามเพราะทำเพียงยิ้มเฉย
“แล้วคุณชอบเครื่องดื่มแบบไหนล่ะครับ”
“คุณสิญจน์เป็นเจ้าของร้านน่าจะรู้ดีกว่าอันนานะคะว่าตัวไหนน่าสนใจขอแค่ไม่มีแอลกอฮอล์ก็พอค่ะ”
“ไม่ดื่มแอลกอฮอล์เหรอครับ”
“อันนาขับรถมาค่ะเลยไม่อยากเสี่ยง เมาไม่ขับไงคะ”
“น่าเสียดายนะครับทางร้านเรามีค็อกเทลเด็ดๆ หลายแก้ว อย่างแก้วนั้น”สิญจน์บุ้ยหน้าไปยังเครื่องดื่มที่บาร์เทนเดอร์เพิ่งวางลงบนโต๊ะ
ภายในแก้วใสสิบสองเหลี่ยมบรรจุเครื่องดื่มผสมอยู่ภายในอะไรไม่สะดุดตาหญิงสาวเท่ากับกลีบกุหลาบแดงในน้ำแข็งตรงปากแก้วประดับด้วยกุหลาบดอกสวยที่ขนาดมองด้วยตายังจินตนาการได้เลยว่ากลีบดอกคงเนียนไม่ต่างกำมะหยี่
“เป็นกุหลาบหมักกับวอดก้าและโซดาครับ”
“หอมจังค่ะ” กลิ่นกุหลาบที่ลอยมาเตะจมูกถูกใจเธอมากกว่าสิ่งใด
“ถ้าคุณอันนาอยากลอง”
“ไม่ล่ะค่ะ” หญิงสาวส่ายหน้าหวือ“อย่าลืมสิคะ อันนาต้องขับรถ แก้วเดียวก็ไม่อยากดื่มค่ะ”
“ถ้าคุณอันนาอยากลองจริงๆขากลับผมไปส่งได้นะครับ”
ประกายบางอย่างในหน่วยตาคมทำให้หญิงสาวนิ่งไปไม่ใช่ไม่รู้ว่าเขามีจุดประสงค์อะไรทุกอย่างชัดเจนตั้งแต่ตอนโทรศัพท์มือถือถูกดึงออกจากมือแล้วทว่าไม่คิดว่าจะโดนรุกหนักขนาดนี้
“แล้วรถอันนาจะทำยังไงล่ะคะ”
“จอดไว้ที่นี่สิครับ ไม่หายหรอกแล้วพรุ่งนี้มีบริการส่งให้ถึงบ้านอีกต่างหาก ยังไงครับบริการดีไหม”
“ปกติทางร้านมีบริการแบบนี้กับลูกค้าทุกคนหรือเปล่าคะ”
แม้หญิงสาวไม่ได้พูดออกมาตรงๆว่ากลุ่มลูกค้าที่ว่าคือ สาวๆ ทว่าสิญจน์ก็เห็นความท้าทายจากตาโตๆ คู่นั้น เขาทอดแขนลงกับเคาน์เตอร์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ สายตาไม่ละจากใบหน้าสวยที่มองตรงมาเช่นเดียวกัน
“ถ้าผมบอกว่าคุณเป็นคนแรกล่ะครับ”
เขาเห็นเธอนิ่งไปนิดก่อนริมฝีปากซึ่งเคลือบไว้ด้วยลิปสติกสีชมพูระเรื่อจะคลี่ออกมาเป็นรอยยิ้มแบบที่อ่านไม่ออกหลังจดจ้องกันอยู่ครู่หนึ่ง สิญจน์ก็ได้รับคำตอบเพียงการโคลงศีรษะเบาๆ
“คุณสิญจน์สั่งเครื่องดื่มให้อันนาเถอะค่ะ”
ได้ยินดังนั้นเขาจึงถอนตัวออกมานั่งตัวตรงหมุนสตูลไปเพื่อสั่งก็พบกับสายตาเจ้าเล่ห์ของลูกน้องซึ่งยืนผสมเครื่องดื่มอยู่จึงขึงตาใส่เพื่อเป็นการปราม ก่อนอีกฝ่ายจะพูดอะไรออกมาซึ่งต้องไม่เป็นผลดีกับเขาแน่
“อันนาทานเสาวรสไหมครับ”
“ของชอบเลยละค่ะ”หญิงสาวตอบอย่างร่าเริง
จี๊ดซี่เป็นสิ่งที่แวบเข้ามาในหัวเขาทันทีเมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาว
“แว่นขอจี๊ดซี่ให้คุณผู้หญิงแก้วหนึ่งนะ...จี๊ดซี่เป็นน้ำเสาวรส ร้านเราใช้สดๆ จากผลผสมกับน้ำลิ้นจี่และแอปเปิ้ลไซเดอร์ครับ”
“แล้วพี่สิญจน์ล่ะครับวันนี้รับอะไรดี บลูเบอร์รี่โซดาเหมือนทุกทีไหม”
ทันทีเมื่อสิ้นประโยคของแว่นหญิงสาวก็เลิกคิ้วขณะมองเขาอย่างล้อเลียนทำให้ต้องหันไปขึงตาใส่ลูกน้องหนุ่มเลยถูกหัวเราะร่วนใส่เมื่อแกล้งเขาได้สำเร็จ ก่อนหันมายิ้มเขินให้กับหญิงสาวแก้ตัวเสียงอ่อย
“ผมเองต้องขับรถเหมือนกันนี่ครับ”
“อันนาก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่คะ”
แต่เหมือนเขาได้ยินเสียงหัวเราะหลุดออกจากริมฝีปากอิ่มทั้งๆที่เธอไม่ได้ทำแบบนั้นแม้สักนิด เสียหน้าชะมัด!
เขาหันขวับไปทางลูกน้องอีกครั้งอย่างเอาเรื่องพูดแบบไม่ออกเสียงเพื่อไม่ให้หญิงสาวคนเดียวในนั้นได้ยิน
ฉันจะตัดเงินแก
บาร์เทนเดอร์หนุ่มจะสลดหรือก็เปล่ายังมาตีหน้าซื่อถามย้ำอีกครั้ง
“สรุปพี่สิญจน์จะรับบลูเบอร์รี่โซดาไหมครับ”
จับลูกน้องหมกบาร์เสียดีไหม!
อันนามองแก้วบรั่นดีบรรจุม็อกเทลซึ่งบาร์เทนเดอร์เลื่อนมาให้ตรงหน้าสีเหลืองสดใสตัดกับเมล็ดเสาวรสเตะตาเป็นอย่างแรก ตามมาด้วยกลิ่นหอมอ่อนเตะจมูกรับรู้ได้ถึงความสดชื่นตั้งแต่ยังไม่ได้ดื่ม
“ลองดูสิครับ”
แก้วบรรจุม็อกเทลสีเหลืองสดใสถูกยกขึ้นจิบตามแรงคะยั้นคะยอของชายหนุ่มแรกมองก็รู้สึกสดชื่นแล้วทว่าพอได้สัมผัสในระยะใกล้กลิ่นอ่อนของมิ้นต์ซึ่งประดับอยู่ด้านบนก็ยิ่งส่งให้ทุกอย่างลงตัวขึ้น หอม หวานจนต้องรีบยกขึ้นจิบ
“เป็นไงครับ ถูกใจหรือเปล่า”
น้ำเสียงตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิดทำให้อันนาต้องเงยหน้าสบตาคนถามท่าทางลุ้นจนตัวโก่งเหมือนเด็กๆ ของเขาทำให้เผลอยิ้มออกมาไม่ได้
“อร่อยมากเลยค่ะ เปรี้ยวๆ หวานๆดื่มแล้วสดชื่นดี...อันนาชอบ”
เท่านั้นแหละริมฝีปากของชายหนุ่มก็ฉีกจนกว้างเกือบถึงหู สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความภูมิใจกับการแนะนำเครื่องดื่มได้ถูกปาก
สิญจน์มองอาการจิบเครื่องดื่มของหญิงสาวอย่างพอใจท่าทางผ่อนคลาย บางครั้งเขาเห็นเจ้าหล่อนโยกศีรษะเบาๆไปตามจังหวะเพลงอย่างรื่นรมย์ ดูเหมือนกำแพงที่เธอเคยสร้างขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกเจอเมื่อหลายวันก่อนลดลงมากแล้ว
ชายหนุ่มเหลือบมองลูกน้องตัวดีหลังจากปรุงเครื่องดื่มให้หญิงสาว รวมถึงบลูเบอร์รี่โซดาของเขาแล้วเจ้าตัวก็หันไปง่วนอยู่กับการรับออเดอร์เครื่องดื่มจากลูกค้าคิดว่าคงไม่มีเวลามาสอดรู้สอดเห็นอีก จึงฉวยจังหวะนั้นโพล่งสิ่งที่คิดออกมาทันที
“เราเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหมครับ”
“คะ” อันนากะพริบตาปริบๆไม่ใช่เพราะเธอได้ยินไม่ชัดทว่าหลุดปากออกไปเพราะความตกใจมากกว่าเมื่อถูกจู่โจมกะทันหัน“คุณสิญจน์หมายความว่ายังไงคะ”
“ก่อนนี้คุณอันนาดูเหมือนไม่สบายใจที่จะคบกับผม”
ก็ใช่...เธอไม่ปฏิเสธ
“คุณสิญจน์ลองถูกฉกเบอร์โทรศัพท์ไปดื้อๆดูสิคะ เป็นใครก็ตกใจทั้งนั้นแหละ”
“แล้วก็ไม่วางใจด้วย”ชายหนุ่มต่อให้ทันที สีหน้าของเธอในวันนั้นยังติดตา
“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับยอมรับว่าวันนั้นการเจอสิญจน์เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เธอตกใจมาก
“เพราะแบบนี้หรือเปล่าคุณถึงไม่รับโทรศัพท์ผม”เพราะขณะถามสายตาไม่ละไปจากดวงหน้านวลแม้เสี้ยววินาทีเขาตีความอาการนิ่งไปของเจ้าหล่อนเป็นการยอมรับ ชายหนุ่มถึงกับถอนหายใจออกมา
เกือบไปแล้วไหมล่ะไอ้สิญจน์รุกหนักไม่ดูตาม้าตาเรือจนเกือบเสียเรื่อง ต่อให้โทรไปจนมือหงิกเธอก็ไม่รับสายแน่ถ้าวันนี้ไม่บังเอิญเจอกันเขาคงหมดโอกาส
“ฉันต้องระวังตัว”
ในสังคมที่อันตรายอยู่รอบด้านผู้หญิงต้องมาอยู่ต่างถิ่นคนเดียวในสถานที่ไม่คุ้นเคยก็ต้องระวังตัวเองให้มากอยู่แล้ว เขาดันไปทำให้เธอตกใจเสียอีก
“ผมขอโทษนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“งั้นตอนนี้ถือว่าเราเป็นเพื่อนกันแล้วนะครับ”แม้ท่าทางของเธออ่อนลงมากแล้ว ทว่าเขาก็ยังอยากได้รับคำยืนยันจากปากเจ้าตัวอยู่ดี แต่ความเงียบของหญิงสาวทำเขาใจแป้วกลัวไม่เป็นอย่างที่คาด ทว่าศีรษะทุยซึ่งกดหงึกหลังจากนั้นไม่นานก็ทำให้ยิ้มออกจนต้องละล่ำลักลักของคุณอย่างดีใจ
“ขอบคุณมากนะครับขอบคุณที่รับผมเป็นเพื่อนอีกคน”
“อันนาต่างหากล่ะคะที่ต้องคิดแบบนั้นรู้ไหมคะคุณสิญจน์เป็นเพื่อนคนแรกในจังหวัดนี้เลยนะคะ”
“อย่างงั้นเชียวหรือครับ”
“แหงสิคะ”
“ถือเป็นเกียรติมากครับ”ตอนนี้หัวใจของเขากำลังพองโต แถมยังหุบยิ้มไม่ได้เลย
คิ้วเรียวที่เลิกขึ้นของเธอกับสายตาที่มองมาขำๆ ทำให้เขาขยับตัว ปรับสีหน้าให้เป็นปกติความเขินที่ไม่รู้แล่นมาจากไหนทำให้ต้องเสยกบลูเบอร์รี่โซดาขึ้นจิบแก้เก้อ
ใจเย็นๆ หน่อยไอ้สิญจน์เอ๊ยอย่าออกนอกหน้าให้มันมากนัก
ดูเหมือนวันนี้การควบคุมตัวเองของเขาต่ำมากจนน่ากลัวนานแล้วที่ไม่มีใครทำให้เขาเสียศูนย์ได้ขนาดนี้เธอทำให้เขารู้สึกกลายเป็นคนอ่อนหัด เหมือนหนุ่มวัยละอ่อนริจีบสาวอย่างไรอย่างนั้นหลังปรับอารมณ์อยู่หลายวินาที สิญจน์ก็ดึงความเป็นตัวของตัวเองกลับมาได้อีกครั้ง
“แล้วนี่คุณอันนามาเที่ยวหรือมาทำงานครับ”
“ก็ทั้งสองอย่างค่ะ”
“ครับ?”
“ทำงานแล้วก็พักผ่อนด้วยค่ะ”
“ตัวจังหวัดหรืออำเภอที่ผมอยู่ครับ”ถึงจะเหนือความคาดหมายก็ไม่ได้สร้างความแปลกใจให้เขาได้มากนักสิ่งที่อยากรู้ตอนนี้คือเธอพักที่ไหน หากอยู่อำเภอเดียวกันทุกอย่างคงง่ายเข้าไปอีกในการพบกันครั้งต่อไป“ขอโทษนะครับ ไม่แน่ใจว่าถามได้หรือเปล่า”
“ได้อยู่แล้วแหละค่ะ”หญิงสาวหัวเราะร่วน “คุณสิญจน์ไม่ต้องพิธีรีตรองกับอันนามากนักก็ได้ค่ะ”
“คุณจะไม่ลำบากใจอีกเหรอครับ”
เรื่องที่เธอไม่รับสายของเขาหลายต่อหลายครั้งคงยังติดอยู่ในใจเขาถึงได้มีอาการแบบนี้
“เพื่อนกันไม่ใช่หรือคะ”เธอส่งยิ้มไปให้อีก ยืนยันหนักแน่นว่าคิดอย่างที่พูดจริงๆ“เพราะงั้นไม่ต้องเรียกอันนาว่าคุณหรอกค่ะ เรียกอันนาเฉยๆ ก็ได้ดูท่าทางคุณสิญจน์น่าจะอายุเยอะกว่าด้วย”
“งั้นเรียกพี่ไหมล่ะครับ”
หญิงสาวหัวเราะคิกทีเดียว
“ได้คืบจะเอาศอกนะคะ”
“อันนาบอกว่าไม่ต้องมีพิธีมากไงอีกอย่างจะได้แฟร์ๆ ด้วย ผมเรียกว่าอันนาเฉยๆ แล้วอันนาก็เรียกผมพี่สิญจน์เท่าเทียมดีออก”
ตรงไหนกัน
หญิงสาวค้อนขวับคนพูดเข้าข้างตัวเองเรื่องหาประโยชน์เข้าตัวดูถนัดนัก
“แล้วนี่คุณสิญจน์ไม่ต้องทำงานหรือคะ”
สิญจน์หรี่ตาคาดโทษคนเปลี่ยนเรื่องอย่างแนบเนียนทว่าก็ไม่เซ้าซี้หญิงสาวอีก เขาไม่อยากทำให้โอกาสที่เปิดขึ้นถูกปิดลงอีกครั้ง
“ไล่กันทางอ้อมหรือเปล่าครับ”
“เปล่านะคะ”หญิงสาวรีบส่ายหน้าหวือด้วยกลัวเขาเข้าใจผิด “แค่เกรงใจค่ะ”
ชายหนุ่มกวาดตาตามหญิงสาวซึ่งมองไปรอบๆตอนนี้โต๊ะในร้านถูกจับจองเกือบหมด ทว่ายังไม่แน่นเท่าคืนวันศุกร์หรือวันหยุด
“ไม่ต้องห่วงครับผู้จัดการร้านกับพนักงานจัดการได้ ปกติแล้วผมก็ไม่ค่อยได้ออกหน้าร้านเท่าไหร่”หน้าที่ส่วนนี้มีคนดูแลอยู่แล้ว และทุกคนก็ทำหน้าที่ตัวเองได้เป็นอย่างดีด้วยมีบ้างที่เขาออกมาเดินตรวจตราหรือทักทายลูกค้าซึ่งรู้จักกันเป็นการส่วนตัวคอยสังเกตพฤติกรรมลูกค้าเพื่อนำไปปรับปรุงให้ดีขึ้นๆทว่าก็ไม่ได้ทำทุกวันหรือตลอดเวลา “ส่วนใหญ่อยู่หลังร้านครับ”
“เป็นพ่อครัว?”
สิญจน์ถึงกับหัวเราะร่วนเมื่อถูกดักคอ มองหน้านวลๆกับสายตาล้อเลียนก็รู้ว่าถูกแกล้งเข้าให้แล้ว
“ดูแลพวกบัญชีน่ะครับ”
“อ๋อ...”
“แล้วคุณอันนาล่ะครับอยู่ที่นี่นานหรือเปล่า”
เธอรู้ว่าเขาหมายถึงจังหวัดนี้ไม่ใช่นั่งดื่มในร้านอีกนานไหม
“เรื่อยๆ ค่ะ ยังไม่มีกำหนดกลับ”
“แล้วได้ไปเที่ยวไหนมาบ้างหรือยังครับเนี่ย”
“ยังเลยค่ะ”หญิงสาวส่ายหน้าหวือทันที “ญาติอันนาเขาไม่ค่อยว่าง วันธรรมดาต้องทำงานด้วยค่ะเลยยังไม่มีโอกาสสักที”
“อืม...ถ้าไม่รังเกียจผมยังยืนยันคำเดิมนะครับ”
แม้หญิงสาวไม่ได้เอ่ยออกมาเป็นคำพูดทว่าท่าทางเลิกคิ้วมองมาอย่างไม่เข้าใจก็ทำให้สิญจน์ต้องอธิบายเพิ่ม
“ผมเคยบอกว่าจะเป็นเจ้าบ้านที่ดีไงล่ะครับ”
อ๋อ...ครั้งแรกที่เจอกันเขาเคยบอกเธอไว้แบบนี้นี่นะ
“เข้าใจแล้วใช่ไหมครับ”ไม่ต้องถามด้วยซ้ำเพราะท่าทางของเธอบอกเขาแบบนั้น
“ไงครับ สนใจหรือเปล่า”
“อืม...”
หญิงสาวนิ่งไปอึดใจทว่าสำหรับคนเคยถูกปฏิเสธมาแล้วครั้งหนึ่งอย่างสิญจน์ก็อดหวั่นใจไม่ได้
“มีคนนำเที่ยวก็ดีเหมือนกันค่ะ”
“ไม่ต้องไปส่งหรอกค่ะหน้าร้านแค่นี้เอง อันนาไม่หลงหรอก...นะ”
สิญจน์มองอาการพยักหน้าหงึกๆย้ำหนักถึงความต้องการของตัวเองแล้วส่ายหน้าเบาๆถึงเธอยืนยันแบบนั้นทว่าเขายังอยากยืดเวลาอยู่ด้วยกันต่อสักนิด แม้ห้านาทีก็ยอม
“แค่นี้เอง”
“โธ่ อย่าลำบากเลยค่ะแค่เลี้ยงเครื่องดื่มก็เกรงใจมากแล้ว”
“อย่าเกรงใจเลยครับ ผมเต็มใจ”
ความรู้สึกของเขาเธอสัมผัสได้ชัดเจนตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันตรงบาร์เครื่องดื่มเขาแสดงออกอย่างเปิดเผยว่ารู้สึกอย่างไรกระนั้นก็ยังรักษาระยะห่างทำให้เธอหายใจหายคอเพราะหากเป็นเช่นนั้นแล้วมีหวังเธอคงถอยออกมาตั้งหลักแน่ๆ
“อันนามาเป็นลูกค้าแท้ๆ”
“อย่าคิดมากเลยครับ”ชายหนุ่มดันหลังหญิงสาวเบาๆ ให้ออกเดิน หลังยืนเถียงกันอยู่ตรงหน้าบาร์ตั้งแต่เมื่อครู่“ถือเสียว่าเป็นเวลคัมดริ้ง ต้อนรับสู่จังหวัดนี้อย่างเป็นทางการ”
“ได้ค่าจ้างมาเท่าไหร่คะ”
“ค่าจ้าง...ค่าอะไรครับ”
“ค่าตัวทูตโปรโมทจังหวัดไงคะ”
คนได้รับตำแหน่งใหญ่โดยไม่รู้ตัวหัวเราะร่วนเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเงินครับถ้าไม่เต็มใจ ต่อให้ได้เงินมากมายก็ไม่ทำครับ เป็นความต้องการส่วนตัวล้วนๆ”
เสียงทุ้มเต็มไปด้วยกระแสอบอุ่นกับความนัยที่สะท้อนออกมาจากหน่วยตาคมทำเอาใจกระตุกวูบ จนนิ่งไปนิดรู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าวและตอนนี้ต้องแดงอยู่แน่ๆ
“คุณนี่ ล้อเล่นอยู่เรื่อย” หญิงสาวเสหัวเราะร่วนเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกภายในของตนก่อนหมุนตัวไปประจันหน้ากับเขา การกระทำนั้นเป็นไปอย่างกะทันหันหากคนที่เดินตามหลังมาหยุดไม่ทันคงชนกันไปแล้วกระนั้นความตกใจกับการต้องทรงตัวบนรองเท้าสูงหลายนิ้วก็ทำให้หญิงสาวเสียหลัก
“ว้าย”
“โอ๊ะ ระวังครับ”
ชายหนุ่มยังไม่ทันยื่นมือเข้ามาช่วยด้วยซ้ำตอนอันนารักษาการทรงตัวของตัวเองเอาไว้ได้ก่อนล้มลงไปให้ได้อาย
“ระวังหน่อยสิครับ” ชายหนุ่มมองเจ้าของรอยยิ้มเขินๆอย่างอ่อนใจ “เพราะแบบนี้ไงผมถึงต้องออกมาส่งคุณ”
ได้ยินแบบนั้นคนซุ่มซ่ามถึงกับค้อนขวับบ่นเสียงอุบอิบ
“ถ้าไม่มาส่งก็ไม่เกิดเรื่องแบบนี้หรอก”
“ว่าอะไรนะครับ”เขาได้ยินเต็มสองหูเลยว่าประโยคนั้นคืออะไร ทว่าใบหน้าอิ่มที่งอง้ำ ปากยื่นจมูกเชิดก็น่ารักเสียจนอยากแหย่ไม่ได้
“เปล่าค่ะ”
หูดีจริงๆ
“แล้วไปครับ”
“ถึงหน้าร้านแล้วค่ะแล้วรถอันนาจอดอยู่โน่น”
สิญจน์มองตามนิ้วเรียวซึ่งชี้ไปยังด้านหนึ่งของลานจอดรถตรงนั้นมีรถเอสยูวีคันใหญ่จอดอยู่ แม้ค่อนข้างไกลจากหน้าร้านสักหน่อยอยู่เกือบสุดทางแต่มีไฟส่องสว่างไปตลอดทางและมีพนักงานดูแลรถเดินไปมาตรวจตราความเรียบร้อยอยู่ตลอดทว่าเขาก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี
“ผมเดินไปส่ง”
“คุณสิญจน์คะไม่ต้องไปส่งอันนาหรอกค่ะ จริงๆ นะ อันนาขอร้องเถอะ”เห็นเขาขยับเธอก็รู้ว่ากำลังจะถูกค้านอีกครั้ง จึงรีบตัดบท“หรือว่าร้านคุณไม่ปลอดภัย เลยต้องเดินไปส่งลูกค้าถึงรถแบบนี้”
เห็นสายตาแนวแน่ น้ำเสียงเริ่มไม่พอใจกับท่าทางเอาเรื่องนั้นน่ากลัวในระดับลูกแมววัยสองเดือนโก่งตัวขู่คู่ต่อสู้ หากเขาไม่ยอมจริงๆเธอคงทำอะไรไม่ได้ ทว่าสัญญาณเตือนในใจร้องว่าต้องให้พื้นที่ส่วนตัวกับเธอบ้าง
เอาน่านายสิญจน์ ยังมีเวลาอีกเยอะไม่ต้องใจร้อนไปหรอก
“โอเคครับ ส่งแค่นี้ก็ได้แต่...”
“อะไรคะ”
“คุณต้องสัญญาก่อนว่าจะรับสายผมไม่หลบหน้ากันเหมือนตอนแรกอีก” โพล่งออกไปแล้วก็รอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
“ตกลงค่ะฉันสัญญาว่าจะไม่ทำเหมือนตอนแรกอีก แต่ไม่รับรองนะคะ” เห็นสีหน้าเขาเปลี่ยนไปนิดเธอจึงรีบอธิบาย “บางทีทำอะไรเพลินๆ อยู่ก็อาจรับช้าแต่ยังไงสัญญาว่าถ้าเห็นสายไม่ได้รับ จะรีบโทรกลับค่ะ”
“ตกลงครับ” สิญจน์มองรอยยิ้มขอบคุณที่เธอส่งมาให้อย่างชุ่มชื่นหัวใจทว่าเพียงครู่หนึ่งรอยยิ้มนั้นก็เปลี่ยนเป็นอาการหน้านิ่วคิ้วขมวด “มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ไม่เข้าไปดูร้านหรือคะ”
“อ๋อ...” ประโยคนั้นทำให้สิญจน์นึกได้เขาสัญญากับเธอว่าจะส่งตรงนี้ “โอเคครับ ไปจริงๆ แล้วครับ เดินดีๆ นะครับอันนาผมเป็นห่วง”
อันนามองคนที่พูดจบก็เดินแกมยิ่งเข้าร้านไปยิ้มๆก่อนเสียงถอนหายใจจะดังขึ้น พร้อมกับศีรษะทุยโคลงเบาๆ อย่างระอา
เฮ้อ...
------------------------------------------------
เนื่องจากช่วงนี้หูตูบมาก ต้องเตรียมงานและเตรียมไฟล์เรื่องนี้ส่งเข้าโรงพิมพ์ เพื่อออกมาให้ทันช่วงปลายเดือนมีนาคม เลยไม่ได้มาโพสต์นิยายให้อ่านกันเลย ถ้าใครที่ติดเรื่องนี้ เข้าไปอ่านจากอีกที่ก่อนได้นะคะ เค้าลงไป 20 ตอนแล้ว มาลงมินิมอร์ทีหลัง แบบไล่ไม่ทันเลย (หาลายแทงได้ใน FB Fanpage) ค่ะ
และช่วงนี้เป็นช่วง Pre-Order กลเล่ห์รักด้วยจ้า ใครเข้าไปอ่านกันยาวๆ แล้วสนใจสั่งได้ตลอดนะคะ สำหรับ 120 ท่านแรกที่โอนเงินก่อน มีชุดที่คั่นและการ์ด SD ตัวละคร (ฝีมือการวาดของน้องเมพหมี ^^) เป็นของพิเศษให้ค่า
FB Fanpage : เนตรนภัส
Twitter : Naitnapas
(คลิกที่ภาพเพื่อรายละเอียดเพิ่มเติม)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in