เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[นิยาย] กลเล่ห์รัก - เนตรนภัสเนตรนภัส
กลเล่ห์รัก - ตอนที่ ๖
  • - ๖ -

     

                    แม้เสียงเพลงดังคลอไปทั่วร้านทว่าก็ไม่ถึงขนาดรบกวนการสนทนาของลูกค้าดังนั้นพอมีเสียงแปลกๆ ดังขึ้นเจ้าของร่างบางก็หันไปมองโดยอัตโนมัติเป็นสัญชาตญาณของคนมากกว่าคิดว่าถูกทัก ทว่าพอพบว่าใครยืนอยู่ด้านข้าง ส่งยิ้มแฝงไปด้วยความดีใจมาให้ก็ถึงกับเผลอยิ้มตอบออกมาโดยไม่รู้ตัว

                    “ไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่”

                    ถึงหญิงสาวพูดแบบนั้นทว่าสิญจน์ไม่เห็นความแปลกใจในใบหน้าสวยสักนิดคงเพราะเธอเคยต้องรับมือพฤติกรรมแปลกๆของเขาตั้งแต่เจอกันวันแรกแล้วเรื่องนี้จึงไม่เกินความคาดหมาย

                    “ผมต่างหากล่ะครับไม่คิดว่าจะบังเอิญขนาดนี้” สิญจน์ตอบยิ้มๆ แล้วถือวิสาสะนั่งลงตรงสตูลตัวข้างๆโดยไม่สนใจว่าอีกคนอยากมีความเป็นส่วนตัวหรือเปล่า

                    “ทำไมคะหรือว่าร้านนี้มีข้อห้ามอะไร คุณถึงไม่คิดว่าจะเจอฉันที่นี่”

                    ท่าทางเอียงคอนิดๆขณะพูดนั้นจับตานัก

                    “ไม่มีข้อห้ามแบบนั้นหรอกครับร้านนี้ยินดีต้อนรับทุกคน” ตอบหญิงสาวแล้วหันไปพยักหน้าทักทายบาร์เทนเดอร์ประจำเคาน์เตอร์ซึ่งยืนเตรียมเครื่องดื่มสำหรับลูกค้าอยู่

                    “คุณพูดเหมือนกับว่าร้านนี้เป็นของคุณอย่างนั้นแหละ”

                    สิญจน์มองคิ้วเรียวที่เลิกขึ้นอย่างน่ารักของเจ้าหล่อนแล้วพยักหน้ารับดูเหมือนเธอทำอะไรก็น่ามองไปหมด แม้แต่เอี้ยวตัวใช้แขนค้ำกับเคาน์เตอร์แบบตอนนี้

                    “ไม่ใช่ของผมคนเดียวหรอกหุ้นกับเพื่อนน่ะครับ นี่ถ้าคุณมาเมื่อวานเราคงไม่ได้เจอกัน”

                    “บังเอิญจริงๆ”

                    แม้เจ้าหล่อนแค่พึมพำแต่คนที่สายตาไม่ละไปจากใบหน้าที่ตราอยู่ในความรู้สึกก็ได้ยินชัดเจนเลยทีเดียว

                    ใช่ เขาไม่คิดว่าจะบังเอิญขนาดนี้ในขณะที่พยายามติดต่อเธอหลายต่อหลายครั้งแต่สายโทรเข้าจากเขาไม่เคยถูกกดรับแม้สักครั้ง ใครจะคิดว่าจู่ๆเจ้าหล่อนก็มานั่งอยู่ตรงหน้าอย่างตอนนี้

                    “แล้วนี่สั่งอะไรหรือยังครับ”เห็นตรงหน้าหญิงสาวยังว่างเปล่าไม่แน่ใจว่าสั่งไปแล้วแต่อยู่ระหว่างผสมหรือว่ายังไม่สั่งกันแน่

                    “ยังเลยค่ะ ในฐานะเจ้าของร้านมีอะไรแนะนำไหมคะ”

                    “อืม คุณ” แล้วเขาก็นึกได้ว่าคราวนั้นถูกขัดจังหวะจึงไม่รู้แม่แต่ชื่อของหญิงสาว “ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย”

                    “อันนาค่ะ”

                    “อันนา...ชื่อเพราะนะคะ”

                    เจ้าของนามเพราะทำเพียงยิ้มเฉย

                    “แล้วคุณชอบเครื่องดื่มแบบไหนล่ะครับ”

                    “คุณสิญจน์เป็นเจ้าของร้านน่าจะรู้ดีกว่าอันนานะคะว่าตัวไหนน่าสนใจขอแค่ไม่มีแอลกอฮอล์ก็พอค่ะ”

                    “ไม่ดื่มแอลกอฮอล์เหรอครับ”

                    “อันนาขับรถมาค่ะเลยไม่อยากเสี่ยง เมาไม่ขับไงคะ”

                    “น่าเสียดายนะครับทางร้านเรามีค็อกเทลเด็ดๆ หลายแก้ว อย่างแก้วนั้น”สิญจน์บุ้ยหน้าไปยังเครื่องดื่มที่บาร์เทนเดอร์เพิ่งวางลงบนโต๊ะ

                    ภายในแก้วใสสิบสองเหลี่ยมบรรจุเครื่องดื่มผสมอยู่ภายในอะไรไม่สะดุดตาหญิงสาวเท่ากับกลีบกุหลาบแดงในน้ำแข็งตรงปากแก้วประดับด้วยกุหลาบดอกสวยที่ขนาดมองด้วยตายังจินตนาการได้เลยว่ากลีบดอกคงเนียนไม่ต่างกำมะหยี่

                    “เป็นกุหลาบหมักกับวอดก้าและโซดาครับ”

                    “หอมจังค่ะ” กลิ่นกุหลาบที่ลอยมาเตะจมูกถูกใจเธอมากกว่าสิ่งใด

                    “ถ้าคุณอันนาอยากลอง”

                    “ไม่ล่ะค่ะ” หญิงสาวส่ายหน้าหวือ“อย่าลืมสิคะ อันนาต้องขับรถ แก้วเดียวก็ไม่อยากดื่มค่ะ”

                    “ถ้าคุณอันนาอยากลองจริงๆขากลับผมไปส่งได้นะครับ”

                    ประกายบางอย่างในหน่วยตาคมทำให้หญิงสาวนิ่งไปไม่ใช่ไม่รู้ว่าเขามีจุดประสงค์อะไรทุกอย่างชัดเจนตั้งแต่ตอนโทรศัพท์มือถือถูกดึงออกจากมือแล้วทว่าไม่คิดว่าจะโดนรุกหนักขนาดนี้

                    “แล้วรถอันนาจะทำยังไงล่ะคะ”

                    “จอดไว้ที่นี่สิครับ ไม่หายหรอกแล้วพรุ่งนี้มีบริการส่งให้ถึงบ้านอีกต่างหาก ยังไงครับบริการดีไหม”

                    “ปกติทางร้านมีบริการแบบนี้กับลูกค้าทุกคนหรือเปล่าคะ”

                    แม้หญิงสาวไม่ได้พูดออกมาตรงๆว่ากลุ่มลูกค้าที่ว่าคือ สาวๆ ทว่าสิญจน์ก็เห็นความท้าทายจากตาโตๆ คู่นั้น เขาทอดแขนลงกับเคาน์เตอร์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ สายตาไม่ละจากใบหน้าสวยที่มองตรงมาเช่นเดียวกัน

                    “ถ้าผมบอกว่าคุณเป็นคนแรกล่ะครับ”

                    เขาเห็นเธอนิ่งไปนิดก่อนริมฝีปากซึ่งเคลือบไว้ด้วยลิปสติกสีชมพูระเรื่อจะคลี่ออกมาเป็นรอยยิ้มแบบที่อ่านไม่ออกหลังจดจ้องกันอยู่ครู่หนึ่ง สิญจน์ก็ได้รับคำตอบเพียงการโคลงศีรษะเบาๆ

                    “คุณสิญจน์สั่งเครื่องดื่มให้อันนาเถอะค่ะ”

                    ได้ยินดังนั้นเขาจึงถอนตัวออกมานั่งตัวตรงหมุนสตูลไปเพื่อสั่งก็พบกับสายตาเจ้าเล่ห์ของลูกน้องซึ่งยืนผสมเครื่องดื่มอยู่จึงขึงตาใส่เพื่อเป็นการปราม ก่อนอีกฝ่ายจะพูดอะไรออกมาซึ่งต้องไม่เป็นผลดีกับเขาแน่

                    “อันนาทานเสาวรสไหมครับ”

                    “ของชอบเลยละค่ะ”หญิงสาวตอบอย่างร่าเริง

                    จี๊ดซี่เป็นสิ่งที่แวบเข้ามาในหัวเขาทันทีเมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาว

                    “แว่นขอจี๊ดซี่ให้คุณผู้หญิงแก้วหนึ่งนะ...จี๊ดซี่เป็นน้ำเสาวรส ร้านเราใช้สดๆ จากผลผสมกับน้ำลิ้นจี่และแอปเปิ้ลไซเดอร์ครับ”

                    “แล้วพี่สิญจน์ล่ะครับวันนี้รับอะไรดี บลูเบอร์รี่โซดาเหมือนทุกทีไหม”

                    ทันทีเมื่อสิ้นประโยคของแว่นหญิงสาวก็เลิกคิ้วขณะมองเขาอย่างล้อเลียนทำให้ต้องหันไปขึงตาใส่ลูกน้องหนุ่มเลยถูกหัวเราะร่วนใส่เมื่อแกล้งเขาได้สำเร็จ ก่อนหันมายิ้มเขินให้กับหญิงสาวแก้ตัวเสียงอ่อย

                    “ผมเองต้องขับรถเหมือนกันนี่ครับ”

                    “อันนาก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่คะ”

                    แต่เหมือนเขาได้ยินเสียงหัวเราะหลุดออกจากริมฝีปากอิ่มทั้งๆที่เธอไม่ได้ทำแบบนั้นแม้สักนิด เสียหน้าชะมัด!

                    เขาหันขวับไปทางลูกน้องอีกครั้งอย่างเอาเรื่องพูดแบบไม่ออกเสียงเพื่อไม่ให้หญิงสาวคนเดียวในนั้นได้ยิน

                    ฉันจะตัดเงินแก

                    บาร์เทนเดอร์หนุ่มจะสลดหรือก็เปล่ายังมาตีหน้าซื่อถามย้ำอีกครั้ง

                    “สรุปพี่สิญจน์จะรับบลูเบอร์รี่โซดาไหมครับ”

                    จับลูกน้องหมกบาร์เสียดีไหม!

     

                    อันนามองแก้วบรั่นดีบรรจุม็อกเทลซึ่งบาร์เทนเดอร์เลื่อนมาให้ตรงหน้าสีเหลืองสดใสตัดกับเมล็ดเสาวรสเตะตาเป็นอย่างแรก ตามมาด้วยกลิ่นหอมอ่อนเตะจมูกรับรู้ได้ถึงความสดชื่นตั้งแต่ยังไม่ได้ดื่ม

                    “ลองดูสิครับ”

                    แก้วบรรจุม็อกเทลสีเหลืองสดใสถูกยกขึ้นจิบตามแรงคะยั้นคะยอของชายหนุ่มแรกมองก็รู้สึกสดชื่นแล้วทว่าพอได้สัมผัสในระยะใกล้กลิ่นอ่อนของมิ้นต์ซึ่งประดับอยู่ด้านบนก็ยิ่งส่งให้ทุกอย่างลงตัวขึ้น หอม หวานจนต้องรีบยกขึ้นจิบ

                    “เป็นไงครับ ถูกใจหรือเปล่า”

                    น้ำเสียงตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิดทำให้อันนาต้องเงยหน้าสบตาคนถามท่าทางลุ้นจนตัวโก่งเหมือนเด็กๆ ของเขาทำให้เผลอยิ้มออกมาไม่ได้

                    “อร่อยมากเลยค่ะ เปรี้ยวๆ หวานๆดื่มแล้วสดชื่นดี...อันนาชอบ”

                    เท่านั้นแหละริมฝีปากของชายหนุ่มก็ฉีกจนกว้างเกือบถึงหู สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความภูมิใจกับการแนะนำเครื่องดื่มได้ถูกปาก

                    สิญจน์มองอาการจิบเครื่องดื่มของหญิงสาวอย่างพอใจท่าทางผ่อนคลาย บางครั้งเขาเห็นเจ้าหล่อนโยกศีรษะเบาๆไปตามจังหวะเพลงอย่างรื่นรมย์ ดูเหมือนกำแพงที่เธอเคยสร้างขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกเจอเมื่อหลายวันก่อนลดลงมากแล้ว

                    ชายหนุ่มเหลือบมองลูกน้องตัวดีหลังจากปรุงเครื่องดื่มให้หญิงสาว รวมถึงบลูเบอร์รี่โซดาของเขาแล้วเจ้าตัวก็หันไปง่วนอยู่กับการรับออเดอร์เครื่องดื่มจากลูกค้าคิดว่าคงไม่มีเวลามาสอดรู้สอดเห็นอีก จึงฉวยจังหวะนั้นโพล่งสิ่งที่คิดออกมาทันที

                    “เราเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหมครับ”

                    “คะ” อันนากะพริบตาปริบๆไม่ใช่เพราะเธอได้ยินไม่ชัดทว่าหลุดปากออกไปเพราะความตกใจมากกว่าเมื่อถูกจู่โจมกะทันหัน“คุณสิญจน์หมายความว่ายังไงคะ”

                    “ก่อนนี้คุณอันนาดูเหมือนไม่สบายใจที่จะคบกับผม”

                    ก็ใช่...เธอไม่ปฏิเสธ

                    “คุณสิญจน์ลองถูกฉกเบอร์โทรศัพท์ไปดื้อๆดูสิคะ เป็นใครก็ตกใจทั้งนั้นแหละ”

                    “แล้วก็ไม่วางใจด้วย”ชายหนุ่มต่อให้ทันที สีหน้าของเธอในวันนั้นยังติดตา

                    “ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับยอมรับว่าวันนั้นการเจอสิญจน์เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เธอตกใจมาก

                    “เพราะแบบนี้หรือเปล่าคุณถึงไม่รับโทรศัพท์ผม”เพราะขณะถามสายตาไม่ละไปจากดวงหน้านวลแม้เสี้ยววินาทีเขาตีความอาการนิ่งไปของเจ้าหล่อนเป็นการยอมรับ ชายหนุ่มถึงกับถอนหายใจออกมา

                    เกือบไปแล้วไหมล่ะไอ้สิญจน์รุกหนักไม่ดูตาม้าตาเรือจนเกือบเสียเรื่อง ต่อให้โทรไปจนมือหงิกเธอก็ไม่รับสายแน่ถ้าวันนี้ไม่บังเอิญเจอกันเขาคงหมดโอกาส

                    “ฉันต้องระวังตัว”

                    ในสังคมที่อันตรายอยู่รอบด้านผู้หญิงต้องมาอยู่ต่างถิ่นคนเดียวในสถานที่ไม่คุ้นเคยก็ต้องระวังตัวเองให้มากอยู่แล้ว เขาดันไปทำให้เธอตกใจเสียอีก

                    “ผมขอโทษนะ”

                    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”

                    “งั้นตอนนี้ถือว่าเราเป็นเพื่อนกันแล้วนะครับ”แม้ท่าทางของเธออ่อนลงมากแล้ว ทว่าเขาก็ยังอยากได้รับคำยืนยันจากปากเจ้าตัวอยู่ดี แต่ความเงียบของหญิงสาวทำเขาใจแป้วกลัวไม่เป็นอย่างที่คาด ทว่าศีรษะทุยซึ่งกดหงึกหลังจากนั้นไม่นานก็ทำให้ยิ้มออกจนต้องละล่ำลักลักของคุณอย่างดีใจ

                    “ขอบคุณมากนะครับขอบคุณที่รับผมเป็นเพื่อนอีกคน”

                    “อันนาต่างหากล่ะคะที่ต้องคิดแบบนั้นรู้ไหมคะคุณสิญจน์เป็นเพื่อนคนแรกในจังหวัดนี้เลยนะคะ”

                    “อย่างงั้นเชียวหรือครับ”

                    “แหงสิคะ”

                    “ถือเป็นเกียรติมากครับ”ตอนนี้หัวใจของเขากำลังพองโต แถมยังหุบยิ้มไม่ได้เลย

                    คิ้วเรียวที่เลิกขึ้นของเธอกับสายตาที่มองมาขำๆ ทำให้เขาขยับตัว ปรับสีหน้าให้เป็นปกติความเขินที่ไม่รู้แล่นมาจากไหนทำให้ต้องเสยกบลูเบอร์รี่โซดาขึ้นจิบแก้เก้อ

                    ใจเย็นๆ หน่อยไอ้สิญจน์เอ๊ยอย่าออกนอกหน้าให้มันมากนัก

                    ดูเหมือนวันนี้การควบคุมตัวเองของเขาต่ำมากจนน่ากลัวนานแล้วที่ไม่มีใครทำให้เขาเสียศูนย์ได้ขนาดนี้เธอทำให้เขารู้สึกกลายเป็นคนอ่อนหัด เหมือนหนุ่มวัยละอ่อนริจีบสาวอย่างไรอย่างนั้นหลังปรับอารมณ์อยู่หลายวินาที สิญจน์ก็ดึงความเป็นตัวของตัวเองกลับมาได้อีกครั้ง

                    “แล้วนี่คุณอันนามาเที่ยวหรือมาทำงานครับ”

                    “ก็ทั้งสองอย่างค่ะ”

                    “ครับ?”

                    “ทำงานแล้วก็พักผ่อนด้วยค่ะ”

                    “ตัวจังหวัดหรืออำเภอที่ผมอยู่ครับ”ถึงจะเหนือความคาดหมายก็ไม่ได้สร้างความแปลกใจให้เขาได้มากนักสิ่งที่อยากรู้ตอนนี้คือเธอพักที่ไหน หากอยู่อำเภอเดียวกันทุกอย่างคงง่ายเข้าไปอีกในการพบกันครั้งต่อไป“ขอโทษนะครับ ไม่แน่ใจว่าถามได้หรือเปล่า”

                    “ได้อยู่แล้วแหละค่ะ”หญิงสาวหัวเราะร่วน “คุณสิญจน์ไม่ต้องพิธีรีตรองกับอันนามากนักก็ได้ค่ะ”

                    “คุณจะไม่ลำบากใจอีกเหรอครับ”

                    เรื่องที่เธอไม่รับสายของเขาหลายต่อหลายครั้งคงยังติดอยู่ในใจเขาถึงได้มีอาการแบบนี้

                    “เพื่อนกันไม่ใช่หรือคะ”เธอส่งยิ้มไปให้อีก ยืนยันหนักแน่นว่าคิดอย่างที่พูดจริงๆ“เพราะงั้นไม่ต้องเรียกอันนาว่าคุณหรอกค่ะ เรียกอันนาเฉยๆ ก็ได้ดูท่าทางคุณสิญจน์น่าจะอายุเยอะกว่าด้วย”

                    “งั้นเรียกพี่ไหมล่ะครับ”

                    หญิงสาวหัวเราะคิกทีเดียว

                    “ได้คืบจะเอาศอกนะคะ”

                    “อันนาบอกว่าไม่ต้องมีพิธีมากไงอีกอย่างจะได้แฟร์ๆ ด้วย ผมเรียกว่าอันนาเฉยๆ แล้วอันนาก็เรียกผมพี่สิญจน์เท่าเทียมดีออก”

                    ตรงไหนกัน

                    หญิงสาวค้อนขวับคนพูดเข้าข้างตัวเองเรื่องหาประโยชน์เข้าตัวดูถนัดนัก

                    “แล้วนี่คุณสิญจน์ไม่ต้องทำงานหรือคะ”

                    สิญจน์หรี่ตาคาดโทษคนเปลี่ยนเรื่องอย่างแนบเนียนทว่าก็ไม่เซ้าซี้หญิงสาวอีก เขาไม่อยากทำให้โอกาสที่เปิดขึ้นถูกปิดลงอีกครั้ง

                    “ไล่กันทางอ้อมหรือเปล่าครับ”

                    “เปล่านะคะ”หญิงสาวรีบส่ายหน้าหวือด้วยกลัวเขาเข้าใจผิด “แค่เกรงใจค่ะ”

                    ชายหนุ่มกวาดตาตามหญิงสาวซึ่งมองไปรอบๆตอนนี้โต๊ะในร้านถูกจับจองเกือบหมด ทว่ายังไม่แน่นเท่าคืนวันศุกร์หรือวันหยุด

                    “ไม่ต้องห่วงครับผู้จัดการร้านกับพนักงานจัดการได้ ปกติแล้วผมก็ไม่ค่อยได้ออกหน้าร้านเท่าไหร่”หน้าที่ส่วนนี้มีคนดูแลอยู่แล้ว และทุกคนก็ทำหน้าที่ตัวเองได้เป็นอย่างดีด้วยมีบ้างที่เขาออกมาเดินตรวจตราหรือทักทายลูกค้าซึ่งรู้จักกันเป็นการส่วนตัวคอยสังเกตพฤติกรรมลูกค้าเพื่อนำไปปรับปรุงให้ดีขึ้นๆทว่าก็ไม่ได้ทำทุกวันหรือตลอดเวลา “ส่วนใหญ่อยู่หลังร้านครับ”

                    “เป็นพ่อครัว?”

                    สิญจน์ถึงกับหัวเราะร่วนเมื่อถูกดักคอ มองหน้านวลๆกับสายตาล้อเลียนก็รู้ว่าถูกแกล้งเข้าให้แล้ว

                    “ดูแลพวกบัญชีน่ะครับ”

                    “อ๋อ...”

                    “แล้วคุณอันนาล่ะครับอยู่ที่นี่นานหรือเปล่า”

                    เธอรู้ว่าเขาหมายถึงจังหวัดนี้ไม่ใช่นั่งดื่มในร้านอีกนานไหม

                    “เรื่อยๆ ค่ะ ยังไม่มีกำหนดกลับ”

                    “แล้วได้ไปเที่ยวไหนมาบ้างหรือยังครับเนี่ย”

                    “ยังเลยค่ะ”หญิงสาวส่ายหน้าหวือทันที “ญาติอันนาเขาไม่ค่อยว่าง วันธรรมดาต้องทำงานด้วยค่ะเลยยังไม่มีโอกาสสักที”

                    “อืม...ถ้าไม่รังเกียจผมยังยืนยันคำเดิมนะครับ”

                    แม้หญิงสาวไม่ได้เอ่ยออกมาเป็นคำพูดทว่าท่าทางเลิกคิ้วมองมาอย่างไม่เข้าใจก็ทำให้สิญจน์ต้องอธิบายเพิ่ม

                    “ผมเคยบอกว่าจะเป็นเจ้าบ้านที่ดีไงล่ะครับ”

                    อ๋อ...ครั้งแรกที่เจอกันเขาเคยบอกเธอไว้แบบนี้นี่นะ

                    “เข้าใจแล้วใช่ไหมครับ”ไม่ต้องถามด้วยซ้ำเพราะท่าทางของเธอบอกเขาแบบนั้น

                    “ไงครับ สนใจหรือเปล่า”

                    “อืม...”

                    หญิงสาวนิ่งไปอึดใจทว่าสำหรับคนเคยถูกปฏิเสธมาแล้วครั้งหนึ่งอย่างสิญจน์ก็อดหวั่นใจไม่ได้

                    “มีคนนำเที่ยวก็ดีเหมือนกันค่ะ”

     

                    “ไม่ต้องไปส่งหรอกค่ะหน้าร้านแค่นี้เอง อันนาไม่หลงหรอก...นะ”

                    สิญจน์มองอาการพยักหน้าหงึกๆย้ำหนักถึงความต้องการของตัวเองแล้วส่ายหน้าเบาๆถึงเธอยืนยันแบบนั้นทว่าเขายังอยากยืดเวลาอยู่ด้วยกันต่อสักนิด แม้ห้านาทีก็ยอม

                    “แค่นี้เอง”

                    “โธ่ อย่าลำบากเลยค่ะแค่เลี้ยงเครื่องดื่มก็เกรงใจมากแล้ว”

                    “อย่าเกรงใจเลยครับ ผมเต็มใจ”

                    ความรู้สึกของเขาเธอสัมผัสได้ชัดเจนตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันตรงบาร์เครื่องดื่มเขาแสดงออกอย่างเปิดเผยว่ารู้สึกอย่างไรกระนั้นก็ยังรักษาระยะห่างทำให้เธอหายใจหายคอเพราะหากเป็นเช่นนั้นแล้วมีหวังเธอคงถอยออกมาตั้งหลักแน่ๆ

                    “อันนามาเป็นลูกค้าแท้ๆ”

                    “อย่าคิดมากเลยครับ”ชายหนุ่มดันหลังหญิงสาวเบาๆ ให้ออกเดิน หลังยืนเถียงกันอยู่ตรงหน้าบาร์ตั้งแต่เมื่อครู่“ถือเสียว่าเป็นเวลคัมดริ้ง ต้อนรับสู่จังหวัดนี้อย่างเป็นทางการ”

                    “ได้ค่าจ้างมาเท่าไหร่คะ”

                    “ค่าจ้าง...ค่าอะไรครับ”

                    “ค่าตัวทูตโปรโมทจังหวัดไงคะ”

                    คนได้รับตำแหน่งใหญ่โดยไม่รู้ตัวหัวเราะร่วนเมื่อได้ยินอย่างนั้น

                    “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเงินครับถ้าไม่เต็มใจ ต่อให้ได้เงินมากมายก็ไม่ทำครับ เป็นความต้องการส่วนตัวล้วนๆ”

                    เสียงทุ้มเต็มไปด้วยกระแสอบอุ่นกับความนัยที่สะท้อนออกมาจากหน่วยตาคมทำเอาใจกระตุกวูบ จนนิ่งไปนิดรู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าวและตอนนี้ต้องแดงอยู่แน่ๆ

                    “คุณนี่ ล้อเล่นอยู่เรื่อย” หญิงสาวเสหัวเราะร่วนเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกภายในของตนก่อนหมุนตัวไปประจันหน้ากับเขา การกระทำนั้นเป็นไปอย่างกะทันหันหากคนที่เดินตามหลังมาหยุดไม่ทันคงชนกันไปแล้วกระนั้นความตกใจกับการต้องทรงตัวบนรองเท้าสูงหลายนิ้วก็ทำให้หญิงสาวเสียหลัก

                    “ว้าย”

                    “โอ๊ะ ระวังครับ”

                    ชายหนุ่มยังไม่ทันยื่นมือเข้ามาช่วยด้วยซ้ำตอนอันนารักษาการทรงตัวของตัวเองเอาไว้ได้ก่อนล้มลงไปให้ได้อาย

                    “ระวังหน่อยสิครับ” ชายหนุ่มมองเจ้าของรอยยิ้มเขินๆอย่างอ่อนใจ “เพราะแบบนี้ไงผมถึงต้องออกมาส่งคุณ”

                    ได้ยินแบบนั้นคนซุ่มซ่ามถึงกับค้อนขวับบ่นเสียงอุบอิบ

                    “ถ้าไม่มาส่งก็ไม่เกิดเรื่องแบบนี้หรอก”

                    “ว่าอะไรนะครับ”เขาได้ยินเต็มสองหูเลยว่าประโยคนั้นคืออะไร ทว่าใบหน้าอิ่มที่งอง้ำ ปากยื่นจมูกเชิดก็น่ารักเสียจนอยากแหย่ไม่ได้

                    “เปล่าค่ะ”

                หูดีจริงๆ

                    “แล้วไปครับ”

                    “ถึงหน้าร้านแล้วค่ะแล้วรถอันนาจอดอยู่โน่น”

                    สิญจน์มองตามนิ้วเรียวซึ่งชี้ไปยังด้านหนึ่งของลานจอดรถตรงนั้นมีรถเอสยูวีคันใหญ่จอดอยู่ แม้ค่อนข้างไกลจากหน้าร้านสักหน่อยอยู่เกือบสุดทางแต่มีไฟส่องสว่างไปตลอดทางและมีพนักงานดูแลรถเดินไปมาตรวจตราความเรียบร้อยอยู่ตลอดทว่าเขาก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี

                    “ผมเดินไปส่ง”

                    “คุณสิญจน์คะไม่ต้องไปส่งอันนาหรอกค่ะ จริงๆ นะ อันนาขอร้องเถอะ”เห็นเขาขยับเธอก็รู้ว่ากำลังจะถูกค้านอีกครั้ง จึงรีบตัดบท“หรือว่าร้านคุณไม่ปลอดภัย เลยต้องเดินไปส่งลูกค้าถึงรถแบบนี้”

                    เห็นสายตาแนวแน่ น้ำเสียงเริ่มไม่พอใจกับท่าทางเอาเรื่องนั้นน่ากลัวในระดับลูกแมววัยสองเดือนโก่งตัวขู่คู่ต่อสู้ หากเขาไม่ยอมจริงๆเธอคงทำอะไรไม่ได้ ทว่าสัญญาณเตือนในใจร้องว่าต้องให้พื้นที่ส่วนตัวกับเธอบ้าง

                    เอาน่านายสิญจน์ ยังมีเวลาอีกเยอะไม่ต้องใจร้อนไปหรอก

                    “โอเคครับ ส่งแค่นี้ก็ได้แต่...”

                    “อะไรคะ”

                    “คุณต้องสัญญาก่อนว่าจะรับสายผมไม่หลบหน้ากันเหมือนตอนแรกอีก” โพล่งออกไปแล้วก็รอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ

                    “ตกลงค่ะฉันสัญญาว่าจะไม่ทำเหมือนตอนแรกอีก แต่ไม่รับรองนะคะ” เห็นสีหน้าเขาเปลี่ยนไปนิดเธอจึงรีบอธิบาย “บางทีทำอะไรเพลินๆ อยู่ก็อาจรับช้าแต่ยังไงสัญญาว่าถ้าเห็นสายไม่ได้รับ จะรีบโทรกลับค่ะ”

                    “ตกลงครับ” สิญจน์มองรอยยิ้มขอบคุณที่เธอส่งมาให้อย่างชุ่มชื่นหัวใจทว่าเพียงครู่หนึ่งรอยยิ้มนั้นก็เปลี่ยนเป็นอาการหน้านิ่วคิ้วขมวด “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

                    “ไม่เข้าไปดูร้านหรือคะ”

                    “อ๋อ...” ประโยคนั้นทำให้สิญจน์นึกได้เขาสัญญากับเธอว่าจะส่งตรงนี้ “โอเคครับ ไปจริงๆ แล้วครับ เดินดีๆ นะครับอันนาผมเป็นห่วง”

                    อันนามองคนที่พูดจบก็เดินแกมยิ่งเข้าร้านไปยิ้มๆก่อนเสียงถอนหายใจจะดังขึ้น พร้อมกับศีรษะทุยโคลงเบาๆ อย่างระอา

                    เฮ้อ...


     ------------------------------------------------


                เนื่องจากช่วงนี้หูตูบมาก ต้องเตรียมงานและเตรียมไฟล์เรื่องนี้ส่งเข้าโรงพิมพ์ เพื่อออกมาให้ทันช่วงปลายเดือนมีนาคม เลยไม่ได้มาโพสต์นิยายให้อ่านกันเลย ถ้าใครที่ติดเรื่องนี้ เข้าไปอ่านจากอีกที่ก่อนได้นะคะ เค้าลงไป 20 ตอนแล้ว มาลงมินิมอร์ทีหลัง แบบไล่ไม่ทันเลย (หาลายแทงได้ใน FB Fanpage) ค่ะ

                และช่วงนี้เป็นช่วง Pre-Order กลเล่ห์รักด้วยจ้า ใครเข้าไปอ่านกันยาวๆ แล้วสนใจสั่งได้ตลอดนะคะ สำหรับ 120 ท่านแรกที่โอนเงินก่อน มีชุดที่คั่นและการ์ด SD ตัวละคร (ฝีมือการวาดของน้องเมพหมี ^^) เป็นของพิเศษให้ค่า 

    FB Fanpage : เนตรนภัส

    Twitter : Naitnapas

    (คลิกที่ภาพเพื่อรายละเอียดเพิ่มเติม)




เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in