ภายในบ้านหนึ่งชั้นหลังเล็กแห่งนี้กำลังเกิดความวุ่นวายอยู่ภายใน ทั้งครอบครัวต่างวิ่งวุ่นออกห้องนู้นทีห้องนี้ที ตรวจเช็คสิ่งของครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเดินทางออกจากบ้านเก่าไปยังบ้านหลังใหม่ที่ดีกว่าเดิม
หลังจากที่สมาชิกแต่ละคนตรากตรำทำงานกันมานานหลายปี ก็สามารถซื้อบ้านหลังใหม่ได้สำเร็จ แม้บ้านหลังนี้จะเป็นบ้านที่มีชิ้นส่วนของความทรงจำมากมาย เด็กน้อยทั้งสองที่เติบโตมาภายในบ้านหลังนี้ มื้อเย็นที่นั่งทานพร้อมกันทั้งครอบครัว แม้จะเล็กและแคบ แต่ความอบอุ่นนั้นแผ่ซ่านไปทั่วไม่แพ้ที่ใด
บ้านคือสถานที่ที่เต็มไปด้วยความรัก ความสบายใจ สถานที่ที่เราสามารถทำอะไรก็ได้ เป็นที่พักพิงในยามเหนื่อย นั่นแหละที่เรียกได้ว่าบ้าน
"พี่! เก็บของเสร็จยัง!" เสียงตะโกนจากน้องชายทะลุกำแพงห้องมาถึงบุคคลที่อยู่อีกฝั่งของกำแพง หญิงสาวที่นั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น ค้นหาของจำเป็นที่จะนำติดไปด้วยในกล่องใบหนึ่ง
"รู้แล้วน่า!"
เธอส่งเสียงที่ดังไม่แพ้กันตอบกลับไป มือทั้งสองก็สาละวนอยู่กับการค้นหาสิ่งของภายในกล่องที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะเจอเสียทีใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ๆจึงจะหาเจอ ตุ๊กตากระดาษที่มีอายุมากกว่าสิบปี ทั้งที่เก่าจนหมึกพิมพ์ลายบนตัวตุ๊กตาจางไปหมด ทั้งที่กระดาษเปื่อยยุ่ยพร้อมจะขาดได้ทุกเมื่อ พร้อมที่จะโยนลงถังขยะได้ตลอดเวลา แต่เธอก็ยังคงเก็บไว้ราวกับว่าเป็นของสำคัญที่ชวนให้หวนนึกถึงเรื่องราวเมื่ออดีต ตอนที่ตนเองยังเป็นเด็กน้อยตัวเล็ก วิ่งเล่นไปทั่วบ้าน ส่งเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวแบบไม่เกรงใจใครจนโดนดุอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้หลาบจำเอาเสียเลย
"หนูเป็นพี่ ต้องดูแลน้องดีๆสิ" เสียงอ่อนอกอ่อนใจถูกส่งไปให้เด็กสาวตัวน้อยโดยตรง เธอแกล้งน้องจนร้องไห้อีกครั้งหนึ่ง เป็นเด็กผู้ชายต้องเข้มแข็งไม่ใช่รึไงกัน! ทำไมน้องชายของเธอถึงขี้แยแบบนี้ได้
"...หนูไม่ได้ทำ" เด็กซนอันดับหนึ่งแก้ตัวเสียงขุ่น เธอไม่ได้ทำอะไรมากมายเลย แค่แอบไปบอกน้องว่าคุณพ่อคุณแม่เก็บเธอมาจากใต้สะพานเท่านั้น แค่นั้นเองจริงๆ
"ไม่ได้นะ หนูต้องไปขอโทษน้อง"
"ไม่เอา!" ปฏิเสธไปในทันที เด็กน้อยที่หยิ่งผยองในตัวเอง ไม่ยอมลดตัวลงไปขอโทษเจ้าเด็กขี้แยนั่นง่ายๆหรอกน่า! แต่เมื่อเจอกับสายตาดุๆที่จ้องมองมาจากคุณพ่อแล้ว เธอก็หดคอลงไปด้วยความกลัว พยักหน้าน้อยๆอย่างจำยอม แต่จะให้ไปขอโทษเลยก็ออกจะเสียฟอร์ม ด้วยภาพลักษณ์ของพี่สาวผู้เข้มแข็งแล้วจะทำยังไงดีนะ สมองน้อยๆของเธอหมุนเร็วจี๋ แต่ก็คิดไม่ออกเสียที
ในวันต่อมา เธอต้องไปที่ร้านขายของชำเพื่อตามหาของขวัญที่จะเอามาขอโทษน้องชาย ไม่อยากจะบอกเลยว่านอนคิดอยู่ตั้งนานกว่าจะได้ไอเดียนี้มา สายตาไล่ไปตามของที่วางขายอยู่ช้าๆ ไม่เห็นจะมีอะไรที่พอเข้าตาเธอซักอย่างเลย จะนั่นก็ไม่ดี นี่ก็ไม่ได้ ไม่มีของเล่นอันไหนเหมาะเลย เมื่อมาถึงส่วนสุดท้ายของแผงวางของเล่น ก็มีแผงตุ๊กตากระดาษห้อยอยู่ สุดท้ายคนฟอร์มจัดก็พ่ายแพ้กับความน่ารัก ลายพิมพ์ตัวการ์ตูนสวยงามกับชุดหลากหลายสีสันนั้นดึงดูดใจเด็กน้อยไปแล้ว
หลังจากที่ซื้อของเสร็จเรียบร้อยก็รีบวิ่งกลับมาบ้าน ภายในนัยน์ตาคู่นั้นมีประกายของความตื่นเต้นที่จะได้ลองเล่นของเล่นใหม่
เหมือนว่าเธอจะลืมอะไรซักอย่างไป..เธอลืมขอโทษน้องชาย ก็เพิ่งนึกได้ตอนที่เด็กชายตัวจ้อยมาเกาะขอบประตูมอง พี่สาวดูจะสนุกกับการเล่นตุ๊กตากระดาษ แต่ตัวเขาก็ไม่กล้าเข้าไปทัก เดี๋ยวจะโดนแกล้งอะไรแปลกๆอีก
"มาเล่นด้วยกันมั้ย"
แค่ประโยคคำชวนประโยคเดียวที่ออกจากปากของเธออย่างไม่รู้ตัว ทำให้ทั้งสองกลับมาคืนดีกันได้อีกครั้งหนึ่ง
"พี่!"
เสียงตะโกนดังขึ้นขัดคนที่กำลังย้อนความทรงจำไปถึงวัยเด็ก ตุ๊กตากระดาษที่เป็นตัวเชื่อมสัมพันธ์ของทั้งสองคนเอาไว้ด้วยกันในวันนั้น เธอรีบเก็บของทั้งหมดลงกล่องให้เรียบร้อย ก่อนจะปิดผนึกกล่องด้วยเทปกาวแล้วถือออกมาให้น้องชายที่ยืนกอดอกรออยู่
"รีบจริงๆนะแกเนี่ย" อดที่จะบ่นใส่ไม่ได้ แต่ก็เผยรอยยิ้มออกมาอีกครั้งเมื่อหวนนึกถึงความทรงจำที่อยู่ภายในบ้านหลังนี้ มีมากมายเสียจนนับไม่หวาดไม่ไหว
..ความทรงจำที่อยู่ในสิ่งของ ทำให้ของสิ่งนั้นเป็นของสำคัญและล้ำค่า..
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in