ดูเผินๆ สำหรับสิ่งมีชีวิตที่มีเวลาชั่วนิรันดร์ นาฬิกาปลุกนั้นถือเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ฟุ่มเฟือยไม่น้อย
แต่ก่อนอื่น ให้ผมเรียกเผ่าพันธุ์ตัวเองว่าสิ่งมีชีวิตก็ดูไม่ถูกต้องนัก เนื่องจากพวกเราไม่มีชีวิตในทางเทคนิค ด้วยเหตุนั้นจึงไม่มีวันตายอย่างคนธรรมดาสามัญและครอบครองเวลาตลอดกาลนั่นไปโดยปริยาย ในแง่นี้เราคล้ายจะเป็นอิสระจากเข็มนาฬิกาที่เดินไปข้างหน้าไม่หยุดหย่อน ช่างเป็นสวรรค์ของคนเรื่อยๆ เอื่อยๆ โดยแท้ แต่กรณีของผมอาจผิดแผกไปจากอุดมคติที่ว่าอยู่สักหน่อย กล่าวคือ ผมเป็นแวมไพร์ที่ตื่นมากดปิดนาฬิกาปลุกที่จะดังแสบแก้วหูทุกหกโมงเย็น จากนั้นก็ต้องกระวีกระวาดอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปเข้ากะให้ทันตอนหนึ่งทุ่ม ณ ร้านกาแฟซึ่งอยู่ห่างออกไปสองสถานี
คำถาม: แวมไพร์ต้องออกไปทำงานด้วยหรือ
คำตอบ: ไม่ต้องหรอก ไอ้ผมมันชอบหาเรื่องเอง
เงินทองไม่ใช่ปัญหาเพราะพวกเราส่วนใหญ่รู้จักเก็บหอมรอมริบมาทุกยุคทุกสมัย ช่วงแรกอาจลำบากลำบนสักหน่อย แต่พอเห็นลู่ทางกอบโกยก็ร่ำรวยได้ไม่ยาก หากไม่ได้รับการอุปถัมภ์จากแวมไพร์รุ่นพี่ที่ขึ้นชื่อเรื่องปอกลอกเศรษฐีหม้ายหรือเชื้อพระวงศ์ พวกเราก็หยิบฉวยเอาจากสงคราม การเสี่ยงโชค หรือแม้แต่การปล้นสะดมในยามชุลมุน จากที่โน้นไปที่นี้ ผ่านไปศตวรรษแล้วศตวรรษเล่า รู้ตัวอีกทีตู้นิรภัยและบัญชีในธนาคารสวิสก็อัดแน่นด้วยทองคำ เพชรพลอย และพันธบัตรต่างๆ นานา บ้างก็มีหุ้นในบริษัทใหญ่เสียอื้อซ่าจนต้องไหว้วานญาติมิตรมาแบ่งไปไม่ให้น่าสงสัย เรามีเครือข่ายทุนซับซ้อนเหมือนตัวร้ายในหนังฮอลลีวู้ดและบางคนสนุกกับบทตัวร้ายแบบฮอลลีวู้ดจริงๆ เสียด้วย แต่อย่างที่บอกไปว่าผมมันนอกคอก ถ้าไม่นับบัญชีธนาคารเก่าแก่ที่ต้องเนียนๆ บอกผู้ดูแลว่าเป็นทายาทผู้ถือกุญแจรุ่นที่สิบกว่า ผมก็ถือว่าเป็นแวมไพร์ตัวเปล่าผู้ใช้ชีวิตตามนาฬิกาปลุกอย่างแท้จริง
ผมชอบที่เสียงน่ารำคาญใจนั่นสามารถหยุดยั้งอนาคตได้ในพริบตา ไม่มากไม่น้อยกว่าสิบนาที ยี่สิบนาที หรือครึ่งชั่วโมงเวลาที่นึกขี้เกียจ สิ่งที่ผมสัมผัสได้มีเพียงปัจจุบัน อันประกอบไปด้วยการพับผ้าห่ม ปลดทุกข์ ล้างหน้า มองเงาสะท้อนเฉื่อยชาจ้องกลับมาสักพัก (อย่าให้ใครหลอกว่าแวมไพร์ไม่มีเงา คนเขาแต่งนิยายเอาไว้ให้ตัวเอกที่ตาถั่วแยกแยะได้เฉยๆ ) จากนั้นค่อยอาบน้ำฝักบัวเย็นเฉียบให้สดชื่น พอแต่งตัวเสร็จก็ให้อาหารแมวกับเต่าบกก่อนจะออกไปทำงานด้วยรถไฟใต้ดิน เพื่อนคนหนึ่งที่ผูกขาดธุรกิจเลือดสังเคราะห์และส่งของให้ผมเป็นประจำเคยบอกว่าไม่เข้าใจกิจวัตรประจำวันที่เป็นมนุษย์มนาของผมสักนิด หมอนั่นมีปราสาทหลังงามที่ฝรั่งเศสและชอบขลุกอยู่ในห้องเก็บไวน์ ในความคิดผม เขาแค่ยังไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกของตัวเองก็เท่านั้น
ร้านกาแฟ 24 ชั่วโมงซึ่งเป็นที่ทำงานของผมไม่ได้ใหญ่โตโอ่อ่าอะไร อันที่จริงน่าสงสัยด้วยซ้ำว่าย่านเงียบสงบของเมืองขนาดกลางติดภูเขาแห่งนี้จะต้องการร้านที่เปิดทั้งวันทั้งคืนไปทำไม พนักงานกะดึกมีแค่ผมกับเค. เด็กสาวที่เรียนวิทยาลัยท้องถิ่น มองปราดเดียวก็รู้ว่ามาทำงานนี้เพราะอยากหาที่อ่านหนังสือและดื่มกาแฟฟรีไม่อั้น วันไหนที่เธอไม่มาจึงเท่ากับว่าเหลือผมเพียงคนเดียว เจ้าของร้านซึ่งเป็นผู้หญิงวัยสี่สิบต้นๆ คิดว่าไม่จำเป็นต้องจ้างใครเพิ่มเพราะวันธรรมดาลูกค้าไม่เยอะ บอกตามตรง ผมคิดว่าเธอน่าจะเปิดร้านเพื่อช่วยฟอกเงินให้สามี
ในแต่ละวันผมจะชงกาแฟ ชงชา ช็อกโกแลต ชาเขียว หรืออุ่นนมร้อนอยู่หลังเคาน์เตอร์ ปล่อยให้เค.เป็นคนรับออเดอร์และคิดเงินลูกค้า พอทำเสร็จแล้วก็กดกริ่งทีสองทีให้คนมารับ แม้จะเป็นร้านเล็กในเมืองไม่ใหญ่ แต่โอกาสที่คนรู้จักจากเมื่อหลายสิบปีจะพลัดหลงเข้ามาในฤดูท่องเที่ยวก็มีอยู่ สมัยทำงานร้านสะดวกซื้อ ผมเคยเจอผู้ชายที่ยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่าเคยจูบกับผมสมัยฟุตบอลโลกเมื่อปีมะโว้ โชคดีไปที่เพื่อนฝูงเขาบอกว่าตานี่มักหลงๆ ลืมๆ แน่ล่ะ เขาแก่งั่กแล้วนี่ แต่อย่างไรเสียแวมไพร์ที่หน้าตาไม่น่าเกินยี่สิบห้าอย่างผมก็ไม่อยากย้ายถิ่นที่อยู่บ่อยๆ หากยังไม่ถึงเจ็ดแปดปี ตอนนี้เพิ่งผ่านไปหกเดือน ถ้าเป็นไปได้ผมขอหันหลังให้ใครต่อใครเพื่อความปลอดภัยดีกว่า คุณอาจนึกสงสัยว่าผมจะลำบากออกมาข้างนอกเปล่าๆ ทำไม คืออย่างนี้ครับ ผมชอบอยู่ในที่ที่มีคน แต่ว่าไม่ได้ชอบคนเป็นพิเศษเท่าไร
กะของผมสิ้นสุดลงตอนตีห้าครึ่ง ดังนั้นสักตีห้า ผมจะเก็บภาชนะทุกอย่างไปล้างให้เสร็จก่อนเวลาเลิกงาน ไม่ว่าพนักงานกะต่อมาจะมาถึงร้านแล้วหรือไม่ เมื่อนาฬิกาข้อมือดิจิทัลส่งสัญญาณเตือน ผมจะถอดผ้ากันเปื้อนแล้วเผ่นแน่บทันที เค.เคยบ่นอ้อมๆ ว่าผมอยู่นานอีกสักนิดก็ไม่ได้ เธอไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดผมถึงรีบกลับบ้านก่อนเวลาเช้ามาเยือนและไม่ค่อยได้เดินไปเป็นเพื่อนเธอที่ป้ายรถเมล์ แต่เพราะผมเป็นแวมไพร์ แสงแดดยามเช้าจึงทำให้คันยุบยิบน่าหงุดหงิดใจ ส่วนรถไฟในชั่วโมงเร่งด่วนก็แน่นเอี๊ยดในระดับที่คอขาวๆ ของมนุษย์เป็นอันตรายต่อกระเพาะของผีดูดเลือดที่เพิ่งเลิกงาน ฉะนั้นผมจำต้องแข่งกับเวลา โชคดีหน่อยที่ฤดูหนาวที่ใกล้เข้ามายืดเวลากลางคืนไปได้อีกหน่อย
หลังจากดื่มเลือดสังเคราะห์ เล่นกับเต่า และให้อาหารแมวอีกรอบ ผมจะไล่หาอะไรดูในเน็ตฟลิกซ์ไปเรื่อยๆ จนล้มเลิกไปเองและเข้านอน หากวันไหนครึ้มใจหน่อยก็อาจฟัง Chet Baker แล้วนึกถึงหนุ่มสาวหน้าใสที่เคยเจอในบาร์สมัยเป็นบาร์เทนเดอร์ แต่ผมไม่ได้อาลัยอาวรณ์หรอกนะ กลางวันคือช่วงเวลาแห่งการหลับใหลและลืมเลือนไปชั่วครู่ แจ้งให้ทราบอีกอย่าง พวกเราไม่ได้นอนในโลงด้วย
จากนั้นคุณคงพอรู้ว่าเป็นอย่างไรต่อจากย่อหน้าแรก เพียงแต่ว่าสำหรับผม มันเป็นความประดักประเดิดที่งดงามเช่นเดียวกับความจำเป็นอย่างยิ่งยวด
นาฬิกาปลุกแผดเสียงดังสนั่น และวันของผมก็เริ่มขึ้นอีกหน
you can buy (donate) คุณแวมไพร์ a coffee anytime
on
รู้สึกขอบคุณคุณกิ๊ฟและเรื่องราวของพวกเขามาก ๆ ครับ เลยทำให้ตัดสินใจว่าอยากจะเขียนขอบคุณครับ (ปกติเป็นนักอ่านเงาครับ เพราะรู้สึกเขินๆ นิดหน่อยเวลาเขียนคุยกันคนที่ไม่รู้จักในชีวิตจริงผ่านโลกออนไลน์ครับ)
-
จริงๆ ผมอยากใช้ชีวิตแบบลุงๆ เหมือนอย่างคุณแวมไพร์มากเลยครับ แต่ติดอยู่ที่เงินไม่ค่อยอำนวยเท่าไหร่ เลยได้แต่ทำงานไปวันๆ ตั้งคำถามกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมาเกี่ยวกับชีวิตแต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ ข้างในค่อนข้างวุ่นวายไม่ค่อยสงบเท่าไหร่ อยากจะก้าวไปข้างหน้าแต่ก็เหมือนโดนบล็อคด้วยอะไรบางอย่าง ก็เลยได้แต่อยู่แบบนี้เป็นวัฎจักรที่ยังหาทางออกไม่เจอ (กลายเป็นว่ามาบ่นยาวเลยแหะ)
แต่ว่าเวลาอ่านงานคุณกิ๊ฟใจผมจะรู้สึกสงบเป็นพิเศษ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมครับ
ขอบคุณอีกรอบนะครับ : )