เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
lazy watchingmynkdontbelazy
[SPOILER ALERT!] Review : Secret Forest (2017)

  • [Review : Series] Secret Forest 



    I - the expectation

    บอกก่อนเลยว่าเราตั้งหน้าตั้งตารอซีรีส์เรื่องนี้ตั้งแต่มีประกาศออกมาว่า 
    tvN จะทำซีรีส์แนวการเมือง - อัยการ ที่มีนักแสดงนำคือโจซึงวูและแบดูนา
    จบ! แยก! ไม่ต้องทำอะไรมันแล้ว นั่งรอวันออนแอร์อย่างเดียวเท่านั้นค่ะ!

    ความคาดหวังสำหรับตัวซีรีส์ก็สูงลิ่ว 
    แม้ว่าผลงานที่ผ่านมาของผู้กำกับและคนเขียนบท
    เราจะไม่เคยผ่านมาก่อนเลยก็ตาม 
    แต่เราเชื่อมั่นว่า ถ้ามันสามารถทำให้สองคนที่เป็นเบอร์ต้นของเกาหลี
    มารับซีรีส์พร้อมกันได้ แสดงว่ามันต้องไม่ธรรมดาระดับที่ไม่ธรรมดา!

    -

    II - the noir

    ตั้งแต่ตอนแรก ซีรีส์สร้างบรรยากาศเหมือนหนังฮ่องกงสีเทาๆ 
    ที่มักจะจัดแสงให้ทุกอย่างหม่นเศร้าตลอดเวลา
    กลิ่นอายที่คละคลุ้งมาตั้งแต่ต้นเรื่องคือความเครียดและความหม่นเทา
    ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยความตึงเครียด

    ผู้กำกับเก่งในเรื่องการสร้างบรรยากาศที่ไม่น่าไว้วางใจ แถมยังจังหวะดีมาก
    ข้อมูลที่ส่งผลให้เรื่องขับเคลื่อนมาในจังหวะที่พอเหมาะพอดี
    ทำให้เรื่องเดินตลอด คนดูจึงรู้สึกว่าอยากจะรู้ตอนต่อไป
    เดาทุกอย่างไว้ในใจ แล้วถูกแหกโค้งใส่จนหัวใจยับเยิน
    และแอบสบถด้วยความทึ่งในใจว่าคนเขียนบทนี่เก่งจริงๆ!

    เป็นซีรีส์ที่เสียงน้อย ถึงขั้นเงียบ เราจะได้ยินเสียง bgm และ ost. น้อยมาก
    มาไม่บ่อย ผู้กำกับเลือกเน้นบรรยากาศ โฟกัสไปที่บทสนทนาที่มีค่อนข้างเยอะ
    แต่ละคำพูดนั้นเชือดเฉือนและชาญฉลาด ซ่อนนัยยะ 
    และบรรจุข้อมูล อันเป็น clue ของเรื่องเอาไว้เยอะมาก (!) 

    จะขอยกตัวอย่างบทสนทนาที่ชอบที่สุดของเรื่อง
    คือฉากบนโต๊ะอาหารในตอนที่ 9 ที่ภรรยาของเลขาธิการคิม
    เชิญทีมสอบสวนพิเศษมากินข้าวเย็นที่บ้าน
    บทสนทนาระหว่างคุณนายอี และ ผู้หมวดฮัน 
    กับ บทสนทนาระหว่างอัยการฮวัง และ ท่านอี
    เป็นอะไรที่ "ไม่ต้องข้าว ก็จุกแล้ว" คือมันน้อยแต่มาก
    และไปสุดมาก สัญลักษณ์เยอะไปหมด ทุกการขยับคิ้วมีความหมาย

    "ฉันก็ชอบผู้หญิงสวยๆ นะคะ"
    "หมายความว่ายังไงคะ"
    "เขาว่ากันว่าผู้หญิงสวยๆ คือศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดเลยนะ"
    "ผู้หญิงที่เห็นด้วยกับคำพูดพวกนั้น 
    คงมักจะปฏิบัติต่อผู้หญิงคนอื่นเหมือนศัตรูเสมอไม่ใช่หรอคะ"

    ถ้าใครดูมาตลอด และเข้าใจในความต่างของคาแรคเตอร์ทั้งสองคน
    จะอินและรู้สึกว่า กรี๊ดดดดด นี่มันยิ่งกว่าการหยิบมีดมาแทงกันอี้ก!
    มันตึงเครียด แฝงความหมาย และบ่งบอกถึงวัฒนธรรมในสังคมไว้เยอะมาก

    อีกบทสนทนาที่ชอบมาก คือบทสนทนาระหว่างลูกชายของลูกชายกับฆาตกร

    "การได้ฆ่าพ่อผม ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นหรือเปล่าครับ"
    "ผมได้ยินว่าคุณเสียลูกเพราะอุบัติเหตุ 
    ผมเสียพ่อเพราะคุณ พอใจมั้ยครับ
    คุณได้ทำตามใจปรารถนาทุกอย่างหรือเปล่าครับ"

    การร้องไห้อย่างหนักหน่วงของฆาตกร
    การแสดงของเขา (อีคยูฮยอง) ทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ
    นี่คือผลที่เขาได้รับ เขาต้องตายทั้งเป็นกับคำถามที่ว่า

    "การที่คุณได้ฆ่าพ่อผม ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นหรือเปล่า"

    -

    III - the perfect ingredients

    เราเชื่อเสมอว่าซีรีส์ที่ดี ต้องเกิดจากบทที่ดี
    และ Secret Forest คือซีรีส์ที่สมบูรณ์แบบโดยมีพื้นฐานมาจากบทที่แข็งแกร่ง

    การเล่าเรื่องอย่างมีที่มาที่ไป สมเหตุสมผล หนักแน่นและตอบได้ทุกคำถาม
    เป็นซีรีส์ที่ตัวเอกแสดงอภินิหารน้อยมาก แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นจากเหตุการณ์
    ที่ถูกวางมาอย่างแนบเนียน และไต่ระดับพาเราให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ
    โดยที่พอถึงจุดๆ หนึ่งที่เราคิดว่ายืนได้ ก็กลับทำให้เราร่วงลงมา
    แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ร่วงลงมาบนพื้นที่ทำให้เราเห็นว่า 
    อ๋อ จริงๆ แล้วตรงที่เราคิดว่าเห็น นั่นมันไม่ใช่ ของจริงอยู่ตรงนี้ต่างหาก
    เป็นความคลาสสิคและมีชั้นเชิงของบทที่ได้ผู้กำกับที่เข้าขา
    สามารถถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ในบทให้ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบได้

    ในส่วนของการกำกับ เราชอบตั้งแต่ที่ผู้กำกับเลือกให้ภาพมีสีหม่นเทา
    บางครั้งในเรื่องของงานภาพมาช่วยขับเน้นอารมณ์ของตัวละคร

    อีกอย่าที่เราชอบมากสำหรับเรื่องนี้คือการที่ซีรีส์นั้นค่อนข้างเงียบ
    ทำให้เราสามารถโฟกัสกับสาส์นที่อยู่ในบทสนทนาและทำให้เรา
    มองทุกการเคลื่อนไหวของตัวละคร ทุกสีหน้า แววตา ท่าทาง
    การขยับตัว ภาษากายมีความหมายทั้งหมด
    ซึ่งในจุดนี้ต้องอาศัยนักแสดงที่เก่ง
    ที่จะสามารถเล่าในสิ่งที่ไม่ต้องพูดออกมาให้ได้หมด
    ซึ่งนี่คืออีกหนึ่งส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้สมบูรณ์แบบ
    นั้นคือนักแสดงตั้งแต่ตัวประกอบ บทสมทบ ไปจนถึงตัวแสดงหลัก
    ทุกคนทำหน้าที่ได้อย่างน่าชื่นชมและทรงพลังมาก




    เมื่อมีทุกอย่างรวมกัน และในทุกส่วน บท การกำกับ การแสดง
    ทำหน้าที่ของมันได้อย่างดีเยี่ยม จึงไปต้องแปลกใจเลยค่ะ
    ว่าทำไมเราถึงอวย Secret Forest ในทุกบรรทัดแบบนี้

    -

    IV - the emotionless 

    สิ่งที่ทำให้ Secret Forest เป็นซีรีส์แนวการเมือง - อัยการ และ สืบสวนสอบสวน
    ที่แตกต่างไปจากซีรีส์เกาหลีเรื่องอื่น คือ ฮวังชีมก หรือ พระเอกของเรานั่นเอง

    แน่นอนว่าพระเอกทุกเรื่องออกมาผดุงความยุติธรรมเพราะเหตุผลต่างๆ กันไป
    เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้ตนเองหรือครอบครัว เพราะปมในใจ
    เพื่อให้พ้นผิดหรือเพื่อพิสูจน์ความจริง หรือเพราะความเป็นฮีโร่ที่เห็นสิ่งที่ผิดไม่ได้
    แต่ 'อัยการฮวัง' ต่างไปจากทุกข้อที่เคยมีมา เหตุผลเบื้องหลังของเขา
    คือ 'การทำตามหน้าที่' ล้วนๆ โดยไม่มี 'ความรู้สึก' มาผสม

    ตั้งแต่เปิดเรื่องทุกคนจะได้รู้ว่าอัยการฮวังในวัยเด็กนั้นมีปัญหาทางสมอง
    จนทำให้ต้องตัดเส้นประสาทบางอย่างออกไป ซึ่งผลกระทบของการผ่าตัด
    ทำให้เขาอาจจะเกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรง และอาจทำให้เขาอยู่ในสถานะ 
    'ไร้ความรู้สึก'

    เพราะฉะนั้นทุกการกระทำของเขา ขึ้นอยู่กับหน้าที่ที่เขาได้รับในฐานะอัยการ
    ไร้ซึ่งการต่อต้าน โวยวายอย่างโจ่งแจ้ง เขาก้มหัวยอมรับ พูดคำว่าขอโทษ
    และปฏิเสธกับสิ่งที่เขาเห็นว่ามันถูกต้องและสมควรจะทำเท่านั้น
    เพราะฉะนั้นจะหมดปัญหาเรื่องความ agnorant แบบพระเอก
    (ที่ถ้าเอาความเลวไปใส่ปุ๊บ มันจะกลายเป็นน่าโดดถีบปากทันที)

    ทุกอย่างที่พระเอกทำมันจึงสมเหตุสมผล แปลกใหม่ และน่าสนใจ

    -

    V - the conclusion

    เราชอบช่วงตอนที่ 12-14 มาก รู้สึกว่าซีรีส์ช่วงนี้สนุกที่สุดเลย
    เพราะเป็นช่วงที่ซีรีส์เก็บข้อมูลได้มากประมาณหนึ่ง ตัวละครทุกตัวออกครบ
    และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นก็บีบหัวใจและเร็วมาก 
    อีกอย่างที่สำคัญมากคือเราเริ่มผูกพันกับตัวละครแล้วด้วย

    จากการดูมาทั้งหมด Secret Forest เล่าถึงปัญหาระดับสังคมในประเด็นที่ใหญ่
    แต่เล่นได้ละเอียด บอกเล่าถึงเป็นการจับวางเรื่องความเป็นความตายของคนอื่น
    ในมือของคนที่มีอำนาจ ความเหลื่อมล้ำทางสังคม ความโลภของมนุษย์
    การใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบของผู้มีอำนาจในสังคม
    ซึ่งแน่นอนว่าประเด็นเหล่านี้สะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมเกาหลี
    (ซึ่งบทความจากกุกมินอิลโบยืนยันว่า Secret Forest ถูกวางแผนสร้าง
    หลังจากเหตุการณ์คอรัปชั่นอันเกี่ยวเนื่องกับชเวซุนชิลด้วย)
    ซึ่งเป็นการสะท้อนว่าวงการบันเทิงของเกาหลีเปิดกว้างด้าน content แค่ไหน

    เราชอบบทสรุปของเรื่องและเหตุผลเบื้องหลังการกระทำของตัวร้ายด้วย
    เราได้เห็นการกระทำ ต้นเหตุของการกระทำ และสิ่งที่เขาได้รับจากการกระทำนั้นๆ
    ทุกอย่างมันเกี่ยวพันและส่งผลโยงใยเป็นทอดๆ 
    มันทำให้เราทึ่งกับการวางแผนโครงเรื่องและตัวละครของคนเขียนบทมากๆ

    เพราะ "คนเราไม่มีใครเป็นอสูรใจร้ายหรือนางฟ้าใจดีโดยสมบูรณ์แบบ"
    อย่างที่จ่าคิมพูดเอาไว้ในเรื่องจริงๆ

    แม้จะเป็นบทสรุป แต่ก็ยังไม่ทำให้เราหยุดตั้งคำถาม
    คนโง่? ข้ออ้าง? คนร้าย? ผู้เสียสละ?
    สุดท้ายแล้วเราจะนิยามและให้ค่ากับเขาอย่างไร
    มันเป็นคำถามที่น่าสนใจมาก และมีคนคนหนึ่งตอบเอาไว้ได้ดีทีเดียว

    "เขาคืออสูรกายครับ เขาฆ่าคน
    เขาอาจจะคิดว่ามันเป็นการเสียสละสิ่งเล็กน้อย
    เพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า แต่ผมไม่เคยคิดว่าเราสามารถวัด
    คุณค่าชีวิตของคนให้น้อยกว่าชีวิตของคนอื่นได้
    เขาหลอกตัวเองให้คิดเขามีสิทธิที่จะลงโทษพวกคนเลว
    เขาคืออสูรกายที่ถูกหล่อหลอมขึ้นมาด้วยเวลาครับ"

    -

    สุดท้ายแล้ว ความว้าวของ Secret Forest ไม่ได้อยู่ที่การเฉลยหลักฐาน
    หรือโชว์ความเก่งกาจของพระเอกที่สามารถเปิดโปงทุกอย่างได้อย่างแยบยล
    แต่เป็นการที่เรื่องราวไต้ระดับขึ้นเรื่อยๆ แต่ละก้าวนั้นมั่นคงและเชื่องช้า
    แต่มันพาเราสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ด้วยวิธีการที่ทำธรรมดา ผ่านบทสนทนา
    และการแสดงซ่อนนัยยะ ซึ่งเบื้องหลังคือการที่คนเขียนบทวางแผนมาอย่างดีเยี่ยม
    ผู้กำกับเข้าใจและเลือกวิธีการสื่อสารออกมาได้อย่างมีชั้นเชิง และนักแสดงทุกคน
    ที่สามารถ deliver ทุกอย่างออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

    จะต้องรออีกนานมั้ย กว่าจะมีซีรีส์ดีๆ แบบนี้ออกมาให้ดูอีก *ปิดหน้าร้องไห้*
    แม้ตอนจบของเรื่องจะจบแบบเปิดและมีหนทางให้มีซีซันต่อไปได้อีก
    แต่เราไม่อยากคาดหวัง แม้ว่าจะอยากให้มีเรื่องต่อไปเพราะติดใจการเล่าเรื่องแบบนี้
    เรารักตัวละครทุกตัว เรารู้ว่ามันยังสืบให้ลึกและไปต่ออีกได้ (จากเส้นเรื่องเดิม)
    และเราอยากเห็นอัยการฮวังกับผู้หมวดฮันอีก (ที่เราจิ้นไปล่วงหน้าแล้วว่า
    สองคนนี้ คนที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว แต่เติมเต็มกันได้แน่ๆ!) เรื่องคงจะสนุกแน่ๆ
    ถ้าสองคนนี้คบกัน แล้วเราจะได้เห็นบทหวานๆ ของคนซึน 
    หรือปัญหาของคนที่ต่างกันมากๆ แล้วต้องมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
    จิ้นไปเหอะ! แต่จะไม่คาดหวังนะ แต่ถ้าได้ทำต่อ (ด้วยแคสต์เดิม) มันจะเป็นอะไรที่ดีมาก

    เอาล่ะ! พูดมามากแล้ว สุดท้ายนี้เราอยากจะบอกว่านี่คือซีรีส์ที่ยอดเยี่ยมเรื่องหนึ่ง
    ที่ไม่อยากให้พลาด ไม่ได้บังคับให้ดู แต่จะบอกว่าถ้าได้ดูคุณจะไม่มีวันเสียใจ!


    /

    twitter : @mynkdontbelazy

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in