I - the expectation
บอกก่อนเลยว่าเราตั้งหน้าตั้งตารอซีรีส์เรื่องนี้ตั้งแต่มีประกาศออกมาว่า
tvN จะทำซีรีส์แนวการเมือง - อัยการ ที่มีนักแสดงนำคือโจซึงวูและแบดูนา
จบ! แยก! ไม่ต้องทำอะไรมันแล้ว นั่งรอวันออนแอร์อย่างเดียวเท่านั้นค่ะ!
ความคาดหวังสำหรับตัวซีรีส์ก็สูงลิ่ว
แม้ว่าผลงานที่ผ่านมาของผู้กำกับและคนเขียนบท
เราจะไม่เคยผ่านมาก่อนเลยก็ตาม
แต่เราเชื่อมั่นว่า ถ้ามันสามารถทำให้สองคนที่เป็นเบอร์ต้นของเกาหลี
มารับซีรีส์พร้อมกันได้ แสดงว่ามันต้องไม่ธรรมดาระดับที่ไม่ธรรมดา!
-
II - the noir
ตั้งแต่ตอนแรก ซีรีส์สร้างบรรยากาศเหมือนหนังฮ่องกงสีเทาๆ
ที่มักจะจัดแสงให้ทุกอย่างหม่นเศร้าตลอดเวลา
กลิ่นอายที่คละคลุ้งมาตั้งแต่ต้นเรื่องคือความเครียดและความหม่นเทา
ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยความตึงเครียด
ผู้กำกับเก่งในเรื่องการสร้างบรรยากาศที่ไม่น่าไว้วางใจ แถมยังจังหวะดีมาก
ข้อมูลที่ส่งผลให้เรื่องขับเคลื่อนมาในจังหวะที่พอเหมาะพอดี
ทำให้เรื่องเดินตลอด คนดูจึงรู้สึกว่าอยากจะรู้ตอนต่อไป
เดาทุกอย่างไว้ในใจ แล้วถูกแหกโค้งใส่จนหัวใจยับเยิน
และแอบสบถด้วยความทึ่งในใจว่าคนเขียนบทนี่เก่งจริงๆ!
เป็นซีรีส์ที่เสียงน้อย ถึงขั้นเงียบ เราจะได้ยินเสียง bgm และ ost. น้อยมาก
มาไม่บ่อย ผู้กำกับเลือกเน้นบรรยากาศ โฟกัสไปที่บทสนทนาที่มีค่อนข้างเยอะ
แต่ละคำพูดนั้นเชือดเฉือนและชาญฉลาด ซ่อนนัยยะ
และบรรจุข้อมูล อันเป็น clue ของเรื่องเอาไว้เยอะมาก (!)
จะขอยกตัวอย่างบทสนทนาที่ชอบที่สุดของเรื่อง
คือฉากบนโต๊ะอาหารในตอนที่ 9 ที่ภรรยาของเลขาธิการคิม
เชิญทีมสอบสวนพิเศษมากินข้าวเย็นที่บ้าน
บทสนทนาระหว่างคุณนายอี และ ผู้หมวดฮัน
กับ บทสนทนาระหว่างอัยการฮวัง และ ท่านอี
เป็นอะไรที่ "ไม่ต้องข้าว ก็จุกแล้ว" คือมันน้อยแต่มาก
และไปสุดมาก สัญลักษณ์เยอะไปหมด ทุกการขยับคิ้วมีความหมาย
"ฉันก็ชอบผู้หญิงสวยๆ นะคะ"
"หมายความว่ายังไงคะ"
"เขาว่ากันว่าผู้หญิงสวยๆ คือศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดเลยนะ"
"ผู้หญิงที่เห็นด้วยกับคำพูดพวกนั้น
คงมักจะปฏิบัติต่อผู้หญิงคนอื่นเหมือนศัตรูเสมอไม่ใช่หรอคะ"
ถ้าใครดูมาตลอด และเข้าใจในความต่างของคาแรคเตอร์ทั้งสองคน
จะอินและรู้สึกว่า กรี๊ดดดดด นี่มันยิ่งกว่าการหยิบมีดมาแทงกันอี้ก!
มันตึงเครียด แฝงความหมาย และบ่งบอกถึงวัฒนธรรมในสังคมไว้เยอะมาก
อีกบทสนทนาที่ชอบมาก คือบทสนทนาระหว่างลูกชายของลูกชายกับฆาตกร
"การได้ฆ่าพ่อผม ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นหรือเปล่าครับ"
"ผมได้ยินว่าคุณเสียลูกเพราะอุบัติเหตุ
ผมเสียพ่อเพราะคุณ พอใจมั้ยครับ
คุณได้ทำตามใจปรารถนาทุกอย่างหรือเปล่าครับ"
การร้องไห้อย่างหนักหน่วงของฆาตกร
การแสดงของเขา (อีคยูฮยอง) ทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ
นี่คือผลที่เขาได้รับ เขาต้องตายทั้งเป็นกับคำถามที่ว่า
"การที่คุณได้ฆ่าพ่อผม ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นหรือเปล่า"
-
III - the perfect ingredients
เราเชื่อเสมอว่าซีรีส์ที่ดี ต้องเกิดจากบทที่ดี
และ Secret Forest คือซีรีส์ที่สมบูรณ์แบบโดยมีพื้นฐานมาจากบทที่แข็งแกร่ง
การเล่าเรื่องอย่างมีที่มาที่ไป สมเหตุสมผล หนักแน่นและตอบได้ทุกคำถาม
เป็นซีรีส์ที่ตัวเอกแสดงอภินิหารน้อยมาก แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นจากเหตุการณ์
ที่ถูกวางมาอย่างแนบเนียน และไต่ระดับพาเราให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ
โดยที่พอถึงจุดๆ หนึ่งที่เราคิดว่ายืนได้ ก็กลับทำให้เราร่วงลงมา
แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ร่วงลงมาบนพื้นที่ทำให้เราเห็นว่า
อ๋อ จริงๆ แล้วตรงที่เราคิดว่าเห็น นั่นมันไม่ใช่ ของจริงอยู่ตรงนี้ต่างหาก
เป็นความคลาสสิคและมีชั้นเชิงของบทที่ได้ผู้กำกับที่เข้าขา
สามารถถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ในบทให้ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบได้
ในส่วนของการกำกับ เราชอบตั้งแต่ที่ผู้กำกับเลือกให้ภาพมีสีหม่นเทา
บางครั้งในเรื่องของงานภาพมาช่วยขับเน้นอารมณ์ของตัวละคร
อีกอย่าที่เราชอบมากสำหรับเรื่องนี้คือการที่ซีรีส์นั้นค่อนข้างเงียบ
ทำให้เราสามารถโฟกัสกับสาส์นที่อยู่ในบทสนทนาและทำให้เรา
มองทุกการเคลื่อนไหวของตัวละคร ทุกสีหน้า แววตา ท่าทาง
การขยับตัว ภาษากายมีความหมายทั้งหมด
ซึ่งในจุดนี้ต้องอาศัยนักแสดงที่เก่ง
ที่จะสามารถเล่าในสิ่งที่ไม่ต้องพูดออกมาให้ได้หมด
ซึ่งนี่คืออีกหนึ่งส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้สมบูรณ์แบบ
นั้นคือนักแสดงตั้งแต่ตัวประกอบ บทสมทบ ไปจนถึงตัวแสดงหลัก
ทุกคนทำหน้าที่ได้อย่างน่าชื่นชมและทรงพลังมาก
เมื่อมีทุกอย่างรวมกัน และในทุกส่วน บท การกำกับ การแสดง
ทำหน้าที่ของมันได้อย่างดีเยี่ยม จึงไปต้องแปลกใจเลยค่ะ
ว่าทำไมเราถึงอวย Secret Forest ในทุกบรรทัดแบบนี้
-
IV - the emotionless
สิ่งที่ทำให้ Secret Forest เป็นซีรีส์แนวการเมือง - อัยการ และ สืบสวนสอบสวน
ที่แตกต่างไปจากซีรีส์เกาหลีเรื่องอื่น คือ ฮวังชีมก หรือ พระเอกของเรานั่นเอง
แน่นอนว่าพระเอกทุกเรื่องออกมาผดุงความยุติธรรมเพราะเหตุผลต่างๆ กันไป
เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้ตนเองหรือครอบครัว เพราะปมในใจ
เพื่อให้พ้นผิดหรือเพื่อพิสูจน์ความจริง หรือเพราะความเป็นฮีโร่ที่เห็นสิ่งที่ผิดไม่ได้
แต่ 'อัยการฮวัง' ต่างไปจากทุกข้อที่เคยมีมา เหตุผลเบื้องหลังของเขา
คือ 'การทำตามหน้าที่' ล้วนๆ โดยไม่มี 'ความรู้สึก' มาผสม
ตั้งแต่เปิดเรื่องทุกคนจะได้รู้ว่าอัยการฮวังในวัยเด็กนั้นมีปัญหาทางสมอง
จนทำให้ต้องตัดเส้นประสาทบางอย่างออกไป ซึ่งผลกระทบของการผ่าตัด
ทำให้เขาอาจจะเกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรง และอาจทำให้เขาอยู่ในสถานะ
'ไร้ความรู้สึก'
เพราะฉะนั้นทุกการกระทำของเขา ขึ้นอยู่กับหน้าที่ที่เขาได้รับในฐานะอัยการ
ไร้ซึ่งการต่อต้าน โวยวายอย่างโจ่งแจ้ง เขาก้มหัวยอมรับ พูดคำว่าขอโทษ
และปฏิเสธกับสิ่งที่เขาเห็นว่ามันถูกต้องและสมควรจะทำเท่านั้น
เพราะฉะนั้นจะหมดปัญหาเรื่องความ agnorant แบบพระเอก
(ที่ถ้าเอาความเลวไปใส่ปุ๊บ มันจะกลายเป็นน่าโดดถีบปากทันที)
ทุกอย่างที่พระเอกทำมันจึงสมเหตุสมผล แปลกใหม่ และน่าสนใจ
-
V - the conclusion
เราชอบช่วงตอนที่ 12-14 มาก รู้สึกว่าซีรีส์ช่วงนี้สนุกที่สุดเลย
เพราะเป็นช่วงที่ซีรีส์เก็บข้อมูลได้มากประมาณหนึ่ง ตัวละครทุกตัวออกครบ
และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นก็บีบหัวใจและเร็วมาก
อีกอย่างที่สำคัญมากคือเราเริ่มผูกพันกับตัวละครแล้วด้วย
จากการดูมาทั้งหมด Secret Forest เล่าถึงปัญหาระดับสังคมในประเด็นที่ใหญ่
แต่เล่นได้ละเอียด บอกเล่าถึงเป็นการจับวางเรื่องความเป็นความตายของคนอื่น
ในมือของคนที่มีอำนาจ ความเหลื่อมล้ำทางสังคม ความโลภของมนุษย์
การใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบของผู้มีอำนาจในสังคม
ซึ่งแน่นอนว่าประเด็นเหล่านี้สะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมเกาหลี
(ซึ่งบทความจากกุกมินอิลโบยืนยันว่า Secret Forest ถูกวางแผนสร้าง
หลังจากเหตุการณ์คอรัปชั่นอันเกี่ยวเนื่องกับชเวซุนชิลด้วย)
ซึ่งเป็นการสะท้อนว่าวงการบันเทิงของเกาหลีเปิดกว้างด้าน content แค่ไหน
เราชอบบทสรุปของเรื่องและเหตุผลเบื้องหลังการกระทำของตัวร้ายด้วย
เราได้เห็นการกระทำ ต้นเหตุของการกระทำ และสิ่งที่เขาได้รับจากการกระทำนั้นๆ
ทุกอย่างมันเกี่ยวพันและส่งผลโยงใยเป็นทอดๆ
มันทำให้เราทึ่งกับการวางแผนโครงเรื่องและตัวละครของคนเขียนบทมากๆ
เพราะ "คนเราไม่มีใครเป็นอสูรใจร้ายหรือนางฟ้าใจดีโดยสมบูรณ์แบบ"
อย่างที่จ่าคิมพูดเอาไว้ในเรื่องจริงๆ
แม้จะเป็นบทสรุป แต่ก็ยังไม่ทำให้เราหยุดตั้งคำถาม
คนโง่? ข้ออ้าง? คนร้าย? ผู้เสียสละ?
สุดท้ายแล้วเราจะนิยามและให้ค่ากับเขาอย่างไร
มันเป็นคำถามที่น่าสนใจมาก และมีคนคนหนึ่งตอบเอาไว้ได้ดีทีเดียว
"เขาคืออสูรกายครับ เขาฆ่าคน
เขาอาจจะคิดว่ามันเป็นการเสียสละสิ่งเล็กน้อย
เพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า แต่ผมไม่เคยคิดว่าเราสามารถวัด
คุณค่าชีวิตของคนให้น้อยกว่าชีวิตของคนอื่นได้
เขาหลอกตัวเองให้คิดเขามีสิทธิที่จะลงโทษพวกคนเลว
เขาคืออสูรกายที่ถูกหล่อหลอมขึ้นมาด้วยเวลาครับ"
-
สุดท้ายแล้ว ความว้าวของ Secret Forest ไม่ได้อยู่ที่การเฉลยหลักฐาน
หรือโชว์ความเก่งกาจของพระเอกที่สามารถเปิดโปงทุกอย่างได้อย่างแยบยล
แต่เป็นการที่เรื่องราวไต้ระดับขึ้นเรื่อยๆ แต่ละก้าวนั้นมั่นคงและเชื่องช้า
แต่มันพาเราสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ด้วยวิธีการที่ทำธรรมดา ผ่านบทสนทนา
และการแสดงซ่อนนัยยะ ซึ่งเบื้องหลังคือการที่คนเขียนบทวางแผนมาอย่างดีเยี่ยม
ผู้กำกับเข้าใจและเลือกวิธีการสื่อสารออกมาได้อย่างมีชั้นเชิง และนักแสดงทุกคน
ที่สามารถ deliver ทุกอย่างออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม
จะต้องรออีกนานมั้ย กว่าจะมีซีรีส์ดีๆ แบบนี้ออกมาให้ดูอีก *ปิดหน้าร้องไห้*
แม้ตอนจบของเรื่องจะจบแบบเปิดและมีหนทางให้มีซีซันต่อไปได้อีก
แต่เราไม่อยากคาดหวัง แม้ว่าจะอยากให้มีเรื่องต่อไปเพราะติดใจการเล่าเรื่องแบบนี้
เรารักตัวละครทุกตัว เรารู้ว่ามันยังสืบให้ลึกและไปต่ออีกได้ (จากเส้นเรื่องเดิม)
และเราอยากเห็นอัยการฮวังกับผู้หมวดฮันอีก (ที่เราจิ้นไปล่วงหน้าแล้วว่า
สองคนนี้ คนที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว แต่เติมเต็มกันได้แน่ๆ!) เรื่องคงจะสนุกแน่ๆ
ถ้าสองคนนี้คบกัน แล้วเราจะได้เห็นบทหวานๆ ของคนซึน
หรือปัญหาของคนที่ต่างกันมากๆ แล้วต้องมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
จิ้นไปเหอะ! แต่จะไม่คาดหวังนะ แต่ถ้าได้ทำต่อ (ด้วยแคสต์เดิม) มันจะเป็นอะไรที่ดีมาก
เอาล่ะ! พูดมามากแล้ว สุดท้ายนี้เราอยากจะบอกว่านี่คือซีรีส์ที่ยอดเยี่ยมเรื่องหนึ่ง
ที่ไม่อยากให้พลาด ไม่ได้บังคับให้ดู แต่จะบอกว่าถ้าได้ดูคุณจะไม่มีวันเสียใจ!
/
twitter : @mynkdontbelazy
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in