เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Dhialannthefirstofmine
หรือสังคมนี้เน้นหน้าตาและความสวยงาม?


  • ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกวันนี้หน้าตาและความสวยงามถือเป็นหนึ่งพริวิเลจที่อยู่ในสังคมไทยและคอยตอบสนองทางด้านสายตาให้กับใครหลายๆ คน ซึ่งปัญหาของ beauty privilege ไม่ได้อยู่แค่ในวงสังคมใหญ่เพียงเท่านั้น แต่กลับมีให้เห็นในทุกกลุ่มช่วงวัย โดยเฉพาะในสถานศึกษาทั้งโรงเรียนและมหาวิทยาลัย

    Beauty Privilege คือหนึ่งสิ่งที่ทำให้ถูกเลือกปฏิบัติ โดยเฉพาะคนที่มีหน้าตาสวยงาม หล่อ หรือตรงตามมาตรฐานความสวยงาม ซึ่งคนที่มี beauty privilege มักเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ถูกค่านิยมวาดเอาไว้ มีคนเข้าหาอยู่บ่อยครั้ง และอาจทำให้คนที่มีความสามารถจริงๆ ถูกผลักให้ออกจากวงโคจรเพื่อดันคนหน้าตาดีขึ้นมาแทน

    ด้วยปัญหานี้ ทำให้ช่องว่างระหว่างคนที่หน้าตาธรรมดาและคนที่หน้าตาดีมีเพิ่มมากขึ้น และอาจทำให้ห่างกันโดยสิ้นเชิงจนทำให้กลุ่มคนที่หน้าตาธรรมดาถูกลืมหรือถูกปฏิบัติในรูปแบบที่แย่กว่าคนหน้าตาดี จนกลายเป็นการแบ่งแยกชนชั้นอีกด้วย

    ในขณะที่เราพยายามรณรงค์ถึงความเท่าเทียมกันในทุกๆ ด้าน แต่ก็มีคนกลุ่มหนึ่งที่พยายามงัดความโดดเด่นในเรื่องหน้าตาและรูปร่างขึ้นมาเป็นประเด็น เห็นได้ชัดจากกลุ่มลีด ดาว เดือน เป็นต้น คนกลุ่มนี้คือคนที่มีพริวิเลจ ไม่ว่าจะมองในแง่มุมไหนก็ตาม เขาคัดที่หน้าตา ใครสวย ใครหล่อ ใครโดดเด่น ก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นลีดได้ทั้งนั้น ยิ่งไปกว่านั้น คนที่หน้าตาดียังมีตัวตนในสังคมมากกว่าคนธรรมดาอีกด้วย

    โรงเรียนและมหาวิทยาลัย พื้นที่ที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย สังคมแห่งพริวิเลจ และความจอมปลอมด้านความเท่าเทียมกัน ที่พูดแบบนี้เพราะว่ากลุ่มคนหน้าตาดีมักได้รับสิทธิต่างๆ มากกว่ากลุ่มคนหน้าตาธรรมดาที่มีความสามารถเหมือนกันหรือมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้น บางคนที่หน้าตาธรรมดาอาจรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่มั่นใจในความสามารถ และมองไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง เพราะถูกปฏิเสธจากกิจกรรมที่เขานั้นมีความสามารถเดียวกัน แต่คนที่หน้าตาดีกลับถูกเลือกให้เข้าร่วมกิจกรรมนั้นแทน

    “Marginality” คือกลุ่มคนหน้าตาธรรมดาถูกผลักให้กลายเป็นคนชายขอบ ยิ่งคนหน้าตาดีได้รับความสนใจมากเท่าไหร่ คนหน้าตาธรรมดายิ่งรู้สึกเหมือนโดนตีห่างและเกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้น

    โรงเรียนควรจะเป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสในด้านความสามารถ ยกระดับและผลักดันเรื่องความเท่าเทียมกันในทุกๆ ด้าน แต่ก็ต้องบอกว่าเด็กๆ มักถูกเลือกปฏิบัติจากครูอาจารย์ด้วยเรื่องของหน้าตา และปฏิเสธคนที่หน้าตาธรรมดา อาจจะมากจนถึงขั้นบอดี้เชมมิ่งเลยก็ว่าได้

    คำถามต่อมาก็คือเราจะบาลานซ์ระหว่างกลุ่มคนหน้าตาดีและกลุ่มคนหน้าตาธรรมดาได้อย่างไร ตอบง่ายๆ เลยก็คือเลิกสนใจที่หน้าตา และให้ความสำคัญรวมไปถึงผลักดันที่ความสามารถของเด็ก ทำให้เด็กรู้สึกว่าเขาเป็นคนสำคัญ ไม่ได้บอกว่าให้สปอยล์ แต่มันควรที่จะไม่เลือกปฏิบัติ คำที่บอกว่า ‘หน้าตาไม่ดี ขอเปลี่ยนคน’ ‘อ้วนเกินไป ไม่น่ามาทำกิจกรรมนี้’ ฯลฯ มันไม่ควรจะต้องหลุดออกมา โดยเฉพาะจากปากคนเป็นครู/อาจารย์

    ยิ่งโตยิ่งต้องใส่ใจความรู้สึกของคนอื่น ยิ่งโตยิ่งต้องเรียนรู้ ต้องมีการพัฒนา ต้องสร้างความเท่าเทียมให้กับทุกคน ต้องทำให้ beauty privilege หายไป

    ไม่ได้บอกว่าบิวตี้พริวิเลจไม่ดี แต่ความเท่าเทียมกันมันดีกว่า
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in