เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
YOUNG MASTER #MINNOninezexsky
9





  • บรรยากาศของเดอะฮิลล์ยังคงเป็นเหมือนเดิมไม่ต่างจากวันที่แอชเชอร์ออกมาจากที่นี่ หน่วยป้องกันที่ตั้งอยู่ที่ราบระหว่างบริเวณหุบเขาน้อยใหญ่ ไหนจะป้อมประจำการที่กระจายอยู่ตามบริเวณที่สูงนั้นปรากฏอยู่เต็มสายตาของแอชเชอร์จนแทบจะละสายตาออกไปไม่ได้ 


    ต้นไม้เขียวชะอุ่มที่ไร้หิมะปกคลุมยังคงดูน่ามองไม่เปลี่ยน ยิ่งมองก็ยิ่งเพลินตาจนกลายเป็นว่าอัลฟ่าแดนเหนือนั้นเริ่มที่จะชื่นชอบความอบอุ่นของแดนใต้มากขึ้นเรื่อยๆ 


    ความโดดเดี่ยวของการใช้ชีวิตท่ามกลางผู้คนต่างแดนแม้จะปรับตัวได้ลำบาก แต่แอชเชอร์ก็ถือว่ามันคงเป็นอีกก้าวนึงของชีวิตที่ทำให้ตัวเองได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง หากถ้ายังเป็นนายน้อยอยู่ในแดนเหนือแอชเชอร์เองก็ไม่มีทางได้สัมผัสกับความอบอุ่นที่ใครเคยบอกกล่าว 


    จริงๆ แล้วการเป็นนายน้อยในแดนเหนือนั่นกลับเป็นสิ่งที่ทำร้ายตัวแอชเชอร์เสียด้วยซ้ำ ยิ่งถูกปลูกฝังว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ความหยิ่งผยองในตัวของเขานั้นสูงมากขึ้นเท่านั้น  แต่ถึงอย่างนั้นแอชเชอร์ก็ยังคงจะรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองที่มีไว้ให้มากที่สุด อะไรที่เขาสามารถยอมเสียได้และมันเป็นประโยชน์ให้กับตัวเอง มันก็ถือว่าคุ้มคาพอตัวกับสิ่งที่เขาต้องเสียไป 



    "ถ้านายกลับมาช้ากว่านี้อีกนิด ฉันคงได้ออกไปตามหาแล้วจริงๆนะเชส" ทันทีที่เชสและแอชเชอร์เดินทางถึงบริเวณหน้าประตูทางเข้าเดอะฮิลล์ ก็เจอเข้ากับลูฟที่กำลังยืนคุยกับลูกน้องสามสี่คนด้วยท่าท่างเคร่งเครียด 


    ใบหน้าที่แสดงออกถึงความโล่งอกฉายชัดบนใบหน้าของลูฟอย่างชัดเจน ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเข้ามาสวมกอดคนที่เดินจูงมาอยู่ข้างๆ ซึ่งก็ไม่พ้นเชส ไทเลอร์ ที่ยอมลงไปเดินอยู่ข้างล่างแทนที่จะนั่งซ้อนหลังของแอชเชอร์  


    ซึ่งไทเลอร์เองก็ให้เหตุผลกับแอชเชอร์เอาไว้ก่อนหน้านี้ จนทำให้คนตัวขาวปิดปากไม่พูดไม่จามาตลอดทาง 


    'ถ้าให้ฉันขี่ม้าซ้อนหลังนายเข้าไปแบบนั้น นายคงจะได้เป็นคนของไทเลอร์เข้าจริงๆ'


    แอชเชอร์ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสรุปแล้วมันดีจริงหรือเปล่าที่ไทเลอร์ยอมลงไปเดินข้างล่างแล้วให้ตัวเขานั่งอยู่ด้านบน....
     


    "เลสลีย์ยังบาดเจ็บ เราเลยต้องพักกันมาตลอดทาง" เชสว่าก่อนจะแหงนหน้ามองอัลฟ่าตัวขาวที่ยังคงนั่งอยู่บนหลังม้า ดูๆแล้วก็ช่างเป็นภาพที่ตัดกันไม่หยอก ตัวขาวซีดของเลสลีย์ช่างดูเด่นเหลือเกินเมื่อขึ้นขี่อาชาสีดำเลื่อม 


    "นายเป็นอะไรมากหรือเปล่าเลสลีย์" ลูฟไม่รอช้าที่จะเอ่ยปากถามคนตัวขาวที่ยังปิดปากเงียบ ด้วยท่าทางที่ตกใจพอควร หางตาของเจ้าของร่างสูงยังคงเห็นชาลีที่วิ่งหางไวๆ เข้าไปในเดอะฮิลล์ 


    "ดีขึ้นมากแล้ว" เสียงนุ่มเอ่ยตอบก่อนจะระบายยิ้มเล็กๆให้กับลูฟที่ดูจะตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บ


    "ริคไม่ได้บอกนายหรือไง" เชสถามเพื่อนสนิททันที ซึ่งคำตอบที่ได้ก็คงเป็นหัวของลูฟที่ส่ายหน้าไปมา 


    "ฉันยังไม่ได้คุยกับริคเลยด้วยซ้ำ กลับมาหมอนั่นก็ต้องรีบไปดูคนป่วย มีเวลามาเสวนากับฉันเสียทีไหน" 


    "คนป่วย?" เชสเลิกคิ้วน้อยๆ ด้วยความสงสัย ใช่ว่าที่นี่จะมีแค่เอริคคนเดียวเสียที่ไหนที่รักษาได้ 


    "เอ่อ..." ลูฟมีท่าทีอึกอักนิดหน่อยจนเชสเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น


    "ระหว่างที่ฉันไม่อยู่มันเกิดอะไรขึ้น" เชสถามเสียงเข้ม ในขณะที่เลสลีย์เองก็สงสัยไปด้วยกับท่าทีของลูฟที่ดูแปลกไป 


    "เกี่ยวกับฉันหรือเปล่า" แอชเชอร์เองก็อดจะกังวลไม่ได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นอาจจะเกี่ยวกับตัวเอง


    "เรื่องนี้ไม่ได้เกิดเพราะนายหรอกเลสลีย์..." ลูฟเอ่ยก่อนจะหันหน้ามามองเพื่อนสนิทของตัวเองที่ตอนนี้ตีหน้าเรียบนิ่งสนิท "มันเกี่ยวกับนายต่างหากเชส.." 


    "พูดมา" 


    "อลิเซีย.."


    "!!!" 


    "เธอถูกทำร้ายระหว่างที่มาหานายที่นี่" 


    เจ้าของผิวสีแทนปล่อยมือที่จูงม้าทันที ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปในหน่วยโดยที่ไม่พูุดอะไร ท่ามกลางความงุนงงของคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยอย่างแอชเชอร์ คนตัวขาวเองก็ตกใจไม่น้อยกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของไทเลอร์ 


    ดูเหมือนว่าคนที่ชื่ออลิเซียจะมีความสำคัญกับไทเลอร์น่าดู..


    "คงจะเหนื่อยน่าดู เดี๋ยวฉันพานายกลับไปพักที่บ้านก่อนจะดีกว่า" ลูฟที่ยืนมองแผ่นหลังของเชสจนลับหายไป หันกลับมาคุยกับคนตัวขาวที่ยังนั่งนิ่งไม่ไหวติง 


    "เพื่อนนายต่างหากที่เหนื่อยกว่าฉัน" เลสลีย์คนเล็กตอบ 


    "เชื่อเถอะว่ายังมีเรื่องให้เชสเหนื่อยกว่านี้อีกเยอะ" 


    "นายหมายถึงอะไร?" 


    "เอาไว้ก่อนเถอะ เดี๋ยวนายก็รู้เอง" ลูฟเลี่ยงที่จะตอบ พลางคว้าสายจูงม้าที่เพื่อนของตัวเองปล่อยทิ้งเอาไว้อย่างไม่บอกไม่กล่าวมาถือแทน แล้วพาอัลฟ่าแดนเหนือที่กำลังบาดเจ็บกลับไปพักผ่อนที่บ้าน 


    ตลอดทางกลับบ้านลูฟเองก็คอยถามเลสลีย์เจื้อยแจ้วไม่ยอมหยุด จนคนถูกถามต้องคอยปรามให้เจ้าตัวค่อยๆ ถาม แต่ดูท่าก็คงจะไม่ได้ช่วยเลยสักนิดเพราะนิสัยคนเรามันก็ไม่ได้แก้กันง่ายๆ 


    "จะว่าไปกลิ่นของเชสก็ยังติดตัวนายชัดมากเลยนะเลสลีย์" ลูฟอดทักไม่ได้ ด้วยระยะห่างแค่นี้แน่นอนว่ามันทำให้ลูฟเองก็ได้กลิ่นไม้สนซีดาร์ของเพื่อนชัดเจนพอๆ กับเวลาที่อยู่กับเจ้าของกลิ่น 


    "อีกไม่กี่วันก็คงจะจางกว่านี้.." คนตัวขาวตอบอย่างไม่คิดอะไรมาก หลายวันที่ผ่านมาถึงแม้จะไม่อยากทำใจให้ชิน แต่สุดท้ายแอชเชอร์ก็ต้องยอมรับกับกลิ่นที่ติดตัวของตัวเอง 


    "แต่เท่าที่รู้ นี่มันก็ผ่านมาหลายวันแล้ว มันก็สมควรจะจางลงได้แล้วนะ" 


    "แล้วฉันไปรู้ได้ยังไงว่ามันเพราะอะไร" ไม่ใช่ไม่สงสัย แต่เพราะไม่รู้จะหาคำตอบจากใครแอชเชอร์ถึงเลือกที่จะเก็บความสงสัยไว้กับตัวมากกว่า 


    "หรือว่าเพราะนายสองคนอยู่ด้วยกันนะ แต่ถ้าไม่ตั้งใจปล่อยกลิ่นออกมาเยอะขนาดนั้นมันก็ไม่น่าติดขนาดนี้นี่" ลูฟบ่นพึมพำกับตัวเองซึ่งแน่นอนว่าคนที่อยู่ใกล้อย่างแอชเชอร์ย่อมได้ยินหมดทุกคำพูด


    "อัลฟ่าที่ตั้งใจปล่อยกลิ่นออกมาแบบนั้น มันคือพวกที่ต้องการแสดงความเป็นเจ้าของนะเชอร์ชิล" 


    ซึ่งมันไม่มีทางเป็นไปได้ในกรณีของทั้งเลสลีย์และไทเลอร์ 


    "ก็ใช่ไง ฉันถึงสงสัยอยู่ว่าทำไม" ลูฟหันมามองหน้าอัลฟ่าแดนเหนืออีกครั้ง ก่อนจะพิจารณาช้าๆ ถึงความเป็นไปได้ที่เกิดขึ้นของสองคนนี้ อีกทั้งการที่เชสยอมลงมาเดินด้านล่างแทนที่จะขี่ม้านั่นก็ไม่ใช่การกระทำที่ปกติเลยสักนิด สำหรับคนที่รู้จักเชสมานานอย่างลูุฟ "พวกนายสองคนมีอะไรมากกว่าที่ฉันรู้หรือเปล่า?" 


    "!!!" 


    "ฉันก็แค่ถามเผื่อไปงั้นแหละ อย่าคิดมากเลยน่า ถ้านายสองคนมีอะไรมากกว่านี้ล่ะก็ฉันไม่อยากคิดสภาพว่าจะอลิเซียจะโมโหแค่ไหน" 


    "อลิเซีย?" ชื่อนี้อีกแล้ว.. 


    "ลูกสาวของหัวหน้าหน่วยกลาง จริงๆ เธอก็ไม่เชิงเป็นคู่ของเชสหรอก แต่นายอย่าไปบอกใครนะว่าฉันบอกนาย" 


    "โอเมก้า?" 


    "ใช่.. โอเมก้าผู้หญิง ไหนๆ นายก็รู้แล้ว ขอบ่นหน่อยก็แล้วกัน" ลูฟส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะถอนหายใจ "บอกตามตรงว่าฉันไม่ค่อยเห็นด้วยกับการเข้าหาเชสของอลิเซียสักเท่าไหร่" 


    "นั่นใช่เรื่องที่ฉันต้องรู้ไหมเชอร์ชิล" 


    "ถือว่าฟังฉันบ่นหน่อยก็แล้วกัน นายไม่รู้หรอกว่าเวลาที่อลิเซียมาที่นี่ทีไร พวกเราต้องปั่นป่วนมากแค่ไหน" 


    "พวกนายควรจะดีใจต่างหากนะที่นานๆ ทีจะมีโอเมก้าเข้ามา" 


    "ตรงกันข้าม.. ฉันไม่ได้จะดูถูกโอเมก้าหรอกนะว่าเป็นตัวปัญหา แต่ในที่ๆพวกเราอยู่มันไม่เหมาะจริงๆ ที่จะมีโอเมก้า" ลูฟพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "สัญชาตญาณของอัลฟ่ามันรุนแรงแค่ไหนนายก็รู้ดีเวลาที่เจอโอเมก้าฮีท" 


    "ก็พอเข้าใจ.. เพราะที่แดนหนือมันก็เป็นเรื่องยากเหมือนกันที่จะกันโอเมก้ากับอัลฟ่าให้ห่างออกจากกัน" 


    "แต่เชสทำได้.." 


    "นั่นก็เป็นเรื่องที่ดีนี่ อย่างน้อยหัวหน้าของพวกนายก็มีคุณธรรมมากพอ ถึงอย่างนั้นนายก็ควรลองมองโอเมก้าของเพื่อนนายดีๆ บ้างก็ดีนะเชอร์ชิล"


    "นายอย่าใช้คำว่าของเพื่อนฉันเลย มันไม่มีทางเป็นไปได้" 


    "ก็นายบอกว่าเขาเป็นคู่กัน" 


    "คู่ที่พ่อฝั่งนั้นอยากจะจับคู่ให้เชสมากกว่า" 


    "แล้วมันไม่ดีตรงไหนล่ะ ฟังจากที่นายเล่าเขาก็ดูไม่ได้แย่อะไรนี่ ไหนยังจะเป็นลูกหัวหน้าหน่วยกลางอีก" 


    "งั้นนายก็ควรรู้ไว้อย่างหนึ่งนะเลสลีย์"


    "หืม?" 


    "เชส ไทเลอร์ ไม่เคยสนใจโอเมก้า.." 










    //////










    "ทำไมเธอถึงชอบมาที่นี่โดยไม่บอกฉันก่อนอลิเซีย"  ทันทีที่เชสมาถึงที่บ้านพักรับรองของเดอะฮิลล์ เจ้าตัวก็เปิดปากถามหญิงสาวที่นั่งพิงหัวเตียงหยอกล้อคุยกับคนรับใช้โดยไม่รอช้า 


    "อลิส.." 


    "เธอก็รู้ว่าฉันไม่มีทางเรียกเธอแบบนั้น" เชสว่าเสียงเข้มพลางใช้สายตาไล่คนรับใช้ของอลิเซีย วอลตัน ออกไปจากห้องให้หมด 


    "พวกเธอออกไปก่อน" อลิเซียเอ่ยบอกสาวใช้ของตนเองด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลซึ่งก็ไม่ต่างจากใบหน้าน่ารักของเธอเลยสักนิด 


    หลังจากที่คนนอกออกไปจากห้องจนหมด หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ก็ยังคงตีสีหน้าเรียบนิ่งใส่สาวน้อยน่ารักแม้ว่าเธอจะพยายามส่งยิ้มให้มากแค่ไหนก็ตาม


    "ฉันขอโทษที่ไม่ได้บอกนายก่อนว่าจะมาที่นี่.." เธอยอมรับผิดก่อนจะส่งสายตาขอโทษมาให้คนผิวสีแทน 


    "ไม่เคยเลยสักครั้งที่เธอจะบอกฉันว่าจะมาที่นี่" 


    "ถ้าฉันบอกนาย นายก็คงไม่ให้ฉันมาเหมือนเคย" สาวเจ้าว่าพลางขยับตัวลุกจากเตียง แล้วเดินสาวเท้าเข้ามาใกล้ร่างสูงของหัวหน้าหน่วยโดยที่มือนิ่มนั้นไม่วายที่จะสัมผัสเข้าที่มือสากของเชส  "อีกอย่างพ่อฉันก็อนุญาตให้มาหานายได้"


    "นั่นคือเหตุผลของเธอหรือ?" 


    "นายก็ยังเป็นนาย.." สาวเจ้ายกยิ้มเศร้า "ใจร้ายเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน" 


    "ที่นี่มันอันตราย เธอก็เห็นว่าครั้งนี้เป็นยังไง" 


    "ใครจะไปรู้กันว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น" อลิเซียกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเหมือนเดิมทั้งๆที่คนตรงหน้าเธอยังคงเฉยชา "อีกอย่างฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก"


    "แล้วต้องให้เป็นอะไรมากขึ้นมาใช่ไหม เธอถึงจะรู้ว่ามันไม่สมควร"


    "แต่จากที่ฉันรู้ คนพวกนั้นที่ทำร้ายฉันคือคนของแดนเหนือ.." เธอว่าขณะลูบมือของเชสเบาๆ "พึ่งจะรู้เหมือนกันว่าเดี๋ยวนี้นายช่วยเหลือคนฝั่งนั้น" 


    "อลิเซีย.." 


    "ฟังจากที่คนอื่นพูดมา ฉันก็ไม่แปลกใจหรอกว่าทำไมนายถึงช่วย" 


    แม้จะถูกเจ้าของผิวสีแทนดุแต่ก็ไม่ทำให้เธอหยุดพูดในสิ่งที่คิดเลยสักนิด และนั่นก็ทำให้เชสเริ่มรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก 


    "หยุดพูดในสิ่งที่เธอไม่รู้จะดีกว่า"


    "ทั้งที่นายรู้ว่ามันผิดกฎแต่นายก็ยังทำ" 


    ดวงตาคมกริบไล่มองใบหน้าของสาวเจ้าที่ถึงแม้ว่าอลิเซียจะมีใบหน้าที่อ่อนหวานมากแค่ไหน แต่สายตาของเธอนั้นยามที่คุยกับเชสมันกลับไม่ได้อ่อนหวานไปด้วยเลยสักนิด 


    "คนอย่างฉันมีเหตุผลพอในทุกการกระทำ" 


    "พ่อฉันคงไม่พ่อใจแน่ๆ ถ้ารู้เรื่องนี้ขึ้นมา" 


    "นั่นมันก็แล้วแต่เธอ แต่ฉันขอให้เธอจำไว้แล้วกันว่าต่อให้เธอจะบีบฉันแค่ไหน เธอก็ไม่มีวันได้แต่งงานกับฉันหรอกอลิเซีย" 


    "เชส!"


    "ฉันไม่ใช่คนพูดจาดีเธอก็รู้.. ยังมีอัลฟ่าอีกหลายคนที่พร้อมจะเป็นคู่ของเธอ อย่ามาเสียเวลาให้กับคนที่ไม่สนใจอะไรอย่างฉันจะดีกว่า" 


    "นายไม่ได้ไร้หัวใจขนาดนั้นเชส"


    "ต่อให้มี คนๆ นั้นก็ไม่ใช่เธอ" เชสเป็นคนใจร้ายข้อนี้เขารู้ตัวดี แต่ต่อให้เจ้าตัวจะพูดจาทำร้ายจิตใจของอลิเซียแค่ไหนมันก็ไม่เคยทำให้เจ้าหล่อนเลิกรักเชสเสียที 


    "มันไม่มีโอกาสเป็นที่ของฉันบ้างเลยหรือ" 


    "ไม่มี.." 


    ราวกับฟ้าผ่าลงมากลางใจของคนฟัง ร่างกายมันชาหนึบไปตั้งแต่หัวจรดเท้ายามที่คนตรงหน้าเอ่ยตอบอย่างไม่ไยดี เชสไม่เคยมีแม้แต่เยื่อใยที่จะมอบให้เธอ 


    "คนใจร้ายแบบนายคงไม่เข้าใจความเจ็บปวดของฉันหรอก" 


    "ฉันรู้ว่าเธอเจ็บ แต่ลองมองกลับกันดูสิ ถ้าเธอไม่ดันทุรังไม่พยายามที่จะรักฉันไปมากกว่านี้ เธอเองก็จะไม่ต้องเจ็บปวด"


    "นายคิดว่าเรื่องนี้เลิกได้ง่ายๆหรือไงเชส" ดวงตาของสาวเจ้าแดงก่ำมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อคนใจร้ายยังคงพูดจาไม่ให้ความหวังเธอสักนิด 


    "ฉันไม่เคยให้ความหวัง.. เธอเองก็รู้"  เชสแกะมือของหญิงสาวที่จับมือของตัวเองออกเบาๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบเรือนผมสีสว่างของหญิงสาว  "ที่ผ่านมาฉันมองเธอเป็นแค่น้องสาวคนนึงอลิเซีย" 


    "แล้วทำไมนายถึงไม่ปฏิเสธ เวลาที่คุยกับพ่อของฉัน"


    "ฉันดูอยู่ในสถานะที่ปฏิเสธพ่อของเธอได้หรือ?" 


    "...."


    "มันคงจะดีกว่าถ้าเธอจะเป็นคนเอ่ยปากบอกพ่อของเธอเอง" ต่อให้ใจร้ายแค่ไหน ผู้ชายตรงหน้าของอลิเซียก็ยังคงดูดีในสายตาเธอเสมอ  


    แรงโถมตัวที่โผเข้ากอดทำให้เชสเซถอยหลังเล็กน้อย เมื่อจู่ๆ อลิเซียก็เข้ามากอดตัวเองแน่นจนใบหน้าน่ารักของเธอซุกลงที่หน้าอกของทรูอัลฟ่าหนุ่ม แว่วเสียงสะอื้นที่ได้ยินทำให้เชสได้แต่ยืนนิ่งให้หญิงสาวกอดอยู่อย่างนั้น โดยไม่มีทีท่าว่าจะกอดตอบเธอแต่อย่างใด


    เชสไม่ปฏิเสธว่าอลิเซียเป็นโอเมก้าที่ใครๆ ต่างก็ชื่นชมและปราถนาที่จะครอบครอง ด้วยฐานะ รูุปลักษณ์ หรือ กิริยาที่ถูกอบรมมาเป็นอย่างดีทำให้เธอเป็นหญิงสาวที่เพียบพร้อมไปทุกเรื่อง 


    "ช่วยปลอบฉันบ้างได้ไหมเชส..." 


    คำขอของหญิงสาวทำให้หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ขบกรามของตัวเองเบาๆ เชสรู้จักอลิเซียดีว่าเธอเป็นคนยังไง จะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งมันก็ไม่เคยทำให้เธอยอมถอย แม้หลังๆนี้สาวเจ้าจะแวะมาที่เดอะฮิลล์น้อยครั้งลง แต่ก็ยังคงโผล่มาให้เชสได้ปวดหัวอยู่ตลอด 


    มันคงจะไม่ดีแน่ถ้าจะให้อลิเซียอยู่เดอะฮิลล์สักระยะหนึ่ง.. 


    "ฉันปลอบใครไม่เป็น" 





    กว่าที่เชสจะหาทางปลีกตัวออกจากอลิเซียได้ก็เล่นเอาเสียเวลาไปพักใหญ่ น้ำตาของโอเมก้าสาวที่ไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก ใช้เวลาเสียนานกว่าเธอจะหยุดร้องไห้ไปเอง ซึ่งแน่นอนว่าเชสนั้นก็ยืนท่ื่อเป็นรูปปั้นไร้ชีวิตให้เธอใช้เช็ดน้ำตาอยู่อย่างนั้นโดยไม่ได้ปลอบอะไร 


    ฟังดูใจร้ายแต่มันก็เหมาะกับเชสที่เป็นคนไม่ชอบให้ความหวังคนอื่น..


    แต่มันก็น่าคิดอยู่ดีว่าทำไมคนที่ไม่เคยเรียกร้องอะไรกลับได้ทุกอย่างที่เชสไม่เคยคิดจะทำ ตรงกันข้ามกับคนที่เรียกร้องทุกอย่างแต่ไม่เคยได้อะไรจากเชส 


    "หายเข้าไปเสียนาน เป็นยังไงบ้างล่ะ" ทันทีที่เอริคเจอหน้าเชสเจ้าตัวก็เอ่ยปากถามในทันทีก่อนจะส่งยิ้มยียวนมาให้หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ที่ยังคงทำหน้านิ่งไม่เลิก 


    "คนฉลาดๆ อย่างนายก็คงจะคิดได้" 


    "ท่าทางจะอารมณ์เสีย" เอริคว่าเสียงเย้าหยอก พลางส่งเสื้อผ้าที่เชสเป็นคนสั่งให้หาไว้ก่อนกลับมาจากโรสต์ "เสื้อผ้าที่นายสั่งให้เตรียมไว้" 


    "ขอบใจ ฉันเองก็เกือบลืม" 


    "มั่นใจหรือว่าเลสลีย์จะยอมใส่เสื้อผ้าแบบนี้ ท่าทางหวงตัวแบบนั้นไม่น่ายอมง่ายๆหรอกนะ" 


    "นายนี่ก็ช่างสังเกตดีเหมือนกันนะริค" เชสเดาะลิ้นด้วยความเคยชิน แต่ที่แน่ๆ คือเจ้าตัวก็ตั้งใจกวนหมอหนุ่มด้วยไม่น้อย  


    "นายเองก็เหมือนกัน" 


    "เห็นความเคยชินของเลสลีย์แล้วมันก็แอบขัดหูขัดตานิดหน่อยก็เท่านั้น"


    "คนอย่างเนี่ยนะจะรำคาญอะไรกับเรื่องพวกนี้ นอกจากนายจะสนใจ" 


    "ฉันล่ะเกลียดความรู้ดีของนายจริงๆริค.." แค่มองตาก็ทำให้ต่างคนต่างเห็นนิสัยของกัน ยิ่งกับเอริคที่เป็นคู่กัดกับเชสแล้วล่ะก็ ทำไมจะมองไม่ออกกัน  


    "เดี๋ยวเย็นๆ ฉันจะเข้าไปดูแผลให้เลสลีย์" 


    "ไม่ต้องบอกฉันก็ได้นี่" 


    "มันเป็นมารยาท" หมอหนุ่มย้อนเข้าให้ "อีกอย่างนั่นก็บ้านของนาย ดูๆ แล้วก็น่าคิดนะ ว่าทำไมเลสลีย์ถึงได้อยู่ที่นั่นแทนที่จะเป็นที่นี่" 


    "เก็บความสงสัยของนายไว้เถอะเอริค" 


    "แน่นอนว่าฉันมีคำตอบอยู่ในใจแล้วเชส ที่ถามนายก็แค่พูดไปอย่างงั้น" 


    "ฉันว่าทางที่ดีนายเตรียมใจไว้บ้างก็ดี เพราะบางทีลางสังหรณ์ของนายมันมักจะถูกเสมอ"


    "นายกำลังหมายถึงใคร?"


    "จากที่คุยกับเลสลีย์ ฉันว่ามันมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นอย่างที่นายคิดว่ะริค" 









    /////








    "เดินหน้านิ่งมาแบบนี้เจออลิสแผลงฤทธิ์ือะไรเข้าให้อีกล่ะสิ" ลูฟที่นั่งอยู่ในห้องทำงานของหน่วยประจำการว่าเมื่อเห็นเพื่อนสนิทของตัวเองเดินเข้ามาด้วยท่าทีไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่


    "นายก็พูุดเกินไปลูฟ" โจชัวที่นั่งอยู่ด้วยเอ่ยปราม ก่อนจะส่งแก้วทรงสวยที่มีเครื่องดื่มสีเข้มให้เชสด้วยความเคยชิน 


    "ฉันสงสารอลิเซีย แต่มันเป็นไปไม่ได้จริงๆ" หัวหน้าหน่วยว่าหลังจากที่กระดกเครื่องดื่มในมือจนหมดแก้ว 


    "แต่ฉันก็นับถือความพยายามของอลิสที่มาหานายนะเชส ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันอาจจะไม่กล้ามาด้วยซ้ำ" โจชัวออกความเห็นบ้าง 


    "นั่นน่ะคือความคิดของคนปกติ แต่อลิสน่ะเหมือนคนอื่นที่ไหน" ลูฟว่า 


    "จะยังไงก็ช่างเถอะ ยังไงฉันก็ต้องให้อลิเซียกลับไปเร็วที่สุด" 


    "พูดเหมือนง่ายนะเชส" ลูฟอดหัวเราะไม่ได้ ใครๆ ที่นี่ต่างก็รู้ดีว่าอลิเซียหัวรั้นแค่ไหน และก็เป็นประเภทที่รั้นแบบไม่มีเหตุผล ซึ่งก็ไม่แปลกว่าทำไมเชสถึงไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นัก 


    "ไม่ง่ายก็ต้องง่าย" 


    "นายก็ลองคุยกับอลิสดีๆ ดูสิ ฉันว่าเธอน่าจะเข้าใจ" คนที่มักจะทำตัวเป็นตัวกลางอย่างโจชัวก็ยังคงทำหน้าที่ได้ดีในทุกสถานการ์ณ 


    "ไว้ฉันคงต้องลองคุย" 


    "ลองคิดดูนะเชส ถ้าอลิเซียเจอเลสลีย์ขึ้นมา มีหวังนายได้โดนหล่อนแหกอกแน่" ลูฟทำท่าสยองเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองคิด จนเชสได้แต่ส่ายหัวให้กับการกระทำที่เกินไปของเพื่อนตัวเอง


    "มันก็หลีกเลี่ยงที่จะเจอไม่ได้ ไม่ใช่หรือไง" 


    "ฉันว่านายลองให้เลสลีย์เลี่ยงดูก็ดีนะ อย่าลืมว่าเธอเป็นลูกสาวของหัวหน้าหน่วยกลาง"


    "มันก็คงต้องเสี่ยง ใช่ว่าอลิเซียจะไม่รู้เสียเมื่อไหร่ว่ามีคนแดนเหนืออยู่ที่นี่" 


    "นายพูดถูกว่าเธอรู้ แต่นายกำลังลืมไปเปล่าเชสว่ากลิ่นของนายมันติดอยู่เต็มตัวเลสลีย์ จนแทบจะกลายเป็นกลิ่นของเจ้าตัวอยู่แล้ว" ลูฟเป็นฝ่ายเสริมความคิดเห็นของโจชัวขึ้นมาบ้าง "กลิ่นนายมันชัดมากจริงๆนะเชส" 


    "อีกไม่กี่วันเท่านั้นล่ะ" 


    "ไม่มีทาง.." ลูฟยังคงยืนกรานเถียง "นายมั่นใจนะเชสว่าไม่ได้กลบกลิ่นเลสลีย์เพิ่ม" เพราะถ้าไม่ใช่เหตุผลนี้มันก็คงไม่มีเหตุผลอื่นอีกแล้ว


    "นั่นน่ะสิ"  คำตอบจากปากเชส นั้นเรียกรอยยิ้มมุมปากของโจชัวกับลูฟขึ้นมาในทันที  เอาเป็นว่าคงไม่ต้องพูดอะไรมากกว่านี้ก็คงเข้าใจกันอย่างดี 


    "อ่า.. เกือบลืมเลย" ลูฟดีดนิ้วดังเปร๊าะเมื่อฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ "เชส! ฉันหาอุโมงค์นั่นเจอแล้วตามที่นายบอกไว้" 


    "ตั้งแต่เมื่อไหร่" เชสวางแก้วในมือลงทันทีก่อนจะมาทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกันกับลูุฟ 


    "เมื่อวานนี้.. เรียกว่าบังเอิญถึงจะถูก ฉันไม่เคยคิดเลยจริงๆ ว่าเดอะฮิลล์จะมีอุโมงค์ที่นายว่าด้วย" 


    "มีใครรู้บ้าง?" 


    "แค่ฉันกับลูกน้องอีกสองคน ส่วนคนอื่นไม่น่าจะมีใครรู้"


    "ลูกน้องนายไว้ใจได้มากแค่ไหน" เชสยังคงถามย้ำ 


    "ลูกน้องนายก็คือลูกน้องฉัน  นายก็น่าจะรู้ดีว่าพวกนี้ปิดปากเงียบแค่ไหน" 


    "นี่นายกำลังพูดถึงเรื่องอุโมงค์อะไรกัน" โจชัวที่ไม่รู้เรื่องถึงกับต้องเปิดปากถาม "มีความลับอะไรที่ไม่ได้บอกฉันใช่ไหม" 


    "ก็รู้แล้วนี่ไง" เชสว่า "แล้วอุโมงค์นั่นอยู่ที่ไหน" 


    "อยู่แค่ใต้จมูุกพวกเราแค่นี้เอง..." มันไม่ใช่ที่อื่นไกลอะไรเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับเป็นที่ๆ ทุกคนมองข้ามอย่างไม่สนใจด้วยซ้ำ "ห้องใต้ดินของหน่วยประจำการเก่า.."


    "ที่นั่นปิดตาย.." 


    "ใช่.. แล้วนายไม่สงสัยหรือไงว่าปิดตายทำไม" 


    และนั่นก็คือส่ิงที่เชสมองข้ามมาตลอดอย่างไม่คิดจะสนใจ หน่วยประจำการเก่าที่ถูกปล่อยทิ้งและปิดตายเต็มไปด้วยเถาวัลย์ ไม้เลื้อย รกทึบจนแทบไม่มีใครเข้าไปวุ่นวาย ที่แบบนั้นน่ะเหรอที่จะมีอุโมงค์


    "แล้วนายได้ลองเข้าไปหรือยัง" 


    "ฉันเดินเข้าไปแค่นิดเดียว มันถูกปิดมานานเกินไป อากาศหายใจแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ" 


    "ให้มันได้อย่างงี้สิ" เชสขบกรามด้วยความหงุดหงิดใจ 


    "แล้วตกลง นายให้ลูฟหาอุโมงค์นั่นเพื่ออะไร?" โจชัวที่นั่งฟังอยู่นานเอ่ยถาม ขืนปล่อยให้บทสทนาไปมากกว่านี้ คงจะเป็นโจชัวเองที่สับสน 


    "อุโมงค์นั่นจะทำให้เราเข้าไปในแดนเหนือได้.." 


    "นายจะทำอะไร..." 


    "พวกนายไม่อยากลองไปแดนเหนือกันบ้างหรือไง" 


    รอยยิ้มของเชสในตอนนี้กำลังทำให้ทั้งลูฟและโจชัวนิ่งไปตามๆ กัน 


    "อย่าบอกนะว่านายกำลังหาทางช่วยเลสลีย์.." ลูฟละลักละล่ำถาม "ฉันว่ามันบ้าเกินไปแล้วเชส" 


    "อาจจะ.. หรือไม่ก็แค่เปิดทางไว้เท่านั้น" 


    "...." 


    "ถ้าเลสลีย์คนโตเอาตัวรอดได้มากพอ ฉันเชื่อว่าหมอนั่นจะหาทางมาที่นี่จนได้" 


    "นายไม่ควรไปยุ่งกับคนของสเปนเซอร์" โจชัวเตือนในทันที 


    "ถึงฉันไม่ยุ่ง นายคิดหรือว่าแอชเชอร์จะยอมหยุดง่ายๆ สักวันหนึ่งหมอนั่นก็ต้องดันทุรังกลับเข้าไปที่นั่น" 


    "แล้วนายเดือดร้อนอะไรด้วย?" ลูฟไม่ได้จะหาเรื่อง แต่เขาก็แค่ไม่เข้าใจในตัวเพื่อนตัวเองก็เท่านั้น 


    "ฉันแค่ต้องทำตามสัญญา" 


    "ทางที่ดีฉันว่านายควรจะกันแอชเชอร์น่าจะดีกว่าการที่จะบุกไปที่นั่น"


    "ฉันยังไม่คิดเรื่องที่จะบุกไปที่นั่นจริงๆจังๆหรอกลูฟ แต่อย่างน้อยฉันก็ต้องหาทางรับมือหากพวกนั้นเล่นตุกติก" 


    ต่างฝ่ายก็ต่างยากจะคาดเดา เชสเองก็ไม่อยากประมาทริโอเท่าไหร่นัก แม้จะท้าทายอีกฝ่ายให้ไปตามตัวแอชเชอร์จากหน่วยกลาง ก็ใช่ว่าจะมั่นใจได้ทั้งหมด 


    "แล้วถ้าทางออกอีกฝั่งของอุโมงค์ปิดอยู่ เราก็จบเห่กันพอดีน่ะสิ" 


    "จากที่อาเธอร์บอก ทางออกอีกด้านจะอยู่ในฝั่งของตระกูลเลสลีย์


    "แต่ฉันไม่คิดว่าจะรอดพ้นสายตาริโอ" คนที่ฉลาดเป็นกรดเป็นริโอคงไม่พลาดอะไรที่อยู่ใกล้ตัวแบบนั้นแน่ๆ  "นายไม่ควรประมาทคนแบบนั้น"


    "อย่างน้อยฉันก็ควรทำอะไรสักอย่าง" 















    ภายในบ้านพักของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ ยังคงมีร่างขาวของอัลฟ่าแดนเหนือที่นั่งนิ่งนับเวลาถอยหลังอย่างใจเย็นจนน่าใจหาย ในมือขาวยังคงมีของเล่นที่เจ้าตัวถนัดมือไม่ห่าง ยิ่งคิด ยิ่งทบทวน ก็ยิ่งทำให้แอชเชอร์ขบกรามตัวเองแน่น 


    ตอนนี้ก็แค่รอเวลาเพียงเท่านั้น


    แว่วเสียงของเกรย์วูล์ฟด้านนอกที่ส่งเสียงดีใจกันยกใหญ่ทำให้แอชเชอร์ตวัดสายตามองที่บานประตูบ้านที่จะต้องถูกเปิดภายในไม่ช้า  ขาเรียวยาวหยัดตัวลุกขึ้นยืนช้าๆ ในขณะที่มือขาวยังคงใช้ปลายนิ้วลูบสิ่งที่อยู่ในมือ


    ไทเลอร์คงกลับมาแล้ว...



    แอ๊ด


    ปัก! 


    ทันทีที่ไทเลอร์เปิดประตูเข้ามาภายในบ้านก็ต้องเบี่ยงตัวหลบในทันที ปลายมีดที่พุ่งเข้ามาหาเฉียดใบหน้าของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ ปลายมีดนั้นสร้างรอยแผลเล็กๆ จนเลือดซิบให้กับไทเลอร์อย่างไม่มีข้อแม้ หากเบี่ยงตัวหลบไม่ทันป่านนี้มีดที่ปักอยู่บนบานประตูด้านหลังไทเลอร์คงปักเข้าที่หน้าของเจ้าตัวเป็นแน่ 


    "นี่เป็นวิธีทักทายของแดนเหนือหรือเลสลีย์"  หลังมือใหญ่ปาดเลือดที่ไหลบริเวณโหนกแก้มตัวเองออกลวกๆ ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้อัลฟ่าแดนเหนือที่ยืนจ้องหน้าตัวเองนิ่ง 


    "มันก็เหมาะกับคนโกหกแบบนายดี" 


    ยิ่งไทเลอร์ยังคงทำเป็นไม่รู้เรื่องก็ยิ่งทำให้คนที่เดือดอยู่ก่อนหน้านี้ยิ่งร้อนกันเข้าไปใหญ่


    "พูดให้มันรู้เรื่อง" คนผิวเข้มว่า แต่ยิ่งไทเลอร์เดินเข้าใกล้ เลสลีย์ก็ยิ่งเดินถอยหนี 


    "นายบอกว่าอาเธอร์ไม่ได้มาที่นี่... แล้วนี่มันอะไร!" 


    เสื้อที่กองอยู่ด้านหลังซึ่งอยู่ใกล้มือถูกปาใส่หน้าของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์อย่างเต็มแรง จนเจ้าของใบหน้าหล่อคมต้องผินหน้าหลบแรงกระแทกนั่น 


    เสื้อของอาเธอร์ที่อยู่ในห้องของเชสนั่นเองที่ถูกปาใส่หน้าของหัวหน้าหน่วย คงต้องโทษความผิดพลาดของเชสเองที่ไม่จัดการอะไรให้เรียบร้อย ถึงได้ตกไปอยู่ในมือของแอชเชอร์ที่ชอบ


    "สนุกมากไหมที่หลอกฉันได้" 


    "...."


    "ต่อให้นายจะไม่สนุก แต่นายก็เล่นกับความรู้สึกของฉันเกินไปไทเลอร์" 


    "แล้วการที่ฉันบอกนายไปว่าอาเธอร์มาที่นี่ มันจะช่วยอะไรนายได้" 


    "อย่างน้อยฉันก็แค่อยากเห็นว่าเขายังสบายดี"


    "ถ้าอยากจะรู้นัก ฉันก็จะบอกให้..."


    "...."


    "พี่ชายนายยังสบายดี แล้วก็ยังสบายดีในฐานะคนของสเปนเซอร์


    "!!!"


    "นึกได้หรือยังล่ะว่าฉันถามนายด้วยคำถามนั้นทำไม" 


    "นายกำลังบอกว่าอาเธอร์เป็นคนของมัน.."


    "ฉันก็พูดตามที่เห็น ถ้าฉันไม่เห็นว่าพี่นายยืนพลอดรักอยู่กับริโอก็คงพูดไม่ได้หรอก" 


    มือสวยกำเข้าหากันแน่นเพราะความโกรธจัดจนตัวสั่น คำพูดของไทเลอร์มันเหมือนกับน้ำเย็นที่สาดเข้ามาที่ใบหน้าของแอชเชอร์จนชาไปทั้งใบหน้า 


    "นาย..."


    "มันคือความจริงที่นายเองก็รู้อยู่แก่ใจแต่ไม่เคยยอมรับเลสลีย์" 


    "หยุดพูด!!" 


    แอชเชอร์ที่มักจะยอมเมินเฉยต่อคำพูดของไทเลอร์ในตอนนี้กลับควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่  ทั้งโกรธที่ถูกหลอกและเกลียดที่ต้องได้ยินคนนอกพูดถึงคนในครอบครัวของตัวเอง 


    "ความจริงเป็นยังไงนายก็รู้ดี" 


    "อย่าพูดออกมา ถ้านายไม่ได้รู้จักพวกฉันดีพอ.."


    "บางที.. ฉันอาจจะรู้จักนายมากกว่าที่นายรู้จักตัวเองเสียอีก" 


    มือใหญ่คว้าเข้าเต็มแรงที่ข้อมือขาวของคนที่หยุดยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะก้มหน้าลงไปกระซิบเสียงเย็นใส่อัลฟ่าแดนเหนือที่จมอยู่ในความคิดของตัวเอง


    "นายจะรับผิดชอบแผลที่หน้าของฉันยังไงดีล่ะ แอชเชอร์








    HASTAG #youngmastermn 









    TALK : อธิบายเพิ่มเติมสำหรับอัลฟ่าในเรื่องนะคะ ในส่วนของเวิร์สนี้เราของปรับเปลี่ยนรายละเอียดในเรื่องเป็นดังนี้ค่ะ อัลฟ่าในเรื่องสามารถท้องได้(alpha x alpha) โดยจะมีโอกาสน้อยมาก(10%) ที่จะท้องถ้าเทียบกับ (alpha x omega) ซึ่งเด็กที่เกิดมาจะเป็นทรูอัลฟ่า (ยกตัวอย่างเช่น เชส ไทเลอร์)  ส่วนในกรณีของทรูอัลฟ่ากับอัลฟ่า จะมีโอกาสท้องมากกว่า(30%) ซึ่งในกรณีของทรูอัลฟ่าจะพิเศษกว่าที่มีพละกำลังมากกว่าอัลฟ่าปกติ ส่วนมากจะถูกผลักดันให้เป็นผู้นำเสียส่วนใหญ่ สามารถได้กลิ่นของทุกเพศสภาพทั้งโอเมก้า เบต้า อัลฟ่า (ส่วนอัลฟ่าปกติมักจะได้กลิ่นแค่อัลฟ่าด้วยกันเอง และกลิ่นโอเมก้าเท่านั้น) ทรูอัลฟ่าสามารถเกิดอาการรัทขึ้นได้ตลอดโดยไม่สามารถกำหนดได้(ตรงข้ามกับอัลฟ่าปกติที่จะรัทเวลาได้กลิ่นโอเมก้าฮีท) ส่วนรอยัลอัลฟ่า(ริโอ) คือทรูอัลฟ่าที่เกิดจากเชื้อสายราชวงศ์ ทำให้ไม่ได้ถูกเรียกว่าเป็นทรูอัลฟ่าเหมือนปกติ (ขอเก็บไว้อธิบายตัวละครต่อในเรื่องนะคะ) 

















Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in