บรรยากาศของเดอะฮิลล์ยังคงเป็นเหมือนเดิมไม่ต่างจากวันที่แอชเชอร์ออกมาจากที่นี่ หน่วยป้องกันที่ตั้งอยู่ที่ราบระหว่างบริเวณหุบเขาน้อยใหญ่ ไหนจะป้อมประจำการที่กระจายอยู่ตามบริเวณที่สูงนั้นปรากฏอยู่เต็มสายตาของแอชเชอร์จนแทบจะละสายตาออกไปไม่ได้
ต้นไม้เขียวชะอุ่มที่ไร้หิมะปกคลุมยังคงดูน่ามองไม่เปลี่ยน ยิ่งมองก็ยิ่งเพลินตาจนกลายเป็นว่าอัลฟ่าแดนเหนือนั้นเริ่มที่จะชื่นชอบความอบอุ่นของแดนใต้มากขึ้นเรื่อยๆ
ความโดดเดี่ยวของการใช้ชีวิตท่ามกลางผู้คนต่างแดนแม้จะปรับตัวได้ลำบาก แต่แอชเชอร์ก็ถือว่ามันคงเป็นอีกก้าวนึงของชีวิตที่ทำให้ตัวเองได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง หากถ้ายังเป็นนายน้อยอยู่ในแดนเหนือแอชเชอร์เองก็ไม่มีทางได้สัมผัสกับความอบอุ่นที่ใครเคยบอกกล่าว
จริงๆ แล้วการเป็นนายน้อยในแดนเหนือนั่นกลับเป็นสิ่งที่ทำร้ายตัวแอชเชอร์เสียด้วยซ้ำ ยิ่งถูกปลูกฝังว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ความหยิ่งผยองในตัวของเขานั้นสูงมากขึ้นเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นแอชเชอร์ก็ยังคงจะรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองที่มีไว้ให้มากที่สุด อะไรที่เขาสามารถยอมเสียได้และมันเป็นประโยชน์ให้กับตัวเอง มันก็ถือว่าคุ้มคาพอตัวกับสิ่งที่เขาต้องเสียไป
"ถ้านายกลับมาช้ากว่านี้อีกนิด ฉันคงได้ออกไปตามหาแล้วจริงๆนะเชส" ทันทีที่เชสและแอชเชอร์เดินทางถึงบริเวณหน้าประตูทางเข้าเดอะฮิลล์ ก็เจอเข้ากับลูฟที่กำลังยืนคุยกับลูกน้องสามสี่คนด้วยท่าท่างเคร่งเครียด
ใบหน้าที่แสดงออกถึงความโล่งอกฉายชัดบนใบหน้าของลูฟอย่างชัดเจน ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเข้ามาสวมกอดคนที่เดินจูงมาอยู่ข้างๆ ซึ่งก็ไม่พ้นเชส ไทเลอร์ ที่ยอมลงไปเดินอยู่ข้างล่างแทนที่จะนั่งซ้อนหลังของแอชเชอร์
ซึ่งไทเลอร์เองก็ให้เหตุผลกับแอชเชอร์เอาไว้ก่อนหน้านี้ จนทำให้คนตัวขาวปิดปากไม่พูดไม่จามาตลอดทาง
'ถ้าให้ฉันขี่ม้าซ้อนหลังนายเข้าไปแบบนั้น นายคงจะได้เป็นคนของไทเลอร์เข้าจริงๆ'
แอชเชอร์ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสรุปแล้วมันดีจริงหรือเปล่าที่ไทเลอร์ยอมลงไปเดินข้างล่างแล้วให้ตัวเขานั่งอยู่ด้านบน....
"เลสลีย์ยังบาดเจ็บ เราเลยต้องพักกันมาตลอดทาง" เชสว่าก่อนจะแหงนหน้ามองอัลฟ่าตัวขาวที่ยังคงนั่งอยู่บนหลังม้า ดูๆแล้วก็ช่างเป็นภาพที่ตัดกันไม่หยอก ตัวขาวซีดของเลสลีย์ช่างดูเด่นเหลือเกินเมื่อขึ้นขี่อาชาสีดำเลื่อม
"นายเป็นอะไรมากหรือเปล่าเลสลีย์" ลูฟไม่รอช้าที่จะเอ่ยปากถามคนตัวขาวที่ยังปิดปากเงียบ ด้วยท่าทางที่ตกใจพอควร หางตาของเจ้าของร่างสูงยังคงเห็นชาลีที่วิ่งหางไวๆ เข้าไปในเดอะฮิลล์
"ดีขึ้นมากแล้ว" เสียงนุ่มเอ่ยตอบก่อนจะระบายยิ้มเล็กๆให้กับลูฟที่ดูจะตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บ
"ริคไม่ได้บอกนายหรือไง" เชสถามเพื่อนสนิททันที ซึ่งคำตอบที่ได้ก็คงเป็นหัวของลูฟที่ส่ายหน้าไปมา
"ฉันยังไม่ได้คุยกับริคเลยด้วยซ้ำ กลับมาหมอนั่นก็ต้องรีบไปดูคนป่วย มีเวลามาเสวนากับฉันเสียทีไหน"
"คนป่วย?" เชสเลิกคิ้วน้อยๆ ด้วยความสงสัย ใช่ว่าที่นี่จะมีแค่เอริคคนเดียวเสียที่ไหนที่รักษาได้
"เอ่อ..." ลูฟมีท่าทีอึกอักนิดหน่อยจนเชสเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น
"ระหว่างที่ฉันไม่อยู่มันเกิดอะไรขึ้น" เชสถามเสียงเข้ม ในขณะที่เลสลีย์เองก็สงสัยไปด้วยกับท่าทีของลูฟที่ดูแปลกไป
"เกี่ยวกับฉันหรือเปล่า" แอชเชอร์เองก็อดจะกังวลไม่ได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นอาจจะเกี่ยวกับตัวเอง
"เรื่องนี้ไม่ได้เกิดเพราะนายหรอกเลสลีย์..." ลูฟเอ่ยก่อนจะหันหน้ามามองเพื่อนสนิทของตัวเองที่ตอนนี้ตีหน้าเรียบนิ่งสนิท "มันเกี่ยวกับนายต่างหากเชส.."
"พูดมา"
"อลิเซีย.."
"!!!"
"เธอถูกทำร้ายระหว่างที่มาหานายที่นี่"
เจ้าของผิวสีแทนปล่อยมือที่จูงม้าทันที ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปในหน่วยโดยที่ไม่พูุดอะไร ท่ามกลางความงุนงงของคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยอย่างแอชเชอร์ คนตัวขาวเองก็ตกใจไม่น้อยกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของไทเลอร์
ดูเหมือนว่าคนที่ชื่ออลิเซียจะมีความสำคัญกับไทเลอร์น่าดู..
"คงจะเหนื่อยน่าดู เดี๋ยวฉันพานายกลับไปพักที่บ้านก่อนจะดีกว่า" ลูฟที่ยืนมองแผ่นหลังของเชสจนลับหายไป หันกลับมาคุยกับคนตัวขาวที่ยังนั่งนิ่งไม่ไหวติง
"เพื่อนนายต่างหากที่เหนื่อยกว่าฉัน" เลสลีย์คนเล็กตอบ
"เชื่อเถอะว่ายังมีเรื่องให้เชสเหนื่อยกว่านี้อีกเยอะ"
"นายหมายถึงอะไร?"
"เอาไว้ก่อนเถอะ เดี๋ยวนายก็รู้เอง" ลูฟเลี่ยงที่จะตอบ พลางคว้าสายจูงม้าที่เพื่อนของตัวเองปล่อยทิ้งเอาไว้อย่างไม่บอกไม่กล่าวมาถือแทน แล้วพาอัลฟ่าแดนเหนือที่กำลังบาดเจ็บกลับไปพักผ่อนที่บ้าน
ตลอดทางกลับบ้านลูฟเองก็คอยถามเลสลีย์เจื้อยแจ้วไม่ยอมหยุด จนคนถูกถามต้องคอยปรามให้เจ้าตัวค่อยๆ ถาม แต่ดูท่าก็คงจะไม่ได้ช่วยเลยสักนิดเพราะนิสัยคนเรามันก็ไม่ได้แก้กันง่ายๆ
"จะว่าไปกลิ่นของเชสก็ยังติดตัวนายชัดมากเลยนะเลสลีย์" ลูฟอดทักไม่ได้ ด้วยระยะห่างแค่นี้แน่นอนว่ามันทำให้ลูฟเองก็ได้กลิ่นไม้สนซีดาร์ของเพื่อนชัดเจนพอๆ กับเวลาที่อยู่กับเจ้าของกลิ่น
"อีกไม่กี่วันก็คงจะจางกว่านี้.." คนตัวขาวตอบอย่างไม่คิดอะไรมาก หลายวันที่ผ่านมาถึงแม้จะไม่อยากทำใจให้ชิน แต่สุดท้ายแอชเชอร์ก็ต้องยอมรับกับกลิ่นที่ติดตัวของตัวเอง
"แต่เท่าที่รู้ นี่มันก็ผ่านมาหลายวันแล้ว มันก็สมควรจะจางลงได้แล้วนะ"
"แล้วฉันไปรู้ได้ยังไงว่ามันเพราะอะไร" ไม่ใช่ไม่สงสัย แต่เพราะไม่รู้จะหาคำตอบจากใครแอชเชอร์ถึงเลือกที่จะเก็บความสงสัยไว้กับตัวมากกว่า
"หรือว่าเพราะนายสองคนอยู่ด้วยกันนะ แต่ถ้าไม่ตั้งใจปล่อยกลิ่นออกมาเยอะขนาดนั้นมันก็ไม่น่าติดขนาดนี้นี่" ลูฟบ่นพึมพำกับตัวเองซึ่งแน่นอนว่าคนที่อยู่ใกล้อย่างแอชเชอร์ย่อมได้ยินหมดทุกคำพูด
"อัลฟ่าที่ตั้งใจปล่อยกลิ่นออกมาแบบนั้น มันคือพวกที่ต้องการแสดงความเป็นเจ้าของนะเชอร์ชิล"
ซึ่งมันไม่มีทางเป็นไปได้ในกรณีของทั้งเลสลีย์และไทเลอร์
"ก็ใช่ไง ฉันถึงสงสัยอยู่ว่าทำไม" ลูฟหันมามองหน้าอัลฟ่าแดนเหนืออีกครั้ง ก่อนจะพิจารณาช้าๆ ถึงความเป็นไปได้ที่เกิดขึ้นของสองคนนี้ อีกทั้งการที่เชสยอมลงมาเดินด้านล่างแทนที่จะขี่ม้านั่นก็ไม่ใช่การกระทำที่ปกติเลยสักนิด สำหรับคนที่รู้จักเชสมานานอย่างลูุฟ "พวกนายสองคนมีอะไรมากกว่าที่ฉันรู้หรือเปล่า?"
"!!!"
"ฉันก็แค่ถามเผื่อไปงั้นแหละ อย่าคิดมากเลยน่า ถ้านายสองคนมีอะไรมากกว่านี้ล่ะก็ฉันไม่อยากคิดสภาพว่าจะอลิเซียจะโมโหแค่ไหน"
"อลิเซีย?" ชื่อนี้อีกแล้ว..
"ลูกสาวของหัวหน้าหน่วยกลาง จริงๆ เธอก็ไม่เชิงเป็นคู่ของเชสหรอก แต่นายอย่าไปบอกใครนะว่าฉันบอกนาย"
"โอเมก้า?"
"ใช่.. โอเมก้าผู้หญิง ไหนๆ นายก็รู้แล้ว ขอบ่นหน่อยก็แล้วกัน" ลูฟส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะถอนหายใจ "บอกตามตรงว่าฉันไม่ค่อยเห็นด้วยกับการเข้าหาเชสของอลิเซียสักเท่าไหร่"
"นั่นใช่เรื่องที่ฉันต้องรู้ไหมเชอร์ชิล"
"ถือว่าฟังฉันบ่นหน่อยก็แล้วกัน นายไม่รู้หรอกว่าเวลาที่อลิเซียมาที่นี่ทีไร พวกเราต้องปั่นป่วนมากแค่ไหน"
"พวกนายควรจะดีใจต่างหากนะที่นานๆ ทีจะมีโอเมก้าเข้ามา"
"ตรงกันข้าม.. ฉันไม่ได้จะดูถูกโอเมก้าหรอกนะว่าเป็นตัวปัญหา แต่ในที่ๆพวกเราอยู่มันไม่เหมาะจริงๆ ที่จะมีโอเมก้า" ลูฟพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "สัญชาตญาณของอัลฟ่ามันรุนแรงแค่ไหนนายก็รู้ดีเวลาที่เจอโอเมก้าฮีท"
"ก็พอเข้าใจ.. เพราะที่แดนหนือมันก็เป็นเรื่องยากเหมือนกันที่จะกันโอเมก้ากับอัลฟ่าให้ห่างออกจากกัน"
"แต่เชสทำได้.."
"นั่นก็เป็นเรื่องที่ดีนี่ อย่างน้อยหัวหน้าของพวกนายก็มีคุณธรรมมากพอ ถึงอย่างนั้นนายก็ควรลองมองโอเมก้าของเพื่อนนายดีๆ บ้างก็ดีนะเชอร์ชิล"
"นายอย่าใช้คำว่าของเพื่อนฉันเลย มันไม่มีทางเป็นไปได้"
"ก็นายบอกว่าเขาเป็นคู่กัน"
"คู่ที่พ่อฝั่งนั้นอยากจะจับคู่ให้เชสมากกว่า"
"แล้วมันไม่ดีตรงไหนล่ะ ฟังจากที่นายเล่าเขาก็ดูไม่ได้แย่อะไรนี่ ไหนยังจะเป็นลูกหัวหน้าหน่วยกลางอีก"
"งั้นนายก็ควรรู้ไว้อย่างหนึ่งนะเลสลีย์"
"หืม?"
"เชส ไทเลอร์ ไม่เคยสนใจโอเมก้า.."
//////
"ทำไมเธอถึงชอบมาที่นี่โดยไม่บอกฉันก่อนอลิเซีย" ทันทีที่เชสมาถึงที่บ้านพักรับรองของเดอะฮิลล์ เจ้าตัวก็เปิดปากถามหญิงสาวที่นั่งพิงหัวเตียงหยอกล้อคุยกับคนรับใช้โดยไม่รอช้า
"อลิส.."
"เธอก็รู้ว่าฉันไม่มีทางเรียกเธอแบบนั้น" เชสว่าเสียงเข้มพลางใช้สายตาไล่คนรับใช้ของอลิเซีย วอลตัน ออกไปจากห้องให้หมด
"พวกเธอออกไปก่อน" อลิเซียเอ่ยบอกสาวใช้ของตนเองด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลซึ่งก็ไม่ต่างจากใบหน้าน่ารักของเธอเลยสักนิด
หลังจากที่คนนอกออกไปจากห้องจนหมด หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ก็ยังคงตีสีหน้าเรียบนิ่งใส่สาวน้อยน่ารักแม้ว่าเธอจะพยายามส่งยิ้มให้มากแค่ไหนก็ตาม
"ฉันขอโทษที่ไม่ได้บอกนายก่อนว่าจะมาที่นี่.." เธอยอมรับผิดก่อนจะส่งสายตาขอโทษมาให้คนผิวสีแทน
"ไม่เคยเลยสักครั้งที่เธอจะบอกฉันว่าจะมาที่นี่"
"ถ้าฉันบอกนาย นายก็คงไม่ให้ฉันมาเหมือนเคย" สาวเจ้าว่าพลางขยับตัวลุกจากเตียง แล้วเดินสาวเท้าเข้ามาใกล้ร่างสูงของหัวหน้าหน่วยโดยที่มือนิ่มนั้นไม่วายที่จะสัมผัสเข้าที่มือสากของเชส "อีกอย่างพ่อฉันก็อนุญาตให้มาหานายได้"
"นั่นคือเหตุผลของเธอหรือ?"
"นายก็ยังเป็นนาย.." สาวเจ้ายกยิ้มเศร้า "ใจร้ายเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน"
"ที่นี่มันอันตราย เธอก็เห็นว่าครั้งนี้เป็นยังไง"
"ใครจะไปรู้กันว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น" อลิเซียกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเหมือนเดิมทั้งๆที่คนตรงหน้าเธอยังคงเฉยชา "อีกอย่างฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก"
"แล้วต้องให้เป็นอะไรมากขึ้นมาใช่ไหม เธอถึงจะรู้ว่ามันไม่สมควร"
"แต่จากที่ฉันรู้ คนพวกนั้นที่ทำร้ายฉันคือคนของแดนเหนือ.." เธอว่าขณะลูบมือของเชสเบาๆ "พึ่งจะรู้เหมือนกันว่าเดี๋ยวนี้นายช่วยเหลือคนฝั่งนั้น"
"อลิเซีย.."
"ฟังจากที่คนอื่นพูดมา ฉันก็ไม่แปลกใจหรอกว่าทำไมนายถึงช่วย"
แม้จะถูกเจ้าของผิวสีแทนดุแต่ก็ไม่ทำให้เธอหยุดพูดในสิ่งที่คิดเลยสักนิด และนั่นก็ทำให้เชสเริ่มรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
"หยุดพูดในสิ่งที่เธอไม่รู้จะดีกว่า"
"ทั้งที่นายรู้ว่ามันผิดกฎแต่นายก็ยังทำ"
ดวงตาคมกริบไล่มองใบหน้าของสาวเจ้าที่ถึงแม้ว่าอลิเซียจะมีใบหน้าที่อ่อนหวานมากแค่ไหน แต่สายตาของเธอนั้นยามที่คุยกับเชสมันกลับไม่ได้อ่อนหวานไปด้วยเลยสักนิด
"คนอย่างฉันมีเหตุผลพอในทุกการกระทำ"
"พ่อฉันคงไม่พ่อใจแน่ๆ ถ้ารู้เรื่องนี้ขึ้นมา"
"นั่นมันก็แล้วแต่เธอ แต่ฉันขอให้เธอจำไว้แล้วกันว่าต่อให้เธอจะบีบฉันแค่ไหน เธอก็ไม่มีวันได้แต่งงานกับฉันหรอกอลิเซีย"
"เชส!"
"ฉันไม่ใช่คนพูดจาดีเธอก็รู้.. ยังมีอัลฟ่าอีกหลายคนที่พร้อมจะเป็นคู่ของเธอ อย่ามาเสียเวลาให้กับคนที่ไม่สนใจอะไรอย่างฉันจะดีกว่า"
"นายไม่ได้ไร้หัวใจขนาดนั้นเชส"
"ต่อให้มี คนๆ นั้นก็ไม่ใช่เธอ" เชสเป็นคนใจร้ายข้อนี้เขารู้ตัวดี แต่ต่อให้เจ้าตัวจะพูดจาทำร้ายจิตใจของอลิเซียแค่ไหนมันก็ไม่เคยทำให้เจ้าหล่อนเลิกรักเชสเสียที
"มันไม่มีโอกาสเป็นที่ของฉันบ้างเลยหรือ"
"ไม่มี.."
ราวกับฟ้าผ่าลงมากลางใจของคนฟัง ร่างกายมันชาหนึบไปตั้งแต่หัวจรดเท้ายามที่คนตรงหน้าเอ่ยตอบอย่างไม่ไยดี เชสไม่เคยมีแม้แต่เยื่อใยที่จะมอบให้เธอ
"คนใจร้ายแบบนายคงไม่เข้าใจความเจ็บปวดของฉันหรอก"
"ฉันรู้ว่าเธอเจ็บ แต่ลองมองกลับกันดูสิ ถ้าเธอไม่ดันทุรังไม่พยายามที่จะรักฉันไปมากกว่านี้ เธอเองก็จะไม่ต้องเจ็บปวด"
"นายคิดว่าเรื่องนี้เลิกได้ง่ายๆหรือไงเชส" ดวงตาของสาวเจ้าแดงก่ำมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อคนใจร้ายยังคงพูดจาไม่ให้ความหวังเธอสักนิด
"ฉันไม่เคยให้ความหวัง.. เธอเองก็รู้" เชสแกะมือของหญิงสาวที่จับมือของตัวเองออกเบาๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบเรือนผมสีสว่างของหญิงสาว "ที่ผ่านมาฉันมองเธอเป็นแค่น้องสาวคนนึงอลิเซีย"
"แล้วทำไมนายถึงไม่ปฏิเสธ เวลาที่คุยกับพ่อของฉัน"
"ฉันดูอยู่ในสถานะที่ปฏิเสธพ่อของเธอได้หรือ?"
"...."
"มันคงจะดีกว่าถ้าเธอจะเป็นคนเอ่ยปากบอกพ่อของเธอเอง" ต่อให้ใจร้ายแค่ไหน ผู้ชายตรงหน้าของอลิเซียก็ยังคงดูดีในสายตาเธอเสมอ
แรงโถมตัวที่โผเข้ากอดทำให้เชสเซถอยหลังเล็กน้อย เมื่อจู่ๆ อลิเซียก็เข้ามากอดตัวเองแน่นจนใบหน้าน่ารักของเธอซุกลงที่หน้าอกของทรูอัลฟ่าหนุ่ม แว่วเสียงสะอื้นที่ได้ยินทำให้เชสได้แต่ยืนนิ่งให้หญิงสาวกอดอยู่อย่างนั้น โดยไม่มีทีท่าว่าจะกอดตอบเธอแต่อย่างใด
เชสไม่ปฏิเสธว่าอลิเซียเป็นโอเมก้าที่ใครๆ ต่างก็ชื่นชมและปราถนาที่จะครอบครอง ด้วยฐานะ รูุปลักษณ์ หรือ กิริยาที่ถูกอบรมมาเป็นอย่างดีทำให้เธอเป็นหญิงสาวที่เพียบพร้อมไปทุกเรื่อง
"ช่วยปลอบฉันบ้างได้ไหมเชส..."
คำขอของหญิงสาวทำให้หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ขบกรามของตัวเองเบาๆ เชสรู้จักอลิเซียดีว่าเธอเป็นคนยังไง จะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งมันก็ไม่เคยทำให้เธอยอมถอย แม้หลังๆนี้สาวเจ้าจะแวะมาที่เดอะฮิลล์น้อยครั้งลง แต่ก็ยังคงโผล่มาให้เชสได้ปวดหัวอยู่ตลอด
มันคงจะไม่ดีแน่ถ้าจะให้อลิเซียอยู่เดอะฮิลล์สักระยะหนึ่ง..
"ฉันปลอบใครไม่เป็น"
กว่าที่เชสจะหาทางปลีกตัวออกจากอลิเซียได้ก็เล่นเอาเสียเวลาไปพักใหญ่ น้ำตาของโอเมก้าสาวที่ไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก ใช้เวลาเสียนานกว่าเธอจะหยุดร้องไห้ไปเอง ซึ่งแน่นอนว่าเชสนั้นก็ยืนท่ื่อเป็นรูปปั้นไร้ชีวิตให้เธอใช้เช็ดน้ำตาอยู่อย่างนั้นโดยไม่ได้ปลอบอะไร
ฟังดูใจร้ายแต่มันก็เหมาะกับเชสที่เป็นคนไม่ชอบให้ความหวังคนอื่น..
แต่มันก็น่าคิดอยู่ดีว่าทำไมคนที่ไม่เคยเรียกร้องอะไรกลับได้ทุกอย่างที่เชสไม่เคยคิดจะทำ ตรงกันข้ามกับคนที่เรียกร้องทุกอย่างแต่ไม่เคยได้อะไรจากเชส
"หายเข้าไปเสียนาน เป็นยังไงบ้างล่ะ" ทันทีที่เอริคเจอหน้าเชสเจ้าตัวก็เอ่ยปากถามในทันทีก่อนจะส่งยิ้มยียวนมาให้หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ที่ยังคงทำหน้านิ่งไม่เลิก
"คนฉลาดๆ อย่างนายก็คงจะคิดได้"
"ท่าทางจะอารมณ์เสีย" เอริคว่าเสียงเย้าหยอก พลางส่งเสื้อผ้าที่เชสเป็นคนสั่งให้หาไว้ก่อนกลับมาจากโรสต์ "เสื้อผ้าที่นายสั่งให้เตรียมไว้"
"ขอบใจ ฉันเองก็เกือบลืม"
"มั่นใจหรือว่าเลสลีย์จะยอมใส่เสื้อผ้าแบบนี้ ท่าทางหวงตัวแบบนั้นไม่น่ายอมง่ายๆหรอกนะ"
"นายนี่ก็ช่างสังเกตดีเหมือนกันนะริค" เชสเดาะลิ้นด้วยความเคยชิน แต่ที่แน่ๆ คือเจ้าตัวก็ตั้งใจกวนหมอหนุ่มด้วยไม่น้อย
"นายเองก็เหมือนกัน"
"เห็นความเคยชินของเลสลีย์แล้วมันก็แอบขัดหูขัดตานิดหน่อยก็เท่านั้น"
"คนอย่างเนี่ยนะจะรำคาญอะไรกับเรื่องพวกนี้ นอกจากนายจะสนใจ"
"ฉันล่ะเกลียดความรู้ดีของนายจริงๆริค.." แค่มองตาก็ทำให้ต่างคนต่างเห็นนิสัยของกัน ยิ่งกับเอริคที่เป็นคู่กัดกับเชสแล้วล่ะก็ ทำไมจะมองไม่ออกกัน
"เดี๋ยวเย็นๆ ฉันจะเข้าไปดูแผลให้เลสลีย์"
"ไม่ต้องบอกฉันก็ได้นี่"
"มันเป็นมารยาท" หมอหนุ่มย้อนเข้าให้ "อีกอย่างนั่นก็บ้านของนาย ดูๆ แล้วก็น่าคิดนะ ว่าทำไมเลสลีย์ถึงได้อยู่ที่นั่นแทนที่จะเป็นที่นี่"
"เก็บความสงสัยของนายไว้เถอะเอริค"
"แน่นอนว่าฉันมีคำตอบอยู่ในใจแล้วเชส ที่ถามนายก็แค่พูดไปอย่างงั้น"
"ฉันว่าทางที่ดีนายเตรียมใจไว้บ้างก็ดี เพราะบางทีลางสังหรณ์ของนายมันมักจะถูกเสมอ"
"นายกำลังหมายถึงใคร?"
"จากที่คุยกับเลสลีย์ ฉันว่ามันมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นอย่างที่นายคิดว่ะริค"
/////
"เดินหน้านิ่งมาแบบนี้เจออลิสแผลงฤทธิ์ือะไรเข้าให้อีกล่ะสิ" ลูฟที่นั่งอยู่ในห้องทำงานของหน่วยประจำการว่าเมื่อเห็นเพื่อนสนิทของตัวเองเดินเข้ามาด้วยท่าทีไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่
"นายก็พูุดเกินไปลูฟ" โจชัวที่นั่งอยู่ด้วยเอ่ยปราม ก่อนจะส่งแก้วทรงสวยที่มีเครื่องดื่มสีเข้มให้เชสด้วยความเคยชิน
"ฉันสงสารอลิเซีย แต่มันเป็นไปไม่ได้จริงๆ" หัวหน้าหน่วยว่าหลังจากที่กระดกเครื่องดื่มในมือจนหมดแก้ว
"แต่ฉันก็นับถือความพยายามของอลิสที่มาหานายนะเชส ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันอาจจะไม่กล้ามาด้วยซ้ำ" โจชัวออกความเห็นบ้าง
"นั่นน่ะคือความคิดของคนปกติ แต่อลิสน่ะเหมือนคนอื่นที่ไหน" ลูฟว่า
"จะยังไงก็ช่างเถอะ ยังไงฉันก็ต้องให้อลิเซียกลับไปเร็วที่สุด"
"พูดเหมือนง่ายนะเชส" ลูฟอดหัวเราะไม่ได้ ใครๆ ที่นี่ต่างก็รู้ดีว่าอลิเซียหัวรั้นแค่ไหน และก็เป็นประเภทที่รั้นแบบไม่มีเหตุผล ซึ่งก็ไม่แปลกว่าทำไมเชสถึงไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นัก
"ไม่ง่ายก็ต้องง่าย"
"นายก็ลองคุยกับอลิสดีๆ ดูสิ ฉันว่าเธอน่าจะเข้าใจ" คนที่มักจะทำตัวเป็นตัวกลางอย่างโจชัวก็ยังคงทำหน้าที่ได้ดีในทุกสถานการ์ณ
"ไว้ฉันคงต้องลองคุย"
"ลองคิดดูนะเชส ถ้าอลิเซียเจอเลสลีย์ขึ้นมา มีหวังนายได้โดนหล่อนแหกอกแน่" ลูฟทำท่าสยองเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองคิด จนเชสได้แต่ส่ายหัวให้กับการกระทำที่เกินไปของเพื่อนตัวเอง
"มันก็หลีกเลี่ยงที่จะเจอไม่ได้ ไม่ใช่หรือไง"
"ฉันว่านายลองให้เลสลีย์เลี่ยงดูก็ดีนะ อย่าลืมว่าเธอเป็นลูกสาวของหัวหน้าหน่วยกลาง"
"มันก็คงต้องเสี่ยง ใช่ว่าอลิเซียจะไม่รู้เสียเมื่อไหร่ว่ามีคนแดนเหนืออยู่ที่นี่"
"นายพูดถูกว่าเธอรู้ แต่นายกำลังลืมไปเปล่าเชสว่ากลิ่นของนายมันติดอยู่เต็มตัวเลสลีย์ จนแทบจะกลายเป็นกลิ่นของเจ้าตัวอยู่แล้ว" ลูฟเป็นฝ่ายเสริมความคิดเห็นของโจชัวขึ้นมาบ้าง "กลิ่นนายมันชัดมากจริงๆนะเชส"
"อีกไม่กี่วันเท่านั้นล่ะ"
"ไม่มีทาง.." ลูฟยังคงยืนกรานเถียง "นายมั่นใจนะเชสว่าไม่ได้กลบกลิ่นเลสลีย์เพิ่ม" เพราะถ้าไม่ใช่เหตุผลนี้มันก็คงไม่มีเหตุผลอื่นอีกแล้ว
"นั่นน่ะสิ" คำตอบจากปากเชส นั้นเรียกรอยยิ้มมุมปากของโจชัวกับลูฟขึ้นมาในทันที เอาเป็นว่าคงไม่ต้องพูดอะไรมากกว่านี้ก็คงเข้าใจกันอย่างดี
"อ่า.. เกือบลืมเลย" ลูฟดีดนิ้วดังเปร๊าะเมื่อฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ "เชส! ฉันหาอุโมงค์นั่นเจอแล้วตามที่นายบอกไว้"
"ตั้งแต่เมื่อไหร่" เชสวางแก้วในมือลงทันทีก่อนจะมาทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกันกับลูุฟ
"เมื่อวานนี้.. เรียกว่าบังเอิญถึงจะถูก ฉันไม่เคยคิดเลยจริงๆ ว่าเดอะฮิลล์จะมีอุโมงค์ที่นายว่าด้วย"
"มีใครรู้บ้าง?"
"แค่ฉันกับลูกน้องอีกสองคน ส่วนคนอื่นไม่น่าจะมีใครรู้"
"ลูกน้องนายไว้ใจได้มากแค่ไหน" เชสยังคงถามย้ำ
"ลูกน้องนายก็คือลูกน้องฉัน นายก็น่าจะรู้ดีว่าพวกนี้ปิดปากเงียบแค่ไหน"
"นี่นายกำลังพูดถึงเรื่องอุโมงค์อะไรกัน" โจชัวที่ไม่รู้เรื่องถึงกับต้องเปิดปากถาม "มีความลับอะไรที่ไม่ได้บอกฉันใช่ไหม"
"ก็รู้แล้วนี่ไง" เชสว่า "แล้วอุโมงค์นั่นอยู่ที่ไหน"
"อยู่แค่ใต้จมูุกพวกเราแค่นี้เอง..." มันไม่ใช่ที่อื่นไกลอะไรเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับเป็นที่ๆ ทุกคนมองข้ามอย่างไม่สนใจด้วยซ้ำ "ห้องใต้ดินของหน่วยประจำการเก่า.."
"ที่นั่นปิดตาย.."
"ใช่.. แล้วนายไม่สงสัยหรือไงว่าปิดตายทำไม"
และนั่นก็คือส่ิงที่เชสมองข้ามมาตลอดอย่างไม่คิดจะสนใจ หน่วยประจำการเก่าที่ถูกปล่อยทิ้งและปิดตายเต็มไปด้วยเถาวัลย์ ไม้เลื้อย รกทึบจนแทบไม่มีใครเข้าไปวุ่นวาย ที่แบบนั้นน่ะเหรอที่จะมีอุโมงค์
"แล้วนายได้ลองเข้าไปหรือยัง"
"ฉันเดินเข้าไปแค่นิดเดียว มันถูกปิดมานานเกินไป อากาศหายใจแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ"
"ให้มันได้อย่างงี้สิ" เชสขบกรามด้วยความหงุดหงิดใจ
"แล้วตกลง นายให้ลูฟหาอุโมงค์นั่นเพื่ออะไร?" โจชัวที่นั่งฟังอยู่นานเอ่ยถาม ขืนปล่อยให้บทสทนาไปมากกว่านี้ คงจะเป็นโจชัวเองที่สับสน
"อุโมงค์นั่นจะทำให้เราเข้าไปในแดนเหนือได้.."
"นายจะทำอะไร..."
"พวกนายไม่อยากลองไปแดนเหนือกันบ้างหรือไง"
รอยยิ้มของเชสในตอนนี้กำลังทำให้ทั้งลูฟและโจชัวนิ่งไปตามๆ กัน
"อย่าบอกนะว่านายกำลังหาทางช่วยเลสลีย์.." ลูฟละลักละล่ำถาม "ฉันว่ามันบ้าเกินไปแล้วเชส"
"อาจจะ.. หรือไม่ก็แค่เปิดทางไว้เท่านั้น"
"...."
"ถ้าเลสลีย์คนโตเอาตัวรอดได้มากพอ ฉันเชื่อว่าหมอนั่นจะหาทางมาที่นี่จนได้"
"นายไม่ควรไปยุ่งกับคนของสเปนเซอร์" โจชัวเตือนในทันที
"ถึงฉันไม่ยุ่ง นายคิดหรือว่าแอชเชอร์จะยอมหยุดง่ายๆ สักวันหนึ่งหมอนั่นก็ต้องดันทุรังกลับเข้าไปที่นั่น"
"แล้วนายเดือดร้อนอะไรด้วย?" ลูฟไม่ได้จะหาเรื่อง แต่เขาก็แค่ไม่เข้าใจในตัวเพื่อนตัวเองก็เท่านั้น
"ฉันแค่ต้องทำตามสัญญา"
"ทางที่ดีฉันว่านายควรจะกันแอชเชอร์น่าจะดีกว่าการที่จะบุกไปที่นั่น"
"ฉันยังไม่คิดเรื่องที่จะบุกไปที่นั่นจริงๆจังๆหรอกลูฟ แต่อย่างน้อยฉันก็ต้องหาทางรับมือหากพวกนั้นเล่นตุกติก"
ต่างฝ่ายก็ต่างยากจะคาดเดา เชสเองก็ไม่อยากประมาทริโอเท่าไหร่นัก แม้จะท้าทายอีกฝ่ายให้ไปตามตัวแอชเชอร์จากหน่วยกลาง ก็ใช่ว่าจะมั่นใจได้ทั้งหมด
"แล้วถ้าทางออกอีกฝั่งของอุโมงค์ปิดอยู่ เราก็จบเห่กันพอดีน่ะสิ"
"จากที่อาเธอร์บอก ทางออกอีกด้านจะอยู่ในฝั่งของตระกูลเลสลีย์"
"แต่ฉันไม่คิดว่าจะรอดพ้นสายตาริโอ" คนที่ฉลาดเป็นกรดเป็นริโอคงไม่พลาดอะไรที่อยู่ใกล้ตัวแบบนั้นแน่ๆ "นายไม่ควรประมาทคนแบบนั้น"
"อย่างน้อยฉันก็ควรทำอะไรสักอย่าง"
ภายในบ้านพักของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ ยังคงมีร่างขาวของอัลฟ่าแดนเหนือที่นั่งนิ่งนับเวลาถอยหลังอย่างใจเย็นจนน่าใจหาย ในมือขาวยังคงมีของเล่นที่เจ้าตัวถนัดมือไม่ห่าง ยิ่งคิด ยิ่งทบทวน ก็ยิ่งทำให้แอชเชอร์ขบกรามตัวเองแน่น
ตอนนี้ก็แค่รอเวลาเพียงเท่านั้น
แว่วเสียงของเกรย์วูล์ฟด้านนอกที่ส่งเสียงดีใจกันยกใหญ่ทำให้แอชเชอร์ตวัดสายตามองที่บานประตูบ้านที่จะต้องถูกเปิดภายในไม่ช้า ขาเรียวยาวหยัดตัวลุกขึ้นยืนช้าๆ ในขณะที่มือขาวยังคงใช้ปลายนิ้วลูบสิ่งที่อยู่ในมือ
ไทเลอร์คงกลับมาแล้ว...
แอ๊ด
ปัก!
ทันทีที่ไทเลอร์เปิดประตูเข้ามาภายในบ้านก็ต้องเบี่ยงตัวหลบในทันที ปลายมีดที่พุ่งเข้ามาหาเฉียดใบหน้าของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ ปลายมีดนั้นสร้างรอยแผลเล็กๆ จนเลือดซิบให้กับไทเลอร์อย่างไม่มีข้อแม้ หากเบี่ยงตัวหลบไม่ทันป่านนี้มีดที่ปักอยู่บนบานประตูด้านหลังไทเลอร์คงปักเข้าที่หน้าของเจ้าตัวเป็นแน่
"นี่เป็นวิธีทักทายของแดนเหนือหรือเลสลีย์" หลังมือใหญ่ปาดเลือดที่ไหลบริเวณโหนกแก้มตัวเองออกลวกๆ ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้อัลฟ่าแดนเหนือที่ยืนจ้องหน้าตัวเองนิ่ง
"มันก็เหมาะกับคนโกหกแบบนายดี"
ยิ่งไทเลอร์ยังคงทำเป็นไม่รู้เรื่องก็ยิ่งทำให้คนที่เดือดอยู่ก่อนหน้านี้ยิ่งร้อนกันเข้าไปใหญ่
"พูดให้มันรู้เรื่อง" คนผิวเข้มว่า แต่ยิ่งไทเลอร์เดินเข้าใกล้ เลสลีย์ก็ยิ่งเดินถอยหนี
"นายบอกว่าอาเธอร์ไม่ได้มาที่นี่... แล้วนี่มันอะไร!"
เสื้อที่กองอยู่ด้านหลังซึ่งอยู่ใกล้มือถูกปาใส่หน้าของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์อย่างเต็มแรง จนเจ้าของใบหน้าหล่อคมต้องผินหน้าหลบแรงกระแทกนั่น
เสื้อของอาเธอร์ที่อยู่ในห้องของเชสนั่นเองที่ถูกปาใส่หน้าของหัวหน้าหน่วย คงต้องโทษความผิดพลาดของเชสเองที่ไม่จัดการอะไรให้เรียบร้อย ถึงได้ตกไปอยู่ในมือของแอชเชอร์ที่ชอบ
"สนุกมากไหมที่หลอกฉันได้"
"...."
"ต่อให้นายจะไม่สนุก แต่นายก็เล่นกับความรู้สึกของฉันเกินไปไทเลอร์"
"แล้วการที่ฉันบอกนายไปว่าอาเธอร์มาที่นี่ มันจะช่วยอะไรนายได้"
"อย่างน้อยฉันก็แค่อยากเห็นว่าเขายังสบายดี"
"ถ้าอยากจะรู้นัก ฉันก็จะบอกให้..."
"...."
"พี่ชายนายยังสบายดี แล้วก็ยังสบายดีในฐานะคนของสเปนเซอร์"
"!!!"
"นึกได้หรือยังล่ะว่าฉันถามนายด้วยคำถามนั้นทำไม"
"นายกำลังบอกว่าอาเธอร์เป็นคนของมัน.."
"ฉันก็พูดตามที่เห็น ถ้าฉันไม่เห็นว่าพี่นายยืนพลอดรักอยู่กับริโอก็คงพูดไม่ได้หรอก"
มือสวยกำเข้าหากันแน่นเพราะความโกรธจัดจนตัวสั่น คำพูดของไทเลอร์มันเหมือนกับน้ำเย็นที่สาดเข้ามาที่ใบหน้าของแอชเชอร์จนชาไปทั้งใบหน้า
"นาย..."
"มันคือความจริงที่นายเองก็รู้อยู่แก่ใจแต่ไม่เคยยอมรับเลสลีย์"
"หยุดพูด!!"
แอชเชอร์ที่มักจะยอมเมินเฉยต่อคำพูดของไทเลอร์ในตอนนี้กลับควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่ ทั้งโกรธที่ถูกหลอกและเกลียดที่ต้องได้ยินคนนอกพูดถึงคนในครอบครัวของตัวเอง
"ความจริงเป็นยังไงนายก็รู้ดี"
"อย่าพูดออกมา ถ้านายไม่ได้รู้จักพวกฉันดีพอ.."
"บางที.. ฉันอาจจะรู้จักนายมากกว่าที่นายรู้จักตัวเองเสียอีก"
มือใหญ่คว้าเข้าเต็มแรงที่ข้อมือขาวของคนที่หยุดยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะก้มหน้าลงไปกระซิบเสียงเย็นใส่อัลฟ่าแดนเหนือที่จมอยู่ในความคิดของตัวเอง
"นายจะรับผิดชอบแผลที่หน้าของฉันยังไงดีล่ะ แอชเชอร์"
HASTAG #youngmastermn
TALK : อธิบายเพิ่มเติมสำหรับอัลฟ่าในเรื่องนะคะ ในส่วนของเวิร์สนี้เราของปรับเปลี่ยนรายละเอียดในเรื่องเป็นดังนี้ค่ะ อัลฟ่าในเรื่องสามารถท้องได้(alpha x alpha) โดยจะมีโอกาสน้อยมาก(10%) ที่จะท้องถ้าเทียบกับ (alpha x omega) ซึ่งเด็กที่เกิดมาจะเป็นทรูอัลฟ่า (ยกตัวอย่างเช่น เชส ไทเลอร์) ส่วนในกรณีของทรูอัลฟ่ากับอัลฟ่า จะมีโอกาสท้องมากกว่า(30%) ซึ่งในกรณีของทรูอัลฟ่าจะพิเศษกว่าที่มีพละกำลังมากกว่าอัลฟ่าปกติ ส่วนมากจะถูกผลักดันให้เป็นผู้นำเสียส่วนใหญ่ สามารถได้กลิ่นของทุกเพศสภาพทั้งโอเมก้า เบต้า อัลฟ่า (ส่วนอัลฟ่าปกติมักจะได้กลิ่นแค่อัลฟ่าด้วยกันเอง และกลิ่นโอเมก้าเท่านั้น) ทรูอัลฟ่าสามารถเกิดอาการรัทขึ้นได้ตลอดโดยไม่สามารถกำหนดได้(ตรงข้ามกับอัลฟ่าปกติที่จะรัทเวลาได้กลิ่นโอเมก้าฮีท) ส่วนรอยัลอัลฟ่า(ริโอ) คือทรูอัลฟ่าที่เกิดจากเชื้อสายราชวงศ์ ทำให้ไม่ได้ถูกเรียกว่าเป็นทรูอัลฟ่าเหมือนปกติ (ขอเก็บไว้อธิบายตัวละครต่อในเรื่องนะคะ)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in